นักเปียโน บทที่ 6 มิสเตอร์กอร์ดอนพบนักดนตรี
บทที่ 6 มิสเตอร์กอร์ดอนพบนักดนตรี
มิสเตอร์กอร์ดอนเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนในสวนแห่งนั้น เขาเป็นครูอาวุโสแต่ใจดีกับเด็กๆมาก เด็กๆ ชอบที่จะเรียนกับมิสเตอร์กอร์ดอน ที่โรงเรียนไม่มีเปียโน ในวิชาดนตรี บางครั้งเขาก็รู้สึกเสียใจ ที่ไม่สามารถหาเครื่องเล่นดนตรีมาใช้สอนเด็กๆ ได้ มิสเตอร์กอร์ดอนรักเสียงเพลง เมื่อไม่มีเครื่องดนตรีเลย เขาก็ร้องเพลงกับเด็กๆ และ บางครั้งก็มีเรื่องเล่านิทานมาเล่าให้เด็กๆ ฟัง จึงทำให้บรรยากาศในโรงเรียนมีความครื้นเครงและสนุกสนาน
วันหนึ่งในช่วงปิดเทอม เวลาหัวค่ำ มิสเตอร์กอร์ดอนต้องการอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง แต่เขาหาหนังสือเล่มนั้นไม่เจอ เขาจึงนึกขึ้นได้ว่า ลืมหนังสือเล่มนั้นไว้ที่โรงเรียน เขากำลังจะไปที่โรงเรียน เพราะโรงเรียนอยู่ไม่ใกล้จากบ้านของเขานัก เขาเดินไปโรงเรียนโดยการตัดผ่านสวนแห่งนั้นไป แต่เขาเห็นว่าประตูถูกเปิดออก และ กุญแจก็ไม่ได้อยู่ที่กระเป๋าของเขา
“แย่แล้ว ฉันลืมล๊อคประตู ต้องมีใครสักคนเข้ามาในโรงเรียนแน่ๆ บางทีอาจจะเป็นขโมย ฉันควรทำยังไงดีล่ะ” มิสเตอร์กอร์ดอนคิด แต่ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเปียโนดังออกมาจากข้างใน
โทนีกำลังเล่นเพลงบนตัวโน๊ตที่ยากที่สุด นิ้วมือของเค้าเคลื่อนไหวไปตามคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว มิสเตอร์กอร์ดอนยืนฟังอย่างเงียบๆ บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มบางๆ แล้วโทนีก็หยุดเล่น
“ไม่ใช่แบบนี้ มือซ้ายต้องไปแบบนี้สิ” โทนีพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับดูตัวโน้ตบนสมุด
“และมือขวาก็ต้องไปแบบนี้” มิสเตอร์กอร์ดอนพูด
โทนีหันไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจ หน้าของเขาซีดเผือดลง
“โปรดอย่าแจ้งตำรวจนะครับ ผมไม่ได้เป็นขโมย และ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิด” โทนีอ้อนวอนต่อมิสเตอร์กอร์ดอน
“ไม่หรอก เธอสบายใจได้ ฉันไม่แจ้งตำรวจแน่นอน แต่เธอคือใคร เธอมาทำอะไรในห้องเรียนนี้ และ เธอเอาเปียโนนี้มาได้ยังไง”
มิสเตอร์กอร์ดอนมาที่ฟาร์ม เพื่อพูดคุยกับมิสเตอร์และมิสซิสวูด
“โทนี เป็นเด็กที่พิเศษมากๆ ผมเป็นครูมาสี่สิบกว่าปี ไม่เคยเห็นเด็กคนไหนที่มีพรสวรรค์เท่าโทนีเลย บางทีโทนีอาจจะต้องได้รับการฝึกฝนทางด้านดนตรีเพิ่มมากขึ้น หลังจากนั้น เขาถึงจะสามารถเข้าเรียนที่วิทยาลัยลอนดอนสาขาดนตรีได้ เขาน่าจะมีอนาคตที่ดีเกี่ยวกับการเป็นนักดนตรี"
