กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 1 (ต่อ)
“ ใครมีอะไรสงสัยหรือไม่เข้าใจตรงไหนบ้าง ยกมือถามครูได้นะคะ ”
“ มัจฉาค่ะอาจารย์ ” น้ำหวานตะโกนโพล่งออกมาพร้อมกับแลบลิ้นใส่มัจฉานั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ ไม่มีคำถามค่ะอาจารย์ ”
“ จ๊ะ ถ้าหากมัจมีคำถามหรือว่ามีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนถามครูได้ตลอด วันนี้พอแค่นี้ ”
โรงอาหารก่อสร้างด้วย มุงด้วยกระเบื้อง ทาสีอย่างง่าย ๆ ภายในเป็นพื้นที่โล่งกว้างมีร้านขายอาหารและเครื่องดื่มจำนวนไม่มากนักแต่เพียงพอสำหรับนักศึกษาทั้งหมดในวิทยาลัย นักศึกษาชายหญิงทยอยเดินเข้ามาภายในโรงอาหาร บรรยากาศในโรงอาหารในช่วงกลางวันมีแต่เสียงพูดคุย นักศึกษาบางกลุ่มจับกลุ่มกันนั่งกินข้าว บางกลุ่มยืนเข้าแถวรออาหารจากแม่ค้า มัจฉาพร้อมกับเพื่อน ๆ เข้ามาภายในโรงอาหารเดินไปวางสัมภาระโต๊ะประจำตรงประตูทางหลังเข้าโรงอาหาร วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของมัจฉา
“ สุขสันต์วันเกิด พวกเราขออวยพรให้แกมีความสุขมาก ๆ คิดอะไรสมปรารถนาทุกเรื่องและขอให้แกเก็บความลับไม่ให้อาจารย์สุปราณีย์รู้ความจริงได้จนกระทั่งแกเรียนจบ ” มัจฉายิ้มเพื่อนทุกคนโผเข้ากอด
“ ขอบใจพวกแกมาก ” ทุกคนพร้อมใจกันจัดงานวันเกิด เค้กถูกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แจกให้กับทุกคนจนครบ บนโต๊ะมีเครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยววางอยู่บนโต๊ะจำนวนมาก ทุกคนกำลังสนุก ความสนุกกำลังเลือนหายไปเมื่อกลุ่มของน้ำหวานเดินเข้ามา ทุกคนมองหน้ากันรับรู้ถึงการมาของน้ำหวาน
“ เมื่อตะกี้ฉันได้ยินว่า วันนี้เป็นวันตายของใคร อุ้ย ! ไม่ใช้สิ วันเกิดของใคร ”
“ วันตายของแก อีน้ำเน่า อิทังเมญตินัง โหตุ สุขิตา โหตุ ญาตะโย จงเป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรต่อกันเลย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแกพวกสัมเภวี เปรตทั้งหลายด้วยเทอญ ” มัจฉาสาดน้ำใส่หน้าน้ำหวานจนหมดแก้ว น้ำหวานร้องกรี๊ดออกมาอย่างไม่พอใจ
“ อีมัจ ! ฉันยังไม่ตายและไม่ต้องการเศษบุญจากแก ”
“ มัจ ! ใจเย็น อย่ามีเรื่องกันเลย ” กุ้งทิพย์เขย่าแขนมัจฉาเบา ๆ มัจฉาเงียบ
“ อีลูกกำพร้า อีลูกกรรมกรน้ำหน้าอย่างแกเป็นได้แค่เด็กล้างจานในร้านหมูกะทะ ขาดพ่อไร้แม่ชาตินี้คงเป็นได้แค่นี้ ” มัจฉาชกหน้าของน้ำหวานอย่างแรงจนเลือดกลบปาก น้ำหวานเอามือแตะตรงมุมปาก มัจฉายิ้มตรงมุมปาก
