คดีฆ่ายกครัวล้างหนี้ธูปปักท้องสะกดวิญญาณที่นครสวรรค์เมื่อยี่สิบปีก่อน
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี 2544-2545 ครอบครัวนึงในจ.นครสวรรค์ ประกอบกิจการค้าขายแต่ในขณะเดียวกันเค้าก็ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ไปด้วย ครอบครัวนี้ประกอบไปด้วยพ่อแม่และลูกอีก 3 คน (ในตอนที่เกิดเรื่องลูกสาวคนกลางเค้าไปเรียนกรุงเทพอาศัยอยู่กับญาติ)
บ้านของครอบครัวนี้เป็นทาวน์เฮ้าส์ ทุกวันพ่อแม่ก็จะไปขายของหลังจากที่ส่งลูกไปโรงเรียนเสร็จ ที่ผ่านมาเวลาจะปล่อยเงินกู้ เค้าจะปล่อยให้กับญาติและคนที่รู้จักสนิทคุ้นเคยกันไม่ได้ปล่อยให้คนทั่วไป
เวลามีคนจะมากู้เงินก็มักจะมาคุยตกลงและรับเงินกันที่บ้านซึ่งไม่เคยมีปัญหาอะไร ส่วนมากถ้าเป็นญาติ ๆ กันก็จะให้กู้วงเงินเยอะหลักแสนแต่จะมีญาติคนนึงที่กู้ไปหลักล้านข่าวตอนนั้นบอกล้านกว่าบาท แรก ๆ ก็ส่งดอกตรงเวลาเลทบ้างแต่ก็ส่ง ต่อมาระยะหลังเริ่มไม่ส่งต้นไม่ส่งดอกไปติดตามทวงถามก็บ่ายเบี่ยง
ถามว่าให้กู้เป็นล้านมีอะไรเป็นหลักทรัพย์ไหม... ความที่เป็นญาติเค้าเลยให้เซ็นแต่สัญญาเงินกู้ไม่ได้เอาโฉนดหรือที่ดินมาวาง พอเริ่มมีสัญญาณว่าจะถูกเบี้ยวเงินสองสามีภรรยาก็เริ่มตามติดไปเฝ้าทวงเฝ้าถามถึงบ้านทุกวันจนทะเลาะกับลูกหนี้ก็มี สุดท้ายก็มีการข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องหากว่าไม่ยอมจ่ายและจะประจานให้คนรู้ว่าเบี้ยวหนี้
ตัวลูกหนี้เองเป็นคนมีฐานะมีกิจการใหญ่โตซึ่งภาพลักษณ์ดูรวยกว่าคนให้กู้ซะอีก เป็นธรรมดาของคนมีหน้ามีตาก็ต้องหน้าบางไม่อยากให้มีใครรู้ว่าตัวเองเป็นหนี้ ดังนั้นก่อนที่จะถูกฟ้องร้องถูกประจานเค้าก็เลยชิงลงมือซะก่อน
วันเกิดเหตุเป็นเวลาช่วงหัวค่ำ สมาชิกในครอบครัวเจ้าหนี้ก็กำลังรวมตัวกันอยู่ที่ห้องรับแขกนั่งดูทีวีกันเหมือน ๆ กับทุกวันโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าความตายกำลังคืบคลานเข้ามา... ญาติที่เป็นลูกหนี้มาพร้อมกับผู้ชายสองคน (ตัวญาติเป็นผู้ชาย) ทำทีมาพูดคุยขอเจรจาประนอมหนี้เจ้าของบ้านก็เลยให้เข้ามานั่งคุยในบ้าน พอเข้าไปคนร้ายสองคนก็ควักปืนออกมาไล่ยิงสมาชิกครอบครัวนี้ทีละคนจนเสียชีวิตยกครัว 4 ศพ
ความที่เป็นญาติใกล้ชิดกลัวว่าคนตายจะตามมาอาฆาตเพราะรู้ตัวคนฆ่าเค้า ก็เลยเอามีดกรีดท้องแล้วใช้ธูปมาปักแต่ละศพจนไส้ไหลเพื่อเป็นการสะกดวิญญาณไม่ให้คนตายตามมาทวงแค้นตามความเชื่อ (แต่แถวบ้านเราจะเป็นแบบเอาศพคว่ำหน้าแล้วเอาเหรียญบาทวางไว้บนศพเชื่อว่าทำแบบนี้คนตายจะจำหน้าไม่ได้)
กว่าที่จะมีคนรู้ก็ผ่านไปอีกวัน สภาพศพมันสยองซะจนเจ้าหน้าที่เองก็ขวัญกระเจิงเพราะใช้ธูปแทงจนไส้ไหล ต่อมาก็ตามจับคนร้ายได้จากสมุดลูกหนี้และจากหมายเลขที่โทรติดต่อในมือถือ
จริง ๆ ลูกสาวที่รอดชีวิตจะกลับบ้านที่นครสวรรค์เพราะใกล้วันแม่ ตอนนั้นเค้าอยู่ประมาณม.2 โทรมาหาแม่บอกจะกลับบ้านแต่แม่บอกไม่ต้องกลับเพราะหยุดวันเดียวนั่งรถไปนั่งรถมาจะเหนื่อย เค้าก็เลยรอดชีวิตค่ะ (ซึ่งจะกลับวันที่ครอบครัวถูกฆ่าตายพอดีถ้ากลับก็จะเป็นอีกหนึ่งศพ)