11 แหล่งสะสมเชื้อโรค แบคทีเรีย ภายในบ้าน ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
1.ห้องครัว
สมาคมสุขาภิบาลแห่งชาติ (National Sanitation Foundation, NSF) พบว่า บริเวณที่ใช้เก็บอาหาร หรือมุมเตรียมอาหาร มีแบคทีเรีย มากกว่า เมื่อเทียบกับมุมอื่น ๆ ภายในบ้าน นอกจากนี้ 75% ของฟองน้ำล้างจาน และผ้าขี้ริ้ว มีซาลโมเนลลา (Salmonella) และอี. โคไล (E. coli)
รองศาสตราจารย์ท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า อ่างล้างจานเป็นสถานที่ที่เลวร้ายที่สุดในห้องครัว ถึงแม้จะเป็นจุดที่เราใช้ทำความสะอาดทุก ๆ สิ่ง ทั้งผัก ผลไม้ จานชาม และเนื้อสัตว์ แต่นั่นเป็นสาเหตุให้ อ่างล้างจานเป็นจุดสะสมสิ่งสกปรกจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นโรงงานแบคทีเรียขนาดย่อมเลยก็ว่าได้
ข้อแนะนำ
- ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เช็ดทำความสะอาดห้องครัว
- นำฟองน้ำล้างจานไปใส่ในไมโครเวฟเป็นเวลาประมาณ 1 นาทีเพื่อฆ่าแบคทีเรีย
- เปลี่ยนผ้าขี้ริ้วสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
- ล้างมือก่อน และ หลังจับอาหาร
- ทำความสะอาดอ่างล้างจานก่อน และหลังใช้งาน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ 1 – 2 ครั้ง และเช็ดให้แห้งหลังล้างเสร็จ
- ท่อระบายน้ำควรทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ด้วยสารฟอกขาวผสมกับน้ำเปล่า เทลงไปในท่อระบายน้ำ แล้วเปิดน้ำไว้เพื่อล้างท่อให้สะอาด
2.ลูกบิดประตู กลอนประตู ปุ่มบนอุปกรณ์ต่าง ๆ และสวิตซ์ไฟ
จากการสำรวจกลับพบว่ามีจุดที่มีการสะสมของแบคทีเรียสูง ได้แก่ สวิตช์ไฟห้องน้ำ ที่จับตู้เย็น ปุ่มเปิดเตาแก๊ส ที่จับไมโครเวฟ ผลวิจัยในปี 2562 ระบุว่า เชื้อโรคอาศัยอยู่ที่ลูกบิดประตูถึง 90 % เพียงแค่ทำความสะอาดลูกบิดประตู ก็จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ถึง 80 – 99 %
ข้อแนะนำ
- ใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เช็ดให้ทั่วลูกบิดประตู ควรทำความสะอาดอย่างน้อย 2 – 3 ครั้ง / สัปดาห์ หรือใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดบนทิชชู แล้วเช็ดก่อนสัมผัสทุกครั้ง ทั้งนี้ต้องดูวัสดุของลูกบิดประตูของแต่ละบ้าน เพราะวัสดุแต่ละอย่างก็จะมีการบำรุงรักษาที่แตกต่างกันไป
- ทำความสะอาดสวิตช์ไฟอย่างสม่ำเสมอ โดยการฉีดแอลกอฮอล์ลงบนผ้า และนำไปเช็ดสวิตช์ไฟให้ทั่ว หลังจากนั้นให้นำผ้าแห้งมาเช็ดซ้ำอีกครั้ง
- ทำความสะอาดได้ด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
3.เมาส์ คีย์บอร์ด และ รีโมทอุปกรณ์ไฟฟ้า
