อาหารที่คนปวดไมเกรนไม่ควรกิน
ไมเกรน (Migraine) คือ อาการปวดหัวที่เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เกิดมาจากพันธุกรรม การทำงานของหลอดเลือดที่ผิดปกติ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ความเครียดสะสม สภาพแวดล้อมของที่ทำงาน ที่อยู่อาศัย ตลอดจนอาหารกระตุ้นไมเกรน
สำหรับอาการปวดหัวไมเกรนส่วนใหญ่ที่พบ มักมีอาการปวดหัวเรื้อรัง ปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา ปวดหัวท้ายทอย ปวดหัวข้างเดียว รวมถึงไมเกรนขึ้นตา นอกจากนี้ในผู้ป่วยบางรายยังมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่ามัว รวมถึงเห็นแสงวูบวาบ เป็นต้น
รู้ได้อย่างไรอาหารไหนเสี่ยงไมเกรน
สิ่งที่กระตุ้นให้คนหนึ่งปวดไมเกรน อาจไม่กระตุ้นอาการของคนอื่นก็ได้ วิธีดีที่สุดได้แก่ ทำบันทึกอาหารที่กิน เมื่อเกิดอาการปวดศีรษะ พยายามนึกดูว่ากินอะไรเข้าไปบ้างในช่วง 12 ชั่วโมงก่อนนั้น หลังจากนั้นควรงดอาหารชนิดนั้นสัก 2 สัปดาห์ขึ้นไป แล้วค่อยกลับไปลองกินดูอีกครั้งว่ายังทำให้เกิดอาการไหม แต่อย่าลืมว่าที่สำคัญพอ ๆ กับงดอาหารที่อาจกระตุ้นอาการ คือ ห้ามอดอาหาร เพราะการไม่กินตามปกติก็อาจทำให้เกิดไมเกรนเช่นกัน
อาหารที่คนไมเกรนไม่ควรกิน
1.ช็อคโกแลต เป็นหนึ่งในอาหารที่กระตุ้นไมเกรน เนื่องจากมีส่วนผสมของคาเฟอีน ซึ่งจากในการทดลองพบว่าหากหยุดกินช็อคโกแลตเป็นเวลา 1 เดือน อาการไมเกรนกลับลดลงได้
2.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีสารไทรามีนที่เข้าไปลดระดับสารเซโรโทนินในสมอง ทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนอย่างรุนแรงได้ภายใน 3 ชั่วโมง
3.ชา กาแฟ มีส่วนผสมของสารอาหารจำพวกคาเฟอีน ซึ่งหากร่างกายได้รับคาเฟอีนมากกว่า 300 มิลลิกรัม จะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนในที่สุด
4.กล้วย เพราะ กล้วยมีส่วนผสมของสารอาหารกระตุ้นไมเกรนคือ สารไทรามีนและฮีสตามีน ซึ่งหากกินกล้วยมากเกินไป สารเหล่านี้ที่พบในกล้วยอาจจะทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้
5.ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง มีรายงานว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง เช่น นมถั่วเหลือง ชีสถั่วเหลือง ถั่วเหลือง ที่มีสารกลูตามิก แอซิด, โปรตีนจำพวกไบโอจินิก เอมีน, สาร Isoflavone ที่กระตุ้นการหลั่งสาร CGRP รวมถึงยังกระตุ้นเซลล์สมอง เมื่อกินอาหารที่กระตุ้นไมเกรนจำพวกนี้จะส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนนั่นเอง
6.ผลไม้ตระกูลซิตรัส เช่น ส้ม มะนาว เลม่อน เกรปฟรุต ก็มีสารอาหารกระตุ้นไมเกรนที่ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้เช่นกัน
7.อาหารที่ประกอบไปด้วยยีสต์ เช่น ขนมปัง พิซซ่า ซาวโดวจ์หรือขนมปังเปรี้ยว มีสารอาหารที่กระตุ้นไมเกรนอย่างยีสต์และไทรามีน จึงส่งผลให้สารชนิดนี้เข้าไปกระตุ้นอาการปวดหัวไมเกรนทันที
8.อาหารที่มีโซเดียมสูง เกลือ เป็นสารอาหารสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรน อาหารประเภทต่าง ๆ ที่มีโซเดียมสูง นอกจากเกลือ เช่น พวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยวหากกินในปริมาณที่มากกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน จะส่งผลให้ความดันเลือดสูงขึ้น นำไปสู่อาการปวดหัวไมเกรน
9.เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น เบคอน ไส้กรอก เนื้อรมควัน อาหารประเภทนี้มีสารไนเตรต ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรงมากยิ่งขึ้น
10.ชีสและเนยแข็ง มีสารไทรามีนเป็นส่วนประกอบ หากผู้ป่วยไมเกรนที่ไวต่อการรับสารดังกล่าวก็จะส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวทันที
ปรับพฤติกรรมการกินอาหารให้ห่างไกลไมเกรน
กินอาหารผักใบเขียว เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีคุณค่าทางสารอาหารสูง เช่น คลอโรฟิลล์ เบต้าแคโรทีน วิตามินอี ซึ่งจะต่อต้านอนุมูลอิสระ ควบคุมระดับรักษาระบบหัวใจและหลอดเลือด ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ และ ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ เนื่องจากไมเกรนเกิดจากการที่ร่างกายขาดน้ำ ดังนั้นเครื่องดื่มแก้ปวดหัวที่ดีที่สุด คือ การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อร่างกาย อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน ปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา ปวดหัวข้างเดียว ยังเพิ่มความชุ่มชื้นในร่างกายได้อีกด้วย