“แต่ฐานะทางบ้านโทนียากจนนะค่ะ พวกเขาคงไม่สามารถช่วยโทนีเข้าวิทยาลัยได้ โทนียังมีพี่น้องอีกห้าคน และ โทนีก็ต้องส่งเงินให้พวกเขาทุกเดือนค่ะ” มิสซิสวูดอธิบายให้มิสเตอร์กอร์ดอนฟัง
“ผมเต็มใจที่จะสอนขั้นต้นให้กับโทนีเอง โดยไม่คิดเงิน ผมจะมีความสุขมากถ้าได้สอนเด็กที่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีเช่นโทนี ผมไม่รู้จะอธิบายให้พวกคุณฟังอย่างไรดี นี่คือเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับผม เมื่อคืนผมไปเอาหนังสือที่โรงเรียน แต่ ผมกลับเจอนักดนตรี! โทนีเป็นเด็กหัวไว และ เขาจะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ ถ้าเขาได้รับการสอนเพิ่มเติม หลังจากนั้น เราค่อยนึกถึงค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในการเรียนที่วิทยาลัย บางทีโทนีอาจจะไปเรียนที่วิทยาลัยตอนกลางวัน และ ตอนเย็นก็ทำงานที่ร้านอาหารก็ได้”
“เราจะให้โทนีเรียนอย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านอาหารตอนเย็น โทนีเป็นเด็กดี เค้าเหมือนลูกของเรา พ่อของโทนีไม่มีเงิน แต่เราสามารถช่วยเหลือโทนีได้” มิสเตอร์วูดพูดแบบจริงจัง
“ถูกต้อง เราจะส่งโทนีไปเรียนดนตรีที่วิทยาลัย” มิสซิสวูดสนับสนุน ปกติแล้วเธอจะเป็นคนเงียบๆ หากแต่ครั้งนี้ เธอพูดไปพร้อมกับมีแววตาที่เป็นประกายและมีความหวังอยู่ในนั้น
โทนีไม่รู้ว่าบทสนทนาของพวกเขาคืออะไร ขณะที่มิสเตอร์กอร์ดอนมาหาครอบครัววูดที่ฟาร์ม โทนีกำลังล้างรถคันใหม่ของมิสเตอร์วูดอยู่ แต่บทสนทนานั้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตในอนาคตของโทนี ในเวลาต่อมา มิสเตอร์วูดก็คุยกับโทนีอย่างเงียบๆ
“มิสเตอร์วูดต้องการจะสอนเปียโนเสริมให้กับเธอ” มิสเตอร์วูดบอกกับโทนี
สายตาของโทนีเป็นประกาย แล้วเขาก็ส่ายหัว “ผมไม่มีเงินหรอกครับ” โทนีพูดเสียงเศร้า
“มิสเตอร์กอร์ดอนไม่ต้องการเงิน ฉันคุยกับเขาแล้ว ทุกวันในช่วงเวลาสี่โมงเย็น เธอไปเรียนกับมิสเตอร์กอร์ดอน และ เธอก็ฝึกฝนในการเล่นเปียโนเป็นเวลาสองชั่วโมง หลังจากนั้น เธอก็กลับกินข้าวเย็นที่ฟาร์ม”
“แล้วงานของผมล่ะครับ” โทนีถาม
“ฉันสามารถหาคนมาทำงานแทนเธอได้ แต่เธอมีพรสวรรค์ที่จะสามารถเป็นนักดนตรีที่ดี เมื่อถึงเวลานั้น ให้ตั๋วชมดนตรีแก่ฉันสักสามใบ ฉันจะมีความสุขมากเลย” มิสเตอร์วูดพูดพลางหัวเราะ
ที่มา: Oxford Bookwarm