เชื้อโรค และแบคทีเรีย ทั้งบนมือ เศษอาหาร รวมถึงเชื้อโรคที่ซ่อนตัวอยู่ในคีย์บอร์ด และรีโมทอุปกรณ์ต่าง ๆ กำลัง Move on เป็นวงกลม และตามร่องของคีย์บอร์ดสะสมสิ่งสกปรกได้จำนวนมาก แถมปุ่มกดรีโมทหลายรุ่นยังคงเป็นยาง ซึ่งดูดซับคราบเหงื่อ และสิ่งสกปรกไว้มากกว่าพื้นผิวอื่น ๆ ประกอบกับไม่ได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำ จึงเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค แบคทีเรีย และเชื้อราจำนวนมาก จากผลการศึกษาในต่างประเทศ พบว่า รีโมทในห้องพักโรงแรม ถือว่าเป็นวัตถุที่สกปรกที่สุดภายในห้อง และคีย์บอร์ดส่วนใหญ่มีเชื้อโรค มากกว่า ฝารองนั่งชักโครก
ข้อแนะนำ
- สำหรับรีโมทอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่บ้าน ควรทำความสะอาดเดือนละครั้ง ส่วนเมาส์ และคีย์บอร์ด ควรทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยใช้แปรงปัดฝุ่นออกจากร่องของปุ่มกดก่อน จากนั้นใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ เช็ดรอบ ๆ รีโมท และใช้คอตตอนบัดชุบแอลกอฮอล์ เช็ดเก็บรายละเอียดตามร่องของปุ่มกด เสร็จแล้วเช็ดด้วยผ้าแห้งอีกครั้ง
4.เครื่องซักผ้า
หากผ้าที่เปียกชื้นค้างอยู่ในเครื่องซักผ้า แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ ก็สามารถทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตขึ้นได้
ข้อแนะนำ
- ควรนำผ้ามาตากทันทีหลังจากที่ซักเสร็จ
- หากทิ้งผ้าไว้นานเกิน 30 นาที ควรเริ่มซักผ้าใหม่อีกครั้ง
5.ราวบันได
ทุกคนในบ้านต้องสัมผัสราวบันไดทุกครั้งเมื่อเดินขึ้นลง โดยเฉพาะเด็ก และผู้สูงอายุ คงจะไม่ปลอดภัยนัก ถ้าทุกครั้งที่สัมผัสจะพบความมัน คราบฝุ่น รอยมือ/เท้า หรือเชื้อโรคที่ซ่อนอยู่ การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ นอกจากป้องกันการสะสมของเชื้อโรคแล้ว ยังแถมความสวยงามน่าใช้งานอีกด้วย
ข้อแนะนำ
- ทำความสะอาดโดย ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นผสมน้ำยาฆ่าเชื้อ บิดผ้าให้หมาด นำไปเช็ดให้ทั่วบริเวณ แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำอีกครั้ง
6.ห้องน้ำ
ความชื้นภายในห้องน้ำ เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย โดยจุดที่มักจะมีแบคทีเรียสะสม ได้แก่ ท่อระบายน้ำ ก๊อกน้ำ พื้นที่บริเวณรอบชักโครก ผ้าเช็ดตัว และแปรงสีฟัน
ฝารองนั่งชักโครกเต็มไปด้วยเชื้อโรค แบคทีเรีย ที่จะทำให้ท้องร่วง หรืออาจจะเป็นโรคติดต่อทางช่องคลอดได้อีก ถ้าบ้านไหนเก็บแปรงสีฟันใกล้ชักโครก ผลวิจัยจากฝั่งอังกฤษได้อธิบายไว้ว่า ชักโครกสามารถปล่อยละอองเชื้อโรคได้มากกว่า 10 ล้านตัวไปบนแปรงสีฟัน และบริเวณโดยรอบในห้องน้ำได้
ข้อแนะนำ
- ควรทำความสะอาดห้องน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง นำแปรงสีฟันเก่ามาขัดในซอกต่าง ๆ อย่างเช่น รอบ ๆ ท่อระบายน้ำ และก๊อกน้ำ และควรเปลี่ยนผ้าเช็ดเท้าสัปดาห์ละ 1 ครั้ง รวมถึงเปลี่ยนแปรงสีฟัน ทุก ๆ 3-4 เดือน
