Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageแชร์ลิ้ง
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

4 การทดลองสุดสยองของนาซี มิติอันดำมืดของวิทยาศาสตร์ที่โลกไม่อาจลืม

เนื้อหาโดย jj000

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่มืดมนที่สุดของมนุษยชาติคือการกระทำอันโหดร้ายของนาซี นอกจากการก่อสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แล้ว สิ่งที่ทำให้โลกสะเทือนขวัญคือ การทดลองมนุษย์ ที่ถูกดำเนินการในค่ายกักกัน การทดลองเหล่านี้ดำเนินการด้วยข้ออ้างทางวิทยาศาสตร์ แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยความโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และไร้หลักจริยธรรม

 

นี่คือ 4 การทดลองสุดสยอง ของนาซีที่เปิดเผยด้านมืดของการทดลองทางวิทยาศาสตร์ และยังคงถูกจดจำในฐานะบาดแผลของมนุษยชาติ

1. การทดลองแช่แข็ง (The Freezing Experiments)

 

วัตถุประสงค์

การทดลองนี้ถูกออกแบบมาเพื่อศึกษาและพัฒนาวิธีการช่วยชีวิตทหารเยอรมันที่ตกในน้ำแข็งหรือเผชิญสภาพอากาศหนาวจัดในแนวรบ

 

วิธีการทดลอง

นักโทษในค่ายกักกัน เช่น ที่ค่ายดาเคา (Dachau) ถูกบังคับให้อยู่ในสภาพที่หนาวเย็นจนเกือบแข็งตัว พวกเขาถูกแช่ในถังน้ำแข็ง หรือถูกปล่อยให้อยู่กลางแจ้งในสภาพอากาศหนาวจัดโดยไม่มีเสื้อผ้า

 

หลังจากร่างกายของผู้ทดลองเข้าสู่ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ (Hypothermia) พวกเขาถูกนำมาทดสอบวิธีฟื้นฟู เช่น ใช้ความร้อนจากหลอดไฟ ราดน้ำร้อน หรือแม้กระทั่งบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ถูกบังคับมาร่วมการทดลอง

 

ผลลัพธ์

ผู้ทดลองส่วนใหญ่เสียชีวิตอย่างเจ็บปวดจากภาวะหัวใจล้มเหลวหรืออวัยวะล้มเหลว และไม่มีวิธีฟื้นฟูใดที่ได้รับการพัฒนาจากการทดลองนี้

 

2. การทดลองเปลี่ยนสีดวงตา (Eye Color Experiments)

 

วัตถุประสงค์

ภายใต้ความเชื่อเรื่อง “เผ่าพันธุ์อารยัน” ซึ่งถูกมองว่าเป็นชนชาติที่เหนือกว่า นาซีต้องการสร้างประชากรที่มีลักษณะตามอุดมคติ เช่น ผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้า การทดลองนี้ถูกดำเนินการโดยหมอฆาตกรชื่อดัง โจเซฟ เมงเกเล่ (Josef Mengele)

 

วิธีการทดลอง

เด็กในค่ายกักกัน โดยเฉพาะเด็กชาวยิวและโรมานี ถูกจับมาทดลองเปลี่ยนสีดวงตา นักวิทยาศาสตร์ฉีดสารเคมีเข้าไปในดวงตาของเด็ก ๆ โดยหวังว่าจะเปลี่ยนสีดวงตาให้กลายเป็นสีฟ้า

 

ผลลัพธ์

เด็กหลายคนเสียชีวิตจากการติดเชื้อหรือความเจ็บปวดที่รุนแรง ดวงตาของพวกเขาถูกทำลาย และการทดลองไม่เคยสำเร็จ

 

3. การทดลองแรงดันสูง (The High-Altitude Experiments)

 

วัตถุประสงค์

นาซีต้องการศึกษาผลกระทบของความกดอากาศต่ำที่เกิดขึ้นในระดับความสูงสำหรับนักบินของกองทัพอากาศเยอรมัน และเพื่อหาวิธีการช่วยชีวิตนักบินที่ต้องสละเครื่องบินในระดับความสูง

 

วิธีการทดลอง

นักโทษถูกขังไว้ในห้องแรงดันที่จำลองสภาพอากาศในระดับความสูงต่าง ๆ บางครั้งถึงระดับที่เทียบเท่ากับความสูง 65,000 ฟุต (ประมาณ 19,800 เมตร) ผู้ทดลองต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่กดดันจนขาดอากาศหายใจ หัวใจหยุดเต้น หรือสมองได้รับความเสียหาย