“ หงส์ปีกหักอย่างแกต้องโดนแบบนี้ถึงจะได้หุบปาก อีน้ำเน่า ! แกหยุดเห่าสักทีได้ไหม ฉันรำคาญเสียงของแกมาก ” มัจฉาตบหน้าน้ำหวานพร้อมทั้งเอาขนมปังยัดใส่ปากพร้อมทั้งหยิบแก้วน้ำน้ำอัดลมราดใส่หัว น้ำหวานกรี๊ดออกมาด้วยความโกรธ ในขณะที่จอยลดา กุ้งทิพย์ เดซี่ และเอกชัยช่วยมัจฉาจัดการพวกของน้ำหวาน อาหาร เครื่องดื่มที่วางไว้บนโต๊ะถูกหยิบขึ้นมาเป็นอาวุธทำร้ายฝ่ายตรงข้ามต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายไปหมด มาริษาเดินผ่านเข้ามาเหตุการณ์พอดีรีบเดินไปหาสุปราณีย์ที่ห้องปกครอง
“ อาเกิดเรื่องใหญ่แล้ว มัจฉากับน้ำหวานมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันที่โรงอาหาร ” สุปราณีย์พร้อมกับมาริษารีบเดินไปโรงอาหารในทันที ในขณะที่กลุ่มของมัจฉาและกลุ่มของน้ำหวานกำลังมีเรื่องทะเลาะกันโดยไม่ได้สังเกตว่าสุปราณีย์กับมาริษายืนมองอยู่
“ หยุดเดี๋ยวนี้ ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นมีใครอธิบายให้ครูฟังได้บ้าง ทุกคนไปพบครูที่ห้องปกครอง ” หลังจากเหตุการณ์สงบลงทุกคนไปหาสุปราณีย์ที่ห้องปกครอง บรรยากาศภายในห้องดูตึงเครียดเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ สุปราณีย์ยืนกอดอกมองลูกศิษย์ของตัวเองด้วยความไม่พอใจ
“ พอจะมีใครตอบครูได้ไหมว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเธอถึงได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ” ทุกคนเงียบไม่มีใครตอบคำถามของสุปราณีย์แม้แต่คนเดียว ความเงียบของทุกคนยิ่งทำให้สุปราณีย์โกรธ
“ มัจฉา ! ตอบครูมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”
“ อย่างที่ครูเห็นละคะ ”
“ โรงอาหารกลายเป็นสนามรบ วิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถานศึกษาไม่ใช่สถานที่ที่พวกเธอจะมายกพวกตีกันแบบนี้ พึงระลึกไว้ว่าตัวเองเป็นนักศึกษาไม่ใช่นักเลง ไอ้กุ้ยข้างถนนที่ใช้กำลังแก้ปัญหา วันพรุ่งนี้ครูขอพบผู้ปกครองของพวกเธอทุกคน ”
“ หมายความว่ายังไงคะ ” น้ำหวานเอ่ยถามสุปราณีย์เพื่อความแน่ใจ
“ หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละ วันพรุ่งนี้ครูเชิญผู้ปกครองพวกเธอทุกคนมารับทรายความประพฤติและครูขอสั่งห้ามเด็ดขาด ห้ามไปจ้างใครมาเป็นผู้ปกครองของเธอเด็ดขาด ” สุปราณีย์ยื่นจดหมายซองสีขาวให้กับทุกคน มัจฉาถอนหายใจกังวลใจกลัวสุปราณีย์โทรไปบอกเพ็ญจันทร์
“ ไอ้มัจ ! แกซวยแล้ว ความลับของแก นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้มันจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เรื่องในวันนี้ถ้าหากป้าของแกรู้เข้ารับรองงานนี้แกตายเป็นผีโดยไม่เผากลายเป็นผีไม่มีหลุมแน่นอน ”
“ ฉันจะให้คุณนายรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดถ้าไม่อย่างนั้นฉันกลับไปโดนไม้เรียวแน่ ” มัจฉาถึงหวั่นใจกังวลอยู่เหมือนกันกลัวเพ็ญจันทร์จะรู้เรื่อง มาริษาเดินมาหามัจฉาพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล
“ เป็นไงบ้างไอ้น้องรัก มีเรื่องไม่เว้นวันเลยนะ พี่ซื้อยามาให้ นั่งลงก่อนสิพี่ทำแผลให้ ”
“ แผลเล็กนิดเดียวเองไม่เห็นต้องซื้อยามาให้มัจเลยเปลืองเงินเปล่า ๆ ”
“ มัจจะจัดการปัญหาในวันนี้ยังไง รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องแบบนี้ป้าเพ็ญชอบยังจะทำอีกแล้ววันพรุ่งนี้มัจจะเอาใครมาเป็นผู้ปกครอง ”
“ มัจคงให้เข้มกับไอ้เบิ้มปลอมตัวเป็นผู้ปกครอง ครูสุจะได้ไม่สงสัยเพราะวันรายงานตัวมัจให้สองคนนั้นเป็นผู้ปกครองของมัจ ”
“ เจอกันที่บ้าน วันนี้พี่มีนัดกับพุด ”
“ มัจฝากจดหมายเชิญผู้ปกครองทิ้งลงถังขยะด้วยแล้วกัน วันนี้มีนัดอาจจะกลับค่ำหน่อย เจอกันที่บ้านนะคะพี่ษา ”
ชลธียืนรอก้องภพอยู่หน้าห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ก้องภพเป็นแฟนของชลธีทั้งคู่คบกันตั้งแต่เรียนมัธยมต้น ชลธีรักผู้ชายคนนี้มากทั้ง ๆ ก้องภพนิสัยไม่ดีสักเท่าไหร่ มัจฉาเคยเตือนให้ชลธีแต่เขาไม่เชื่ออยากที่มัจฉาบอก เพื่อน ๆ ของชลธีทุกคนไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วชลธีเป็นเกย์มีรสนิยมรักเพศเดียวกันมีเพียงมัจฉาคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
“ เลิกเรียนแล้ววันนี้เราไปดูกันไหม ”
“ วันนี้ฉันมีนัดกับมัจฉา ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ”
“ อีนางทอม อีนางมารขัดความสุข ” ก้องภพบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ เธอพูดว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยินไม้ถนัด ”
“ ฉันบอกว่า ตามสบายเลย เราค่อยไปวันหลังกันก็ได้ ”
“ ขอบใจมากนะก้อง ฉันขอตัวก่อน ” ก้องภพเป็นไม้เบื่อไม้เมากับมัจฉาทั้งสองคนไม่ถูกกันเอาเสียเลยต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งเป็นมิตรที่ดีต่อกันแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนกับหมา
เจ๊นุชลำซิ่งร้านอาหารอีสานประจำหมู่บ้านตั้งอยู่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน เข้ม เบิ้ม และ ชลธีนั่งรอมัจฉาอยู่ภายในร้านทั้งสามคนมาฉลองวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา เจ๊นุชเองก็เช่นกันถึงกับปิดร้านปิดร้านจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา งานวันเกิดเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนรอมัจฉาอยู่ภายในร้าน มัจฉาปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนเดินเข้าไปในร้านเพื่อความสบายใจของทุกคน
“ ฉันต้องขอโทษด้วยที่มาช้าพอดีมีปัญหานิดหน่อย ”
“ ไอ้มัจ !แกไปมีเรื่องกับใครมา ดูสิหน้าพังหมดเลย แขนด้วย ใครทำอะไรแก ” ชลธีถามด้วยความห่วง
“ วันนี้ฉันมีเรื่องกับพวกไอ้น้ำหวานเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้ฉันมาช้า อาจารย์สุปราณีย์เรียกไปอบรมเสียตั้งนาน ”
