เด็กชายผู้จ้องตะเกียง 'กาลิเลโอ กาลิเลอี' ผู้อุทิศตนให้กับความเชื่อมั่นอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์
สวัสดีครับ ในกระทู้นี้จะขอกล่าวถึง 1 ในนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่สุดของโลกกันนะครับนั่นคือ 'กาลิเลโอ กาลิเลอี' หรือนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ชื่อว่า 'บิดาแห่งวิทยาศาสตร์'
เด็กชายผู้จ้องตะเกียง
…
เกริ่นนำ ในโบสถ์แห่งหนึ่ง ณ เมืองปีซ่าเมื่อสี่ร้อยกว่าปีก่อน เด็กชายคนหนึ่งเฝ้ามองตะเกียงห้อยเพดานที่นักบวชดึงมาจุดไฟและปล่อยกลับไป เด็กน้อยมองตะเกียงที่แกว่งไปมาพร้อมๆกับจับชีพจรตัวเองไปด้วย แล้วเขาก็พบว่าการแกว่งไปมาของโคมไฟแต่ละรอบใช้เวลาเท่ากัน ไม่ว่าช่วงกว้างของการแกว่งจะต่างกันแค่ใดก็ตาม
เด็กชายคนนั้นเป็นบุตรของนักดนตรีชาวเมืองปีซ่า พ่อของเด็กน้อยตั้งชื่อให้เขาว่า กาลิเลโอ กาลิเลอี ชื่อที่นักวิทยาศาสตร์ทุกคนบนโลกนี้รู้จัก
กาลิเลโอเกิดขึ้นมาท่ามกลางอิทธิพลความรู้และความคิดของนักปราชญ์โบราณนามอริสโตเติล ทฤษฎีมากมายในวิชาวิทยาศาสตร์และปรัชญาสมัยนั้นล้วนแล้วแต่ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้ของนักปราชญ์ชาวกรีก ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีที่ว่า วัตถุสองสิ่งที่มีน้ำหนักไม่เท่ากันย่อมตกถึงพื้นไม่พร้อมกัน
หรือทฤษฎีดวงอาทิตย์และดาวอื่น ๆ หมุนรอบโลกที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาล
เรื่องนี้อันที่จริงเราจะกล่าวหาให้อริสโตเติลเป็นผู้ร้ายแต่เพียงผู้เดียวก็ไม่ถูกนัก สมัยของอริสโตเติลกับสมัยกาลิเลโอนั้นห่างกันเป็นพันปี และที่สำคัญความรู้และทฤษฎีในสมัยก่อนนั้นไม่มีทดลอง ไม่มีการพิสูจน์
"การพิสูจน์" วิถีความคิดอันนี้แหละที่ทำให้กาลิเลโอยิ่งใหญ่ในสายตาของนักวิทยาศาสตร์ยุคหลังมาจนถึงทุกวันนี้
กาลิเลโอค้นพบหัวใจของวิชาวิทยาศาสตร์ว่า การจะค้นหาคำตอบของคำถามทั้งหลายให้ได้นั้น จะใช้เพียงการสังเกตแล้วคิดเอาด้วยสำนึำของปราชญ์อย่างแต่ก่อนคงไม่พอ ต่อให้เป็นนักปราชญ์ที่เป็นที่ยอมรับของผู้คนมากเท่าไรก็ตาม ทุกทฤษฎีจำต้องมีการทดลองเพื่อพิสูจน์ด้วย
และแล้วการทดลองปล่อยหินที่มีขนาดต่างๆ กันจากหอเอนปีซ่าก็เกิดขึ้นต่อหน้าฝูงชน กาลิเลโอลบล้างทฤษฎีของอริสโตเติลท่ามกลางที่สาธารณะ ฝั่งที่เชื่อในอริสโตเติลจึงเริ่มไม่พอใจชายหนุ่มคนนี้
