กินปลาเยอะๆจะได้ฉลาดขึ้น จริงหรือ ไม่
โอเมก้า3 นี่แหละ เป็นตัวบำรุงสมองชั้นดี ที่มาของ กินปลาเยอะๆจะได้ฉลาด
อาหารที่มีโอเมก้า3
ในบรรดาอาหารทั้งหมด ปลาได้ชื่อว่าเป็นแหล่งของโอเมก้า 3 ที่ดีที่สุด อาหารที่อุดมด้วยสารอาหารโอเมก้า 3 ทั้ง 2 ประเภทหลักที่มี DHA และ EPA สามารถพบได้ในปลาทะเลที่มีน้ำมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาเฮอริ่ง อัลบาคอร์ และปลาทู พืชตระกูลถั่ว ได้แก่ เมล็ดแฟลกซ์ ถั่วพีแคน ถั่วเฮเซลนัท และถั่ววอลนัท เป็นต้น
โอเมก้า 3 ทานตอนไหนดีที่สุด
โดยปกติแล้ว ร่างกายจะดูดซึมสารอาหารได้ดีที่สุดในช่วงเวลา 12.00 - 20.00 น. โดยเฉพาะขณะที่กินอาหารหรือหลังจากกินอาหารเข้าไปแล้ว ดังนั้น หากจะให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดจึงควรกินน้ำมันปลาระหว่างมื้ออาหารหรือหลังจากมื้ออาหาร ภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที
โอเมก้า 3 6 9 มีประโยชน์อย่างไร
- บำรุงผิวพรรณ ป้องกันการสูญเสียความชื้นจากผิวหนัง และยังช่วยลดความเสียหายจากรังสีอัลตราไวโอเลต - บำรุงสายตา สมอง และความจำ รวมทั้งเป็นสารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการทางสมองของเด็กทารก - ลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็ง ลดการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยง และความรุนแรงของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ความแตกต่างระหว่าง
น้ำมันปลากับโอเมก้า 3
น้ำมันปลาเป็นน้ำมันที่ผลิตจากเนื้อเยื่อของปลา โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมัน โดยเฉพาะกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
โอเมก้า3 กินวันละเท่าไร
ควรบริโภคโอเมก้า 200 มก./วัน จะช่วยบำรุงสมอง และลดระดับ Cortisol ได้ดี แต่ไม่ควรบริโภคอาหารเสริมที่มี Omega 3 ติดต่อกันนานเกิน 3 เดือน เพราะอาจส่งผลกระทบต่อลำไส้ และหากบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในทางตรงกันข้าม
โอเมก้า 3 อันตรายไหม
อาหารเสริมโอเมก้า 3 มักไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่บริโภคอาหารเสริมโอเมก้า 3 อาจได้รับผลข้างเคียงบ้างซึ่งไม่ร้ายแรง โดยจะก่อให้เกิดอาการที่ส่งผลต่อกระเพาะอาหารหรือลำไส้เพียงเล็กน้อย เช่น อาหารไม่ย่อย หรือท้องร่วง
สรุป น้ำมันปลาและน้ำมันตับปลา มีส่วนประกอบสำคัญที่เหมือนกัน คือ กรดไขมันโอเมก้า 3 ได้แก่ Docosahexaenoic acid (DHA) และ Eicosapentaenoic acid (EPA) แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ น้ำมันตับปลาจะมี วิตามินเอและวิตามินดี เป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย
DHA ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ
กินปลาทุกวันเป็นอะไรไหม
คำแนะนำขององค์การอนามัยโลกคือ คนควรกินปลาอย่างน้อย 1-2 มื้อต่อสัปดาห์ แต่ละมื้อปลาควรมีปริมาณตั้งแต่ 100-150 กรัม หากปฏิบัติตามนี้จะลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้
ไข่แดง มีโอเมก้า 3 โดยเฉพาะกรดไขมันชนิดแอลฟาไลโนเลนิก (ALA) สูง ซึ่งเป็นกรดไขมันตั้งต้นให้ร่างกายสังเคราะห์ EPA และ DHA ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ในไข่แดงมีโคลีน (Choline) ที่จะช่วยพัฒนาความจำและบำรุงสมองให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น
สรุปแล้วกินปลาเยอะๆจะช่วยบำรุงสมองเพราะมีโอเมก้า3เยอะนั่นเอง