“ ระวังตัวให้ดีแล้วกันเดี๋ยวเรื่องจะไปถึงหูคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ๊เตือนด้วยความหวังดี ”
“ วัยรุ่นเซ็ง ”
“ พักเรื่องเครียด ๆ ไว้ก่อน เรามาสนุกกันดีกว่า ” เข้มถือเค้กวันเกิดมาให้มัจฉา เบิ้มปักเทียนลงบนเค้ก เปลวไฟจากแสงเทียนค่อย ๆ สว่าง ทุกคนร้องพร้อมใจร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับมัจฉา เสียงเพลงดังขึ้น เครื่องดื่มแอลกออล์มีให้เลือกได้ทดลองชิมหลายอย่าง อาหารคาวหวานมีพร้อม มัจฉายิ้มด้วยความสุขใจแต่อดนึกถึงเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดว่าทำไมวันนี้ยังไม่ได้รับคำอวยพรจากบุคคลทั้งสอง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของทุกคนทำให้มัจฉาหยุดคิดถึงเพ็ญจันทร์และพุทธชาดไปชั่วขณะ มาริษามาหาพุทธชาดที่บ้าน พุทธชาดนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเทอมสุดท้ายของการแพทย์ ส่วนมาริษากำลังนั่งตรวจการบ้านของนักเรียน ในขณะที่มาริษาไม่ทันระวังทำให้จดหมายเชิญผู้ปกครองหล่นลงพื้นกระเด็นไปที่เท้าของเพ็ญจันทร์พอดี มาริษาไม่ทันสังเกตว่าจดหมายหล่นลงพื้นไปแล้ว เพ็ญจันทร์ก้มลงหยิบนึกสงสัยว่าเป็นจดหมายอะไรลองเปิดอ่านดู เมื่ออ่านรายเนื้อความในจดหมายทำให้ทราบรายละเอียดทั้งหมด เพ็ญจันทร์ตัวเป็นปกติ
. “ สวัสดีค่ะป้า ”
“ หวัดดีจ๊ะ ทำอะไรกันอยู่เอกสารเต็มโต๊ะเลย ”
“ ตรวจการบ้านค่ะป้า ”
“ อาชีพครูก็แบบนี้แหละลูก กลางวันเป็นครู กลางคืนนั่งตรวจการบ้าน ไม่ค่อยมีเวลาว่างเหมือนกับคนอื่น ๆ หรอก ชีวิตวนเวียนอยู่ที่บ้านกับโรงเรียนแทบ มัจกลับบ้านมาแล้วหรือยังตั้งแต่ป้าเดินเข้ามายังไม่เห็นเลย ”
“ ค่ำ ๆ คงกลับคะ น้องมีนัดไปฉลองวันเกิดกับเพื่อน ๆ ที่ร้านเจ๊นุชหน้าปากซอย ”
“ ป้าลืมไปเลยวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของมัจมัวแต่ทำงาน เค้กสักก้อนยังไม่มีให้ ป้านี่แย่จริง ๆ วันเกิดหลานยังจำไม่ได้ มัจกลับมาให้ไปหาที่ห้องทำงานด้วยนะ ป้าขอตัวไปเคลียร์งานก่อนแล้วกัน ” เพ็ญจันทร์เดินเข้าไปลูบหัวพุทธชาดเบา ๆ
“ สู้ ๆ นะลูก ป้าเป็นกำลังใจให้เหลืออีกเทอมเดียวแล้ว ”
เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉาอยู่ในห้องทำงานเหลือบไปมองนาฬิกาเป็นระยะ จดหมายเชิญผู้ปกครองของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์เครียดกลัวมัจฉาจะโดนพักการเรียนถึงภายนอกจะดูแข็งกร้าวแสดงความรู้สึกไม่เก่งแต่หัวใจทั้งดวงนี้ทั้งรักและเป็นห่วงหลานคนนี้มาก เพ็ญจันทน์ถอนหายใจ
“ ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก ” เพ็ญจันทร์นั่งทำงานคั่นเวลารอมัจฉากลับมา พุทธชาดเดินไปส่งมาริษาที่บ้าน บ้านของมาริษากับบ้านของพุทธชาดอยู่ตรงกันข้าวห่างกันแค่ถนนกั้นเดินไม่ถึงสิบก้าว มัจฉากลับมาพอดี พุทธชาดบอกให้มัจฉาไปหาที่ห้องทำงาน เสียงเปิดประตูทำให้เพ็ญจันทร์เงยหน้าขึ้นปิดแฟ้มเอกสารพร้อมกับถอนหายใจ
“ ไปไหนมาทำไมเพิ่งกลับบ้าน ”
“ วันนี้คุณนายเป็นอะไร ทำไมดุจัง มัจไปร้านเจ๊นุชมาเลยกลับบ้านมาช้า ”
“ มีอะไรแก้ตัวไหม ” เพ็ญจันทร์วางกระดาษสีขาวลงบนโต๊ะ มัจฉาเงียบไม่เถียงเพ็ญจันทร์เหมือนทุกครั้ง เพ็ญจันทร์ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้มัจฉา กลิ่นกายของมัจฉาอบอวลไปฤทธิ์ของแอลกอฮล์ยิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ยิ่งโกรธเข้าไปอีกจากที่แค่คิดว่าจะปล่อยปัญหาครั้งนี้ผ่านไปอย่างง่าย ๆ ความคิดของเพ็ญจันทร์เปลี่ยนไปในทันที
“ กลิ่นเหล้ามาจากไหน ” เพ็ญจันทร์เดินสำรวจรอบ ๆ ตัวของมัจฉา สายตาที่มองมาเหมือนดังเช่นเหยี่ยวที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ
“ หมายความว่าที่กลับบ้านช้าเพราะแอบไปกินเหล้ากับเพื่อนมาใช่ไหม ”
“ เรื่องวันนี้มัจอธิบายไม่ใช่อย่างที่คุณนายคิด มัจไม่ได้กินเหล้า ”
“ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง หลักฐานชัดเจนยังกล้าปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง ไม่ต้องมาแก้ตัวให้ตัวเองพ้นผิด ” เพ็ญจันทร์ขว้างซองจดหมายเชิญผู้ปกครองใส่หน้าของมัจฉาเต็มแรงด้วยความโมโห
“ นี่มันอะไรกันไปเรียนหนังสือแต่กลับไปยกพวกตีกัน ทำตัวเหมือนกุ้ยข้างถนน นักเลงนอกคอก ไม่อายบ้างหรือไงทำตัวแบบนี้ ”
“ มัจไม่อายมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่เด็กทะเลาะกัน ทำไมคุณนายต้องคิดมากด้วย ”
“ แกไม่อายแต่ป้าอายที่มีหลานทำตัวเลว ๆ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเกเรสักที ”
“ คุณนายอายที่มีหลานอย่างมัจแล้วคุณนายเลี้ยงเด็กคนนี้มาทำไมกัน ในเมื่อคุณนายไม่เคยเข้าใจและรับฟังหลานคนนี้เลย ในหัวใจของคุณนายมีแต่พี่พุด คุณนายไม่เคยรักมัจเลย ”
“ เด็กเกเรอย่างนี้ ป้ารักไม่ลง ดูอย่างพุทธชาดสิตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสร้างปัญหาให้ป้าต้องต้องกลุ้มใจ เชื่อฟังฉันทุกอย่างตั้งแต่มัจเกิดมามีบ้างสักครั้งไหมที่ทำให้ป้าภูมิใจสักเรื่องบ้างมั้ย ลองคิดทบทวนดูแล้วกัน ”
“ พี่พุดดีทุกอย่าง มัจทำอะไรไม่เคยดีในสายตาของคุณนายเลย คุณนายลำเอียงรักหลานไม่เท่ากัน คนอะไรใจดำที่สุด มีหลานสองคนแต่เลี้ยงหลานไม่เหมือนกัน คนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับเจ้าหญิงส่วนอีกคนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับขอทาน ในเมื่อคุณนายไม่เคยรักเด็กคนนี้เลยจะฝืนทนเลี้ยงมาทำไมตั้งแต่เล็กจนโต คนใจร้าย เผด็จการลำเอียงที่สุด ” เพ็ญจันทร์โมโหโกรธมัจฉามากหยิบไม้เรียวฟาดลงบนตัวมัจฉาเต็มแรง มัจฉายืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้เพ็ญจันทร์ใช้ไม้เรียวฟาดตัวเองจนกว่าจะพอใจ รอยบาดแผลตรงแขนของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติหยุดตีมัจฉา เพ็ญจันทน์พยามข่มความรู้สึกผิดของตัวเองเดินออกจากห้องไปไม่ให้มัจฉาเห็นร่องรอยน้ำตาของตนแอง มัจฉาขับรถออกจากบ้านไปหาเข้มกับเบิ้มที่บ้าน ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังช่วยกันเตรียมอาหารค่ำ
“ ไอ้มัจ ! วันนี้มาเสียดึกเลยนะทะเลาะกับป้าเพ็ญมาอีกแล้วใช่ไหม ” มัจฉาพยักหน้าแทนคำตอบ
“ พรุ่งนี้แกให้ใครไปเป็นผู้ปกครอง ”
“ คุณนายเพ็ญจันทร์ ”
“ ห๊ะ ! ว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม แกเตรียมตัวขุดหลุมฝังตัวเองเตรียมตัวลงนรกได้เลย ” มัจฉา เข้มและเบิ้มหัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงหัวเราะของเพื่อนชายทั้งสองทำให้มัจฉาลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปชั่วครู่ รอยยิ้มเล็ก ๆ เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
หน้าห้องปกครอง ผู้ปกครองต่างทยอยเดินเข้ามาในห้อง มัจฉาและเพื่อนนั่งจับกลุ่มคุยกันที่หน้าห้อง ส่วนกลุ่มของน้ำหวานเดินเข้าไปในห้องปกครองก่อนหน้านี้ สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองอยู่ในห้อง
“ มัจ ! พี่ขอโทษที่ทำให้มัจต้องโดนดุเพราะความซุ่มซ่ามของพี่ทำให้มัจต้องเดือดร้อน ”
“ พี่ษามาขอโทษมัจทำไมในเมื่อพี่ได้ทำอะไรผิด คิดเสียว่าเรื่องเมื่อวานเป็นวันแย่ ๆ ของมัจแล้วกันนะ พี่รีบเดินเข้าห้องไปก่อนที่ใครจะมาเห็น มัจไม่อยากโดนมองเป็นเด็กเส้น ”
“ พี่ขอโทษ ” มัจฉากอดมาริษาเป็นการปลอบใจเพื่อให้มาริษารู้สึกดีขึ้น กลุ่มของมัจฉาชวนกันเดินเข้าไปในห้องปกครอง ผู้ปกครองของแต่ละทยอยเดินเข้ามาจนครบเหลือเพียงเพ็ญจันทร์ที่ยังไม่มา สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองด้วยความยินดีพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทุกคนฟัง มัจฉามมองไปรอบ ๆ เพ็ญจันทร์ยังไม่มา ในขณะนี้ผู้ปกครองของทุกคนมากันครบทุกคนขาดเพียงเพ็ญจันทร์คนเดียวที่ยังไม่มา มัจฉาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายเตรียมคำตอบไว้ให้สุปราณีย์ หลังจากเสร็จจากการประชุมผู้ปกครองแต่ละคนต่างทยอยกันออกไป ทันใดนั้นเองผู้ปกครองคนสุดท้ายก็เดินเข้ามา หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน การแต่งการของเธอบ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างดี
“ คุณนาย ” มัจฉาอุทานด้วยความตกใจ
“ ใครวะ ”
“ ป้าฉันเอง นี่แหละคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ้านายที่กำหนดชีวิตของฉันมาตั้งแต่เกิด วันนี้ป้าสุคงรู้ความจริงว่าฉันเป็นใคร ” มัจฉาเดินเข้าไปเพ็ญจันทร์ รอยแผลบนแขนของมัจฉายังชัดเจนทำให้เพ็ญจันทร์รู้สึกผิด ความโกรธเมื่อคืนได้จางหายไป