- ทำความสะอาดฝารองนั่งชักโครก โดยใช้แปรงจุ่มน้ำยาล้างจาน ผสมกับน้ำเปล่า นำมาขัดทำความสะอาดเบา ๆ และล้างออกด้วยน้ำเปล่าจนสะอาด
7.ก๊อกน้ำ
ในต่างประเทศ มีการวิจัย การเปรียบเทียบเชื้อโรคในห้องน้ำของประชาชน พบว่า ก๊อกน้ำถือว่าเป็นจุดที่สกปรกที่สุดอันดับที่ 2 เลยทีเดียว
ข้อแนะนำ
- ควรทำความสะอาดก๊อกน้ำก่อนล้างมือ หรือทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ล้างด้วยน้ำอุ่น และสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค สำหรับก๊อกสาธารณะ หลังจากเช็ดมือแห้งแล้ว ให้ใช้กระดาษทิชชูปิดก๊อกน้ำ
8.กระเป๋าเครื่องสำอาง
เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย เพราะหลายคนมักจะพกไปไหนมาไหนด้วยตลอด เชื้อโรคที่อยู่ในกระเป๋าเครื่องสำอางสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิว และดวงตาได้
ข้อแนะนำ
- หมั่นทำความสะอาดกระเป๋าเครื่องสำอาง รวมถึงอุปกรณ์แต่งหน้าเป็นประจำด้วย
- แพทย์ยังแนะนำให้เปลี่ยนเครื่องสำอางทุก ๆ 6 เดือน
- ควรเลิกใช้อุปกรณ์ตกแต่งดวงตาทันที หากเกิดการติดเชื้อที่ดวงตา
9.ของใช้ส่วนตัว
คุณสามารถนำเชื้อโรคจากนอกบ้านเข้ามาในบ้านได้ด้วยของใช้ส่วนตัว อย่างเช่น รองเท้า ถุงผ้า หรือหูฟัง จากการสำรวจของสมาคมสุขาภิบาลแห่งชาติ พบว่า พบการปนเปื้อนของยีสต์ รา และอุจจาระ ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนี้ โทรศัพท์มือถือ ลูกกุญแจ กระเป๋าสตางค์และเงิน กล่องใส่อาหาร
ข้อแนะนำ
- หมั่นทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวเหล่านี้ เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อโรคชนิดอื่น
10.ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน
ผลวิจัยในปี 2559 ระบุว่า บนปลอกหมอนที่ไม่ได้ซักทำความสะอาด 1 สัปดาห์ จะเต็มไปด้วยแบคทีเรียโดยเฉลี่ย 3 ล้านหน่วยต่อตารางนิ้ว ถ้าไม่ได้ซักปลอกหมอนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ จะมีแบคทีเรียมากถึง 8.51 ล้านหน่วยต่อตารางนิ้ว
ข้อแนะนำ
- ควรเปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
11.ผ้าม่าน มุ้งลวด มู่ลี่
ถือว่าเป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรกชั้นดี และเป็นแหล่งซ่อนตัวของเชื้อโรค และเชื้อราอีกด้วย เพราะต้องรับลมที่ผ่านเข้าออกจากบ้าน แน่นอนว่ารับฝุ่นจากภายนอกเข้ามาด้วย
ข้อแนะนำ
- ถอดผ้าม่านมาซัก อย่างน้อยทุก 3 – 6 เดือน
- ทำความสะอาดมุ้งลวดโดยการล้างด้วยน้ำสบู่ และใช้แปรงขัดให้สะอาด ก่อนนำไปผึ่งแห้ง
- มู่ลี่ให้นำผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำแล้วเช็ดทีละซี่ จากนั้นใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำอีกรอบ