24 กิจกรรมยาก ๆ ที่ควรทำเพื่อให้ก้าวล้ำผู้อื่นในปีนี้
1. เขียนหนังสือ อาจเขียนเป็นเรื่องราวสั้น ๆ ในช่วงวันหยุด หรือหากเป็นนักเขียนอยู่แล้วก็หมั่นเขียนทุกวัน ซึ่งหนังสือที่เขียนนั้นก็เปรียบเสมือนนามบัตรที่จะช่วยให้ผู้อ่านได้รู้จักตัวตนของเราจากสิ่งที่เราเขียนนั่นเอง อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้ที่จะมาพร้อมกับการรับเครดิตความน่าเชื่อถือที่จะได้รับจากผู้อ่าน และยังเป็นการฝึกทักษะการสื่อสารจากการเขียนได้อีกด้วย
.
2. สร้างช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้เชิงลึก หรือการอยู่กับตัวเองโดยไม่มีสิ่งรบกวน และตัดขาดจากโลกภายนอก หากมีสมาธิมากพอ ช่วงเวลานั้นก็จะเกิดความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง
.
3. เดินทางคนเดียว ไม่ใช่การเดินทางไปทำงาน หรือไปเที่ยวแต่อย่างใด แต่เป็นการเดินทางเพื่อพาตัวเองออกจากสิ่งเดิม ๆ และค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่อาจสร้างแรงบันดาลใจให้จากการเดินทางครั้งนี้
.
4. อัดคลิปทำช่องทางโซเชียลมีเดียของตัวเอง โดยการลงในสิ่งที่ตัวเองสนใจ ถึงแม้การทำเช่นนี้ดูจะไม่เกิดประโยชน์อะไรในช่วงแรก แต่ในสักวันคลิปเหล่านั้นอาจให้ผลตอบแทนในอนาคต เช่น คลิปอาจเป็นที่นิยมจนสามารถสร้างชื่อเสียง และสามารถต่อยอดเป็นการสร้างรายได้ในที่สุดก็เป็นได้
.
5. กลับไปช่วงหุ่นที่ดีที่สุดของคุณ แม้สิ่งนี้ดูเป็นกิจกรรมที่ยากเกินกว่าจะปฏิบัติได้ แต่ถ้าหากมีความพยายามจนทำมันสำเร็จได้นั่นก็จะเป็นประโยชน์กับสุขภาพกาย และสุขภาพจิตไม่ใช่น้อย
.
6. หาโอกาสไปพูดในที่สาธารณะ ซึ่งก่อนที่จะได้พูดในที่สาธารณะนั้นก็จะต้องเรียนรู้กระบวนการเตรียมตัวก่อนขึ้นพูดในที่สาธารณะ ซึ่งจะช่วยให้สามารถก้าวผ่านความกลัว หรือความกังวลที่จะพูด และในอนาคตก็อาจพัฒนาไปเป็นผู้พูดที่ดีก็เป็นได้
.
7. ทำรายการสัมภาษณ์คน ที่จะทำให้เราเรียนรู้เรื่องราวของผู้คนที่แตกต่างกันออกไป
.
8. ทำสิ่งที่กลัว เมื่อสามารถกล้าเผชิญหน้ากับความกลัว และสามารถก้าวผ่านความกลัวนั้นไปได้แล้ว มุมมองที่มีต่อสิ่งนั้นก็จะเปลี่ยนไป และสิ่งเหล่านั้นอาจไม่น่ากลัวเหมือนที่คิด (ไม่ใช่การทำในสิ่งที่เป็นอันตรายต่อชีวิต)
.
9. เขียนโพสต์บนโซเชียลมีเดียให้เป็นสาธารณะ อย่างการเขียนที่ให้ความรู้ ให้สาระที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
.
10. เขียนนิยายออนไลน์ การเขียน หรือการอ่านนิยายสมัยนี้นั้นช่างง่ายดาย เขียนเสร็จก็โพสต์ลงแพลตฟอร์มที่ต้องการได้เลย
.
11. ลองอยู่ในกลุ่มที่ไม่อยากอยู่ ลองเปิดใจกับสิ่งที่ทำแล้วไม่เสียดาย ไม่ลองก็ไม่รู้ เพราะไม่แน่ว่าเราอาจถูกใจกับมันก็ได้
.
12. เรียนรู้ภาษาใหม่ ไม่จำเป็นต้องจริงจังจนกดดันตัวเอง แต่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพราะทุกภาษาที่ได้เรียนรู้จะเป็นประโยชน์ในอนาคตไม่มากก็น้อย
.
13. ทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปอีก เช่น การพัฒนาฝีมือต่อยอดจากงานอดิเรกที่ชอบ และเป็นไปได้ว่าจะสามารถสร้างรายได้จากการต่อยอดครั้งนี้ในอนาคตภายหน้า
.
14. เสนอตัวเองเป็นที่ปรึกษาของใครสักคน หากคิดว่าตนมีความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เขาต้องการความช่วยเหลือ
.
15. หยุดเล่นโซเชียลมีเดีย 1 อาทิตย์ หากทำไม่ได้นั่นคืออาการติดโซเชียล หนทางที่พอจะช่วยบรรเทาได้นั่นก็คือ การปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าใจว่าตนนั้นสามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่ปล่อยให้โซเชียลมีเดียมาควบคุมชีวิต
.
16. เลิกกระตุ้น สารโดพามีน (Dopamine) ในทางที่ไม่ดีต่อร่างกาย สามารถควบคุมได้ด้วยการปิดแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดีย แล้วพาตัวเองไปอยู่กับธรรมชาติ ให้ร่างกายได้รับรู้สิ่งที่ดี จึงจะหลั่งสารที่ดีต่อร่างกาย
.
17. ให้ความสำคัญกับ Networking หรือการสร้างมิตรภาพกับคนในหลากหลายวงการ โดยสิ่งที่ต้องมีก็คือ การทำให้ผู้อื่นเห็นว่าเรามีคุณค่า, อยู่ในสังคมที่ไม่เอาเปรียบเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ, ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน
.
18. เขียนบันทึกสิ่งต่าง ๆ ทุกวัน
.
19. เดินทางไปต่างประเทศ หรือใช้ชีวิตด้วยตัวเองคนเดียวโดยไม่มีตัวช่วย ซึ่งจะช่วยให้เราได้รู้จักการเรียนรู้ แก้ไขปัญหาด้วยตัวเองอย่างแท้จริง
.
20. ลองปีนผา นับเป็นกีฬาที่ต้องใช้หลายทักษะกว่าจะได้ปีนจนถึงจุดปลายทาง แต่นั่นก็เป็นอีกหนึ่งแบบฝึกหัดชีวิตที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย
.
21. ทำอะไรคนเดียวให้เป็น ลองใช้ชีวิตแบบไม่ต้องรอใครไปเป็นเพื่อนด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป
.
22. คุยกับคนแปลกหน้าให้มากขึ้น แม้จะอึดอัดบ้างแต่ก็อาจทำให้ได้พบกับประสบการณ์ที่น่าจดจำ และมิตรภาพที่ดีมาในชีวิต
.
23. เพิ่ม Output วันละ 1-5% เพิ่มระดับ หรือพัฒนาสิ่งที่ทำอยู่ให้ดีขึ้นทีละน้อย
.
24. วางแผนชีวิตให้เป็น Dashboard ยิ่งติดตามผลข้อมูลสิ่งใดก็ตาม สิ่งนั้นก็จะยิ่งสามารถบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น
.
สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่าง แต่ถ้าได้ทำสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นบ้าง ได้ลองอะไรใหม่ ๆ เข้ามาสร้างประสบการณ์ ความทรงจำที่อาจดีบ้าง แย่บ้างในชีวิต แต่อย่างน้อยก็ทำให้ได้เรียนรู้ และได้ลองทำในสิ่งที่ไม่คิดจะทำในชีวิตดูบ้างก็ไม่เสียหาย
อ้างอิงจาก: stampchan