ชื่อเสียงของกาลิเลโอเริ่มกระจายออกไปมากขึ้น เขาได้งานเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยปาดัว ระหว่างนั้นเองเขาเริ่มอยากจะพิสูจน์ทฤษฎีสองทฤษฎีที่ขัดกันอยู่ นั่นคือทฤษฎีโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล (ของปโตเลมีกับอริสโตเติล) และทฤษฎีโลกไม่ได้เป็นศูนย์กลาง แต่เป็นดาวที่หมุนรอบดวงอาทิตย์เหมือนดาวอื่นๆ (ของโคเปอร์นิคัส)
ซึ่งทฤษฎีแรกนี้ไปตรงกับคำสอนของคริสต์ศาสนาที่ว่า พระเจ้าเป็นผู้สร้างจักรวาล และทำให้จักรวาลเป็นลูกทรงกลม จากนั้นพระองค์จึงทรงวางโลกไว้ตรงกลาง
ในสมัยของกาลิเลโอนั้น การประกาศทฤษฎีโลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางจักรวาลนั้นถือว่ามีความคิดเห็นขัดต่อพระคัมภีร์และอาจมีโทษถึงประหารชีวิต โคเปอร์นิคัสจึงไม่สามารถประกาศความเชื่อของตัวเองได้ นอกจากพูดคุยกันในหมู่อาจารย์มหาวิทยาลัยด้วยกัน
แม้ว่าที่ห้องเรียนในปาดัวของกาลิเลโอจะแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่สนใจมาฟังเขาบรรยายเรื่องการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น สะพานโค้ง การถอดรู้ท วิถีพาราโบล่าของกระสุนปืนใหญ่ รวมไปถึงการสร้างกล้องดูดาว เป็นต้น แต่เมื่อใดก็ตามที่กาลิเลโอพูดถึงจักรวาลที่ไม่อยู่นิ่ง พูดถึงโลกที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งขัดกับหลักของอริสโตเติลและคำสอนของศาสนา เรื่องเหล่านี้ก็จะถูกผู้ไม่หวังดีนำไปเล่าให้ผู้มีอำนาจทางฝ่ายคริสตจักรฟังเสมอ
ในที่สุดกาลิเลโอก็ถูกขึ้นบัญชีดำของผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับศาสนจักร
และในช่วงเวลาใกล้ ๆ กันนั้น บรูโนนักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งซึ่งกล้าหาญเที่ยวประกาศไปทั่วว่าทฤษฎีโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาลนั้นเป็นทฤษฎีที่ผิด ก็ถูกตัดสินให้ถูกเผาทั้งเป็นไปแล้ว
หลังการสอนหนังสือ กาลิเลโอมักใช้เวลายามค่ำคืนอยู่กับกล้องดูดาวที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเองเฝ้ามองผืนนภาอันกว้างใหญ่ เพื่อที่จะหาข้อยืนยันว่าโลกเรานั้นหมุนรอบดาวดวงอื่นให้ได้
เขาส่องเห็นบริวารสี่ดวงของดาวพฤหัสเปลี่ยนตำแหน่งไปทุกวัน บางวันมองเห็นเพียงแค่สามดวงเพราะถูกดาวพฤหัสบังอยู่หนึ่ง เขาเริ่มแน่ใจกับหลักฐานอันนี้ ด้วยความคิดว่าอย่างน้อยดาวบริวารดวงเล็ก ๆ สามสี่ดวงนั้นก็ยังหมุนรอบดาวพฤหัส มันไม่ได้หมุนรอบโลกทุกดวงอย่างที่ทฤษฎีเก่าว่าไว้
จนในที่สุดเมื่อเขาหาวิธีส่องดูดวงอาทิตย์ได้โดยไม่แสบตา เขาก็ค้นพบว่าเมื่อเวลาผ่านไปจุดดับของดวงอาทิตย์นั้นได้ย้ายจากทางตะวันออกไปทางตะวันตก นั่นหมายความว่าแม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังหมุนรอบตัวเอง
เขาเริ่มมั่นใจในความเชื่อส่วนตัวของเขาว่าไม่มีสิ่งใดในจักรวาลอยู่นิ่ง
กาลิเลโอพิมพ์หนังสือเผยแพร่ความคิดของตัวเองออกมา ซึ่งก็ไปเข้าทางของอีกฝ่ายหนึ่งทันที กรุงโรมเรียกตัวกาลิเลโอมาขึ้นศาลและสั่งห้ามไม่ให้เขาเผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับสุริยจักรวาลอีกต่อไป
ห้ามเขาไม่อยู่หรอกครับ คนเราลองค้นหาความจริงได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความเชื่อมันก็ต้องหนักแน่นขึ้น เขาพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่งขึ้นมา
ในหนังสือเล่มนี้เขาใช้วิธีเล่าเรื่องผ่านตัวละครสองตัวสนทนากัน ซึ่งเรื่องราวในบทสนทนาก็ล้วนเกี่ยวกับฟากฟ้าดาราพราวที่เขาตั้งข้อสังเกต มีคำถามคำตอบ มีการถกเถียงและให้เหตุผล ถึงขนาดนั้นศัตรูของกาลิเลโอก็ชักจูงให้สันตะปาปาเชื่อว่ากาลิเลโอสมมุติตัวละครตัวหนึ่งเป็นพระองค์
กาลิเลโอถูกนำตัวขึ้นศาลอีกครั้ง คราวนี้โทษเผาทั้งเป็นรอเขาอยู่
เขาถูกถามกลางศาลว่า เขาเชื่อว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ใช่ไหม คำตอบของเขาจะเป็นตัวชี้ชะตา หากตอบตามความเชื่อตัวเอง ความตายก็รออยู่เบื้องหน้า หากตอบอย่างที่ทางคริสตจักรต้องการ เขาก็จะพ้นโทษ ฝ่ายตรงข้ามและกลุ่มคนไม่หวังดีต่อเขาทุกคนมารวมตัวกันในศาลเพื่อฟังคำตอบของเขา
หลังจากที่เขาตอบไปแล้ว เขาก็ยังถูกกักบริเวณอยู่ในวาติกัน หนังสือที่พิมพ์ไปแล้วถูกห้ามจำหน่าย นักวิทยาศาสตร์วัยเจ็ดสิบกว่าผู้นี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือในบ้านที่มีการคุ้มกันหนาแน่นราวกับคุก
รู้ไหมครับ เขาใช้เวลาทั้งหมดในนั้นทำอะไร
เขาแอบเขียนหนังสือเล่มใหม่ ปราชญ์ผู้อหังการ์ยังไม่ยอมแพ้
หนังสือที่เขาเขียนเล่มนี้ได้พูดถึงหลักวิทยาศาสตร์มากมายที่ทุกวันนี้ยังถือว่าเป็นหลักที่ถูกต้องอยู่ ที่สำคัญเขาไม่ลืมที่จะเขียนเรื่องสุริยจักรวาลอย่างที่เขาเชื่อ
และหนังสือเล่มนี้เองที่ทำให้เขาเป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง
หากบทความนี้เป็นดั่งภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ผมขอเพิ่มบทแล้วฉายภาพย้อนกลับไปตอนที่เขาถูกศาลถามว่าเขาเชื่อไหมว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
หลังจากที่อึกอักอยู่นาน เขาก็ตอบว่า”ไม่เชื่อ”
ผู้คนในศาลยิ้มพอใจที่เขายอมรับแล้วว่าโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล แล้วในนาทีต่อมาเขาก็พูดอะไรในลำคอออกมาอีกว่า "เอ..เปร..ชิ..มู..เบ" ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
มันเป็นภาษากรีกครับ แปลประมาณว่าถึงอย่างไรโลกก็ไม่เคยหยุดหมุน
….
(บทส่งท้าย … ผ่านไป360 ปี พระสันตปาปาจอห์นพอลที่ 2 แห่งวาติกัน ได้ทำพิธีถ่ายบาปให้กาลิเลโอ โดยแถลงว่า คำตัดสินของตุลาการศาสนจักรที่ตัดสินไปเมื่อครั้งนั้น เป็นการตัดสินที่ผิด)
สรุป เราจะเห็นได้ว่านักวิทยาศาสตร์ในสมัยก่อน จะเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองได้ทำการทดลองและพิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง แม้จะเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักศาสนาคริสต์ หากแต่ทฤษฎีได้ผลลัพธ์กับการทดลองของวิทยาศาสตร์เอง ซึ่งเป็นเหตุให้กาลิเลโอถูกกักขัง เพราะไม่เชื่อตามหลักศาสนา เนื่องจากมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ความถูกต้อง ด้วยการที่กาลิเลโอยึดถือตามความเชื่อของตัวเอง จึงทำให้เกิดการเคารพยกย่องที่ได้อุทิศตนต่อความเชื่อนี้
ปล. สามารถอ่านหนังสือเรื่อง เทวา กับ ซาตาน เพิ่มเติมได้นะครับ จะเป็นหนังสือแนวสืบสวนของแดน บราวน์ ที่นำหลักวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้นมาหักกับศาสนาคริสต์ครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ แล้วพบกันกระทู้หน้าครับ
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกัน
ลูกเตียบัญปั้มเจ๊ง โวยไทยหนัก ชาวเน็ตจับโป๊ะ ลืมตัวถือสัญชาติไทย-ทำธุรกิจในปทุมฯ แฉ 48 หมู่บ้านเขมร รบแหกตา "ฮุนเซน"
ลือหึ่ง "ตระกูลฮุน" วงแตก "ฮุนมาเนต" จ่อปฏิวัติยึดอำนาจ "ฮุนเซน" ญาติทหารลุกฮือเลิกรบ แต่ผู้นำสั่งห้ามถอย
สมรภูมิเขาพระวิหารเดือด เขมรเผยความเสียหาย หลังเจอไทยกระหน่ำถล่ม ฐานที่มั่นพังยับเยิน
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
เผยสถิติเลขออกบ่อย ย้อนหลัง 20 ปี..งวดวันที่ 2 มกราคม 69
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
หมอปลาย พรายกระซิบ รีเทิร์นแบบฮาๆ! ทำนายพลาดทัวร์ลงหนัก ขอโทษยกมือไหว้ วอนชาวเน็ตให้โอกาสแก้ตัว ไม่งั้นเลิกดูดวงไปจับผีเต็มตัวซะเลย!
😊 ชวนมาดูผู้คนที่ชีวิตเหมือนอยู่ในเมืองมหัศจรรย์ตลอดเวลา เพราะพวกเขามักพบเจอแต่เรื่องราวแปลก ๆ อยู่เสมอ 😆
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
พชร์ อานนท์ การันตี "หอแต๋วแตก" ภาคล่าสุด เส้นเรื่องแน่น มุกสดใหม่ทันเหตุการณ์
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
เปิดตำนานคุณลุงซานต้า: จากนักบุญใจบุญยุคโบราณ สู่ชายชุดแดงพุงพลุ้ยที่โคคา-โคล่าช่วยปั้น! 🎅🦌
อันตรายใกล้ตัว เตือน 3 ประเภท ชามใส่อาหาร ที่หลายบ้านยังใช้ เสี่ยงสารพิษสะสมไม่รู้ตัว
ทึ่งทั่วโลก :แม่น้ำสองสี "อารากวี" (Aragvi) ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามน่าทึ่งในประเทศจอร์เจีย
ทึ่งทั่วโลก : "โบโรบูดูร์" ศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายานที่ใหญ่ที่สุดในโลก