“ วันนี้มีประชุมมัจเข้าใจว่าคุณนายไม่มา ”
“ ครูอยู่ในห้อง ครูประจำชั้นของมัจคุณนายรู้จักดี ” เพ็ญจันทร์นึกสงสัยในคำพูดของมัจฉารีบเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่สุปราณีย์กำลังนั่งตรวจเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะ
“ สวัสดีค่ะอาจารย์ดิฉันเป็นผู้ปกครองของมัจฉาต้องขอโทษด้วยค่ะที่มาช้าพอดีช่วงเช้าดิฉันติดประชุมค่ะ ”
“ เพ็ญ ”
“ สุ ! ”
“ ฉันไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี้หมายความว่าเธอเป็นครูประจำชั้นของมัจฉา ดีเหมือนกันฉันได้ถามเธอเรื่องความประพฤติ ฉันแหละกลุ้มใจจริง ๆ กับหลานคนนี้ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ
“ เรื่องธรรมดาของเด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะมัจฉา เธอเลี้ยงมัจฉามาตั้งแต่เด็กทำไมจะไม่รู้ละ หลานของเธอคนนี้แสบสะท้านทรวงขนาดไหน ”
“ มันก็จริงอย่างที่เธอว่า ”
“ มัจบอกกับฉันว่าเป็นญาติห่าง ๆ กับเธอ ”
“ ห่างแค่ไหน ตลกจริง ๆ เด็กคนนี้ ทำไมเธอไม่โทรมาถามฉันละ ฉันฝากดูยัยมัจด้วยละฝากเธอช่วยเตือนอบรมด้วย ลำพังฉันคนเดียวปรามยัยมัจไม่ไหว ”
“ ได้จ๊ะ ” น้ำหวานรู้ความจริงทั้งหมดถึงกับอ้าปากค้าด้วยความตกใจไม่คาดคิดว่าคนที่เธอดูถูกมาตลอดกลับมีฐานะที่ดีกว่าตัวเองเสียอีก
“ ไอ้มัจไม่ได้จนอย่างที่ฉันคิด ฉันไม่อย่างจะเชื่อเลย ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหม ”
“ สักทีไหมไอ้น้ำหวาน แกจะได้ตื่นจากความฝัน ” มัจฉาง้างมือจะตบน้ำหวานแต่เพ็ญจันทร์กับสุปราณีย์เดินออกมาพอทีทำให้ทุกคนต้องอยู่ในความสงบ
“ มัจ ! กลับบ้านไปเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันยาวได้เลยนะ ”
“ ยังมีเรื่องอะไรอีก เมื่อคืนเราคุยกันจบแล้วไม่ใช่หรอ คุณนายยังมีเรื่องอะไรที่จะคุยกับมัจอีก มัจไม่มีอะไรคุยกับคุณนาย ”
“ ห้าโมงเย็นเจอกันที่ห้องทำงานของป้า ตกลงตามนี้ ” มัจฉาพยักหน้าเป็นการตอบรับ ทุกคนอึ้งในความเด็ดขาดของเพ็ญจันทร์ทำให้เข้าใจมัจฉาความรู้สึกของมัจฉามากขึ้น
“ ไอ้เด็กคนนี้ต้มป้าเสียเปื่อยเลยนะ ”
“ มัจต้องขอโทษป้าสุ มัจไม่อยากให้รู้ว่าเราเป็นอะไรกันเดี๋ยวจะถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น ”
“ ป้าเข้าใจ ”
“ ถ้างั้นหลังจากวันนี้เกิดอะไรขึ้นมัจให้ป้าสุเป็นผู้ปกครองของมัจแล้วกัน ไม่ต้องบอกให้คุณนายรู้ ”
สุปราณีย์ยิ้มลูบหัวมัจฉาเบา ๆ เดินกลับเข้าไปในห้อง มัจฉาไม่อยากกลับบ้านเลยแวะไปหาชลธีที่บ้าน เพ็ญจันทร์ใจอ่อนยอมให้มัจฉาเรียนประมงเตรียมสมุดบัญชีและบัตรกดเงินไว้ให้ รูปถ่ายของมัจฉาในวัยเด็กทำให้เพ็ญจันทร์นึกถึงเรื่องราวในอดีต