อาถรรพ์สยอง "รถบัสผี"
อาถรรพ์ผีรถบัส
ในเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา มีถนนเส้นหนึ่งที่มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่าเป็นทางที่มีอาถรรพ์ หากใครขับรถผ่านในยามค่ำคืน ก็จะพบกับความลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ เรื่องราวนี้เริ่มต้นเมื่อ อรพรรณ หญิงสาววัย 24 ปี ได้ยินคำเตือนจากเพื่อนๆ เรื่องผีรถบัสที่มักปรากฏตัวในคืนที่ฝนตกหนักหรือคืนที่ท้องฟ้ามืดมิด ไม่มีดาว เมื่อใดที่คนขับรถผ่านเส้นทางนี้ มักจะเห็นรถบัสเก่าๆ สีแดงจอดนิ่งอยู่ข้างทาง และเสียงหวีดหวิวจากในรถจะดังขึ้นในคืนที่ไร้ผู้คน
อรพรรณไม่เชื่อในเรื่องผีสางหรือสิ่งลี้ลับ เพราะเป็นคนที่มีเหตุผลและเชื่อในวิทยาศาสตร์ เธอเพิ่งย้ายเข้ามาทำงานในเมืองนี้ และทำงานดึกทุกวันจนต้องขับรถกลับบ้านในยามค่ำคืน ผ่านเส้นทางที่ชาวบ้านเตือนให้หลีกเลี่ยง แต่ด้วยความที่ไม่อยากฟังคำเล่าลือ เธอจึงตัดสินใจที่จะขับรถไปเอง
คืนหนึ่งหลังจากการทำงานเสร็จ อรพรรณขับรถไปตามถนนเส้นนั้น ฝนตกลงมาทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดีนัก เธอตั้งใจจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อกลับถึงบ้านโดยเร็ว แต่ในขณะที่ขับไปได้ไม่นาน เธอก็เห็นแสงไฟจากรถบัสเก่าๆ คันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ข้างทาง
รถบัสคันนั้นดูเหมือนจะเป็นรถเก่าเก็บที่ไม่ได้ใช้งานมานาน มีไฟหน้าสว่างจ้าแต่ไม่มีคนอยู่ภายใน ท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืน เสียงฝนตกหนักและเสียงเครื่องยนต์ที่เงียบสงัด ทำให้บรรยากาศดูน่าสะพรึงกลัว อรพรรณพยายามขับผ่านไป แต่เมื่อขับรถไปใกล้ๆ รถบัส เสียงประตูรถก็เปิดออกเอง พร้อมกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินมา
เธอหันไปมองด้วยความตกใจ และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนักเรียนเก่าที่เปียกปอนเต็มตัว ท่าทางดูอ่อนล้าและหน้าตาเศร้าหมอง หญิงสาวนั้นยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
"เธอจะไปไหนเหรอคะ?" หญิงสาวในชุดนักเรียนถามด้วยเสียงแหบแห้ง
อรพรรณตกใจจนแทบหยุดหายใจ เธอไม่ได้ตอบคำถามนั้น และรีบเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นเพื่อหนีจากสถานการณ์ที่น่าขนลุก แต่ว่าหญิงสาวคนนั้นก็วิ่งตามมาติดๆ เสียงฝีเท้าของเธอดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝนที่ตกหนัก
อรพรรณหันมองกระจกหลังอีกครั้ง และพบว่าเงาของหญิงสาวยังคงวิ่งตามรถของเธออย่างไม่ลดละ เมื่อเธอกลับไปมองข้างทางอีกครั้ง รถบัสเก่าๆ คันนั้นกลับหายไปแล้ว ไม่มีร่องรอยของรถคันนั้นเหลืออยู่เลย
หัวใจของอรพรรณเต้นแรง เธอขับรถไปด้วยความเร็วเต็มที่ จนกระทั่งถึงบ้านของเธอที่ตั้งอยู่ไกลออกไป หลังจากที่หยุดรถได้ เธอก็สังเกตเห็นกระจกมองหลังที่บิดเบี้ยวผิดปกติ ในกระจกมีภาพของหญิงสาวคนเดิม ยืนอยู่ในท่ามกลางหมอกหนาและสายฝนที่ตกลงมา
คืนถัดไป อรพรรณพยายามจะหาคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเธอถามผู้คนในเมือง กลับได้รับคำตอบที่ทำให้เธอขนลุกมากยิ่งขึ้น
"เธอเห็นผีรถบัสแล้วหรือ?" ชาวบ้านคนหนึ่งถามเสียงเบา "มันเป็นวิญญาณของนักเรียนสาวที่เคยเสียชีวิตในอุบัติเหตุรถบัสเมื่อหลายปีก่อน รถบัสคันนั้นตกลงไปในเหว และไม่มีใครรอดชีวิต ทุกๆ คืนฝนตก หรือเมื่อฟ้ามืดมิด ผีของพวกเขาจะกลับมาหลอกหลอน และพวกเขาจะขอให้ใครสักคนช่วย แต่ถ้าใครรับฟัง... จะต้องจ่ายด้วยชีวิต"
อรพรรณสะท้านไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเรื่องราวนั้น ทุกคืนหลังจากนั้น เธอเริ่มรู้สึกถึงการมีอยู่ของบางสิ่งที่ตามหลอกหลอน รถบัสเก่าๆ คันนั้นยังคงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่เคยมีใครเห็นใครขับมัน หรือแม้แต่เสียงของเครื่องยนต์ที่พังทลายออกมา
จนวันหนึ่ง เมื่อตอนกลางคืนอันมืดมิด อรพรรณขับรถผ่านทางเส้นนั้นอีกครั้ง ขณะที่เธอกำลังขับขี่ผ่านไป เธอกลับได้ยินเสียงร้องแหบแห้งจากในความมืดที่ข้างทาง
“ช่วย... ช่วย... ข้าด้วย...” เสียงนั้นดังขึ้นชัดเจน
อรพรรณหันไปมองและพบว่า รถบัสคันนั้นจอดอยู่ข้างทางอีกครั้ง ท่ามกลางสายฝนที่ตกไม่หยุด แสงไฟจากรถบัสส่องออกมา สะท้อนบนถนนเปียก เธอรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งยื่นมือออกมาเรียกหาเธอ...
แต่ก่อนที่เธอจะสามารถตัดสินใจอะไรได้ ทุกอย่างก็เงียบสงัด และรถบัสเก่าๆ ก็หายไปในความมืด พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่หายไปจากการเดินตามของหญิงสาวนักเรียนที่เธอเคยเห็นมาก่อน
สิ่งที่เหลืออยู่ในใจอรพรรณคือคำเตือนสุดท้าย: หากคุณได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากรถบัสเก่าๆ นั้น... อย่าหันไปมอง... เพราะมันจะดึงคุณไป... เพื่อเติมเต็มอาถรรพ์ที่ไม่มีวันจบสิ้น.
4o mini
ภาพถ่ายโดย maria Chaile: https://www.pexels.com/th-th/photo/17144113/