สุดเฮี้ยนผีหัวขาด
สุดเฮี้ยนผีหัวขาด
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาและป่าไม้ มีตำนานเก่าแก่ที่เล่าขานกันมาหลายรุ่นเกี่ยวกับ "ผีหัวขาด" ซึ่งถูกพูดถึงอย่างหวาดกลัว เรื่องราวนี้เริ่มต้นเมื่อ พิมพ์ชนก หญิงสาววัย 25 ปี ที่เพิ่งย้ายเข้ามาทำงานในหมู่บ้านแห่งนี้ เธอไม่เชื่อเรื่องผีสางและอาถรรพ์ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเติบโตในเมืองใหญ่ที่มองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ไม่นานหลังจากที่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ เธอก็พบว่า บางสิ่งในหมู่บ้านนี้ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว
ทุกวันหลังเลิกงาน พิมพ์ชนกจะเดินกลับบ้านที่ตั้งอยู่กลางป่าไม่ไกลจากหมู่บ้าน เธอมักจะผ่านทางเดินที่ทอดยาวไปยังป่าสนที่หนาทึบ เสียงลมพัดผ่านกิ่งไม้ทำให้ยามค่ำคืนดูเงียบสงัดไปหมด แต่ในคืนหนึ่งที่เธอกำลังเดินกลับบ้าน เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นตามหลังเธอ
"ใครน่ะ?" พิมพ์ชนกถามเสียงดัง ขณะที่มองไปข้างหลัง แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น
เธอรีบเดินต่อไปแต่เสียงฝีเท้าก็ยังดังตามมา หญิงสาวเริ่มรู้สึกขนลุกและเริ่มเดินเร็วขึ้น เมื่อเดินไปจนถึงทางแยกที่มืดมิด เธอก็เห็นเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างทาง—ร่างของผู้ชายคนหนึ่งในชุดเก่าๆ ดูเหมือนจะเป็นทหาร แต่สิ่งที่ทำให้พิมพ์ชนกตกใจที่สุดคือเขาไม่มีหัว!
"หะ... หัว... หายไปไหน?" พิมพ์ชนกสะอึก ชายคนนั้นยืนนิ่งๆ ท่ามกลางความมืด ไม่มีการเคลื่อนไหว แต่เธอเห็นกระจ่างว่าเขาไม่มีหัวจริงๆ
เสียงลมหวิวจากป่ากลับทำให้ทุกอย่างรอบตัวเธอดูเหมือนจะหยุดนิ่ง เธอพยายามหันไปวิ่งหนี แต่ร่างนั้นเริ่มเคลื่อนไหวตามมาอย่างช้าๆ ตามหลังเธอไปทีละก้าว ขณะที่เธอวิ่งอย่างสุดชีวิต เสียงนั้นก็เริ่มดังขึ้นมาใกล้ๆ จนสุดท้ายพิมพ์ชนกก็หันหลังไปมองอีกครั้ง
ครั้งนี้ร่างนั้นขยับเร็วยิ่งขึ้น และพิมพ์ชนกเห็นว่าแม้เขาจะไม่มีหัว แต่ก็ยังคงมีการเคลื่อนไหวเหมือนคนมีชีวิต ร่างกายของเขาเริ่มสูญเสียรูปร่างไปจนเกือบหมดสิ้น ราวกับว่าเขากำลังหลอมรวมกับความมืด
ในคืนนั้น พิมพ์ชนกไม่สามารถหลับตาหลับตาได้เลย หลังจากที่วิ่งหนีมาได้จนถึงบ้านของเพื่อนบ้าน เธอรีบเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เขาฟัง แต่คนในหมู่บ้านกลับไม่ตกใจหรือรู้สึกแปลกใจเท่าไรนัก
"มันคือผีหัวขาด..." ชายชราที่อาศัยอยู่ในบ้านข้างๆ กล่าวขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง "เขาคือทหารที่ถูกประหารชีวิตในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะเขาคือผู้ทรยศ แต่เขากลับไม่ยอมไปไหน... เขาจะตามหลอกหลอนคนที่เดินผ่านทางมืดในยามค่ำคืน โดยเฉพาะคนที่ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาต้องการบอก"
พิมพ์ชนกตกใจมาก เธอไม่คิดว่าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นจริง แต่ชายชราก็ยืนยันว่า ผีหัวขาดนั้นเกิดจากความแค้นและวิญญาณของทหารที่ถูกประหารอย่างไร้ความยุติธรรม
ในคืนนั้น หลังจากที่พิมพ์ชนกกลับไปที่บ้านของตัวเอง เธอพยายามที่จะหลับตาและปล่อยให้ความกลัวค่อยๆ หายไป แต่ทันใดนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นจากข้างนอกห้อง เธอลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ แต่เมื่อเปิดประตูไปดู กลับไม่มีใครอยู่ข้างนอก
เธอค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปในห้องนั่งเล่น แต่ท่ามกลางความมืดนั้น กลับปรากฏเงาร่างของชายผู้หนึ่งยืนอยู่กลางห้อง—ชายคนเดียวกันที่เธอเห็นในป่า ร่างของเขาไม่มีหัว และมือที่ยื่นออกมาดูเหมือนจะขอความช่วยเหลือจากเธอ
"ช่วย... ข้าด้วย..." เสียงแหบแห้งดังขึ้นจากตรงนั้น
พิมพ์ชนกรู้สึกขนลุกจนแทบยืนไม่ไหว เธอหันหลังวิ่งหนีออกจากบ้านจนล้มลงกลางทาง แต่เมื่อหันไปมองอีกครั้ง เธอไม่เห็นอะไรเลย เหมือนกับว่าเขาจะหายไปในความมืดเช่นเดียวกับที่เขาเคยทำ
ต่อมา พิมพ์ชนกเริ่มตัดสินใจจะหาคำตอบให้กับเรื่องราวที่เธอพบเจอ เมื่อเธอไปถามคนในหมู่บ้านเพิ่มเติม ถึงได้รู้ว่า หากเธอต้องการหยุดการตามหลอกหลอนของผีหัวขาดนี้ เธอต้องช่วยเขาแก้แค้นให้เสร็จสิ้น หรือไม่เช่นนั้น เขาจะตามหลอกหลอนเธอไปจนวันตาย
เรื่องราวผีหัวขาดที่เธอได้พบเจอในคืนนั้นยังคงติดอยู่ในใจเธอจนวันสุดท้ายที่เธอยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ และไม่ว่าเธอจะทำอย่างไร ผีหัวขาดนั้นก็ยังคงกลับมาเฝ้าหลอกหลอนคนที่เดินทางผ่านถนนที่มืดมิดในทุกๆ คืน.
ภาพถ่ายโดย Rok Romih: https://www.pexels.com/th-th/photo/3489072/