 

ผลลัพธ์

การทดลองเหล่านี้นำไปสู่ความตายของนักโทษจำนวนมาก บางรายที่รอดชีวิตต้องทนทุกข์กับผลกระทบทางร่างกายและจิตใจที่รุนแรง

 

4. การทดลองคู่แฝด (Twin Experiments)

 

วัตถุประสงค์

โจเซฟ เมงเกเล่ ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการศึกษาเกี่ยวกับคู่แฝด เพราะเขาหวังว่าจะค้นพบวิธีการควบคุมพันธุกรรมของมนุษย์

 

วิธีการทดลอง

คู่แฝดที่ถูกจับมาทดลองถูกบังคับให้ผ่านการทดสอบต่าง ๆ ที่น่าขนลุก เช่น การฉีดเชื้อโรคเข้าไปในร่างกายเพียงคนเดียวเพื่อตรวจสอบว่าผลกระทบจะเหมือนกันหรือไม่ การเปรียบเทียบอวัยวะภายในด้วยการผ่าศพ และการทดลองเปลี่ยนลักษณะทางพันธุกรรม

 

การทดลองเหล่านี้ก่อให้เกิดการเสียชีวิตและความทรมานอย่างใหญ่หลวง คู่แฝดจำนวนมากเสียชีวิต และผู้รอดชีวิตก็ต้องเผชิญกับผลกระทบทางจิตใจที่ไม่สามารถลืมเลือน

 

บทเรียนจากความโหดร้าย: การทดลองที่โลกไม่อาจให้อภัย

 

การทดลองของนาซีเหล่านี้ไม่ได้เพียงแต่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง แต่ยังสะท้อนถึงความชั่วร้ายที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อวิทยาศาสตร์ถูกใช้ในทางที่ผิด

 

หลังสงคราม การกระทำเหล่านี้ถูกนำมาเปิดเผยใน การพิจารณาคดีนูเรมเบิร์ก (Nuremberg Trials) ซึ่งนำไปสู่การวางรากฐานของจริยธรรมทางการแพทย์และการทดลองมนุษย์ในปัจจุบัน เช่น หลักการนูเรมเบิร์ก (Nuremberg Code) ที่กำหนดว่า:

การทดลองต้องได้รับความยินยอมจากผู้ทดลอง

การทดลองต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ

ห้ามใช้ความรุนแรงหรือวิธีที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพของผู้ทดลอง

 

ความมืดมนของวิทยาศาสตร์ในยุคสงคราม

การทดลองของนาซีสะท้อนให้เห็นถึงด้านมืดของมนุษย์และความโลภในอำนาจที่สามารถทำลายความเป็นมนุษย์ได้อย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะผ่านมาแล้วกว่า 80 ปี แต่บาดแผลที่มันทิ้งไว้ยังคงย้ำเตือนให้เราระวังไม่ให้ประวัติศาสตร์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก

 

วิทยาศาสตร์ควรเป็นเครื่องมือเพื่อพัฒนามนุษยชาติ ไม่ใช่อาวุธที่ทำลายจิตวิญญาณของเราเอง”

เนื้อหาโดย: jj000
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
jj000's profile


โพสท์โดย: jj000
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
มาเป็นคนแรกที่ VOTE ให้กระทู้นี้
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
พ่อขุนผาเมืองคือใคร และมีความสำคัญอย่างไรกับอาณาจักรสุโขทัยมหากาพย์ ‘ดาราเทวี’ โรงแรมหรูที่เกือบเป็นเพียงตำนานของเมืองเชียงใหม่เพจดัง!! โพสต์ภาพ นี่เขตสีเขียว แต่อนุญาตสร้างโรงงานได้หรือ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เงินกู้นอกระบบคืออะไร อันตรายไหม มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?ทำไมเบี้ยประกันรถยนต์ราคาแตกต่างกัน จ่ายอย่างไรให้คุ้มค่าต่อพ.ร.บ. รถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง? เตรียมให้พร้อมไม่เสียเวลาRedirect คืออะไร มีกี่ประเภท แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร?
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน Lineหาเพื่อน SkypePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageแชร์ลิ้ง
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง