พลูคาว กลิ่นคาวจริงๆ

ใครเคยกินบ้างผักชนิดนี้ คือเป็นผักที่มีกลิ่นคาวจริงๆ  เอ๊ะ..ยังไง

ชื่อ พลูคาว หรือ คาวตอง

ชื่อที่เรียกตามท้องถิ่น

ภาคกลางและทั่วๆ ไป เรียกว่า พลูคาว, ผักเข้าตอง, ผักก้านตอง, พลูแก

ภาคเหนือ เรียกว่า ผักคาวตอง, ผักก้านตอง

ภาคอีสาน เรียกว่า ผักคาวปลา, ผักคาวทอง

       ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของพลูคาว คือ Houttuynia cordata Thunb. ตั้งชื่อโดย คาร์ล ปีกเตอร์ ธันเบิร์ก (Carl Peter Thunberg) ชาวสวิตเซอร์แลนด์ เขาเป็นนักพฤษศาสตร์ ได้ตั้งชื่อตามลักษณะของปลายใบที่แหลมเป็นติ่งคล้ายรูปหัวใจ และกลิ่นของตัวใบมีกลิ่นคล้ายกับกลิ่นคาวปลา ส่วนชื่อท้องถิ่นของไทยที่ตั้งชื่อเป็น "พลูคาว" ก็ตั้งตามกลิ่นของใบที่คล้ายกับกลิ่นของคาวปลานั่นเอง

       พลูคาว หรือ คาวตอง เป็นพืชล้มลุกที่พบได้ทั่วไปในแถบทวีปเอเชีย ในแถบเทือกเขาหิมาลัยไปจนถึงเวียดนาม ญี่ปุ่น รวมถึงไทยด้วย ส่วนในประเทศจีน พลูคาวเป็นสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้รักษาอาการไอ โรคปอดบวม และโรคหลอดลมอักเสบ ส่วนในประเทศไทยที่พบได้มากทางภาคเหนือ นิยมนำมารับประทานสดเป็นเครื่องเคียง หรือใช้สกัดเป็นเครื่องดื่ม เพราะมีสรรพคุณมากหลายขนานที่อ้างอิงได้จากงานวิจัย เช่น ต้านไวรัส ต้านมะเร็ง แก้ภูมิแพ้ บรรเทาอาการปวด ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยชะลอความแก่ เป็นต้น

       พลูคาว ไม่เป็นที่นิยมใช้ประกอบอาหารนัก บางพื้นที่บอกว่ามีกลิ่นฉุน บางพื้นที่บอกว่ามีกลิ่นสาบ บางพื้นที่บอกว่ามีกลิ่นคาวคล้ายกลิ่นคาวปลา แต่ก็มีการนำยอดอ่อนหรือใบอ่อนพลูคาวมาใช้ทำอาหารได้ และใช้เป็นเครื่องเคียง เช่น..

       -พลูคาว ทั้งใบ ยอดอ่อน และดอก ใช้ประกอบอาหารหลายเมนู เพื่อให้มีกลิ่น เมนูหลัก ได้แก่ ผัดพลูคาวน้ำมันหอย ผัดพลูคาวใส่ไข่ ส่วนเมนูเติมรสและกลิ่น เช่น แกงเลียง และแกงอ่อมชนิดต่างๆ 

       -รับประทานเป็นเครื่องเคียง แกล้มอาหาร โดยเฉพาะอาหารเหนือ และอีสาน เช่น ลาบ ก้อยและแจ่ว

       -มีการใช้สารสกัด rutin จากใบพลูคาวสำหรับการผลิตวิตามินเพื่อเป็นอาหารเสริม ด้วยคุณสมบัติ rutin ที่ช่วยรักษาความคงตัวหรือคงสภาพของคอลลาเจนในผิวให้ยาวนาน ทำให้ลดการเกิดริ้วรอยตามวัยได้

       -สำหรับยุโรปและอเมริกา นิยมปลูกพลูคาวพันธ์ุใบด่างเพื่อเป็นไม้ประดับด้วย

---------------------

ปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บางส่วนที่พิสูจน์ความเชื่อเกี่ยวกับคุณสมบัติต่างๆ ของพลูคาว 

       -หนังสือผักคาวตองของสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มีการรายงานถึงสรรพคุณของผักคาวตอง และหนังสือ THE ASEAN JOURNAL OF RADIOLOGY ได้เสนอข้อมูลเกี่ยวกับการนำพลูคาวไปให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งรับประทาน พบว่า 90% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งมีสุขภาพดีขึ้น ซึ่งต่อมามีการค้บพบว่าสารที่มีฤทธิ์ของพลูคาว คือ สารกลุ่มฟลาโวนอยด์และอัลคาลอยด์ มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำลายเซลล์มะเร็งและเนื้องอก ยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อมะเร็งและเนื้องอก ทำลายเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา รักษาน้ำเหลืองเสีย ขับปัสสาวะ และขับสารพิษ

       -นายพงษ์ศักดิ์ สง่าศรี เภสัชกรนักวิชาการอิสระและนักการตลาดด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ กล่าวว่า โดยสมุนไพรที่มีการพูดถึงในสรรพคุณการต้านเชื้อไวรัสมีมากมายหลายชนิด และชนิดที่มีการพูดถึงฤทธิ์ในการต้านเชื้อไวรัสด้วย ก็คือ สมุนไพรที่ชื่อว่า พลูคาว หรือ ผักคาวตอง เป็นพื้นท้องถิ่นของประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมทั้งประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมประเทศไทยด้วยเช่นกัน มีประวัติการใช้มาอย่างยาวนาน รวมทั้งบรรจุในตำราการแพทย์ของจีน รวมทั้งไทยด้วย นิยมนำมาใช้ในการรักษาการอักเสบต่างๆ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยรักษาโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจต่างๆ รวมทั้งสาเหตุจากเชื้อไวรัสด้วย เป็นต้น

       ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยพบ สรรพคุณของพลูคาว ในประเด็นของการต้านเชื้อไวรัสมากมายหลายชนิด เช่น เชื้อไวรัส Herpe Simplex ที่ก่อเกิดโรคเริม, เชื้อ Influenza virus ที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่, เชื้อ Human immunodeficiency virus type 1 (HIV-1) ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และเชื้อ SARS-CoV ที่ทำให้เกิดโรคซาร์ เป็นต้น

       พลูคาว มีงานวิจัยที่ถูกยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า พลูคาวเป็นผักที่ไม่มีน้ำตาล และมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพชนิด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและรักษาโรคเบาหวานได้ ซึ่งมีงานวิจัยหนึ่งศึกษาประสิทธิผลในด้านนี้ การทดลองพบว่าสารสกัดช่วยปรับระดับกลูโคส อินซูลิน และฮอร์โมนอดิโพเนคทิน ซึ่งอาจช่วยให้ร่างกายลดภาวะดื้อต่ออินซูลินลงได้เช่นเดียวกับอีกงานวิจัยหนึ่งที่ศึกษาการใช้สารสกัดจากพลูคาวที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าสารสกัดดังกล่าวอาจช่วยลดระดับโปรตีนและสารอัลบูมินในปัสสาวะ และช่วยลดภาวะดื้อต่ออินซูลินได้อย่างมีนัยสำคัญ ไม่ให้เกิดอาการของโรคเบาหวาน ในทางการแพทย์ยังพบว่า 99% ของบุคคลที่ติดเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคนั้นมาจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงเพียงพอต่อการต้านโรค 

       ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสนใจว่าสารสกัดพลูคาว เมื่อนำมาเข้าตำรับกับขมิ้นชัน และสารสกัดสมุนไพรออกฤทธิ์อื่นๆ จะมีฤทธิ์ที่เสริมพร้อมต้านโรคแก่บุคคลที่สุ่มเสี่ยงได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เอง พลูคาว จึงถือว่าได้เป็นสมุนไพรมหัศจรรย์ที่แตกต่างจากสมุนไพรอื่นนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่อยากมีสุขภาพแข็งแรง ป้องกันหวัด ต้านไวรัส โดยสามารถรับประทานได้ทุกวัน

       ด้าน นราพงษ์ ชมภูธัญ ผู้บริหารบริษัท นาวิสพลัส จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ Navtra life กล่าวเสริมว่า เราเป็นผู้ผลิตอาหารเสริมสุขภาพจากสารสกัดพลูคาวที่เราใส่ใน Navtra life และ ขายยาวนานมามากกว่า 4 ปี ที่ตอบโจทย์ได้ดีในเรื่อง การสร้างภูมิต้านทาน ต้านแบคทีเรียก่อโรคไวรัส และลดการอักเสบ นอกจากนี้ Beta (1-3)glucan (เบต้ากลูแคน) ในสารสกัดพลูคาวจะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรง รวมถึงกระตุ้นสะเต็มเซลล์ ฟื้นฟูโรคเสื่อมต่างๆ ช่วยเร่งการหายของแผล เหนี่ยวนำให้เซลล์ที่ติดเชื้อฆ่าตัวตาย(Apoptosis) เอง ทำให้เชื้อโรคในร่างกายลดลง สารต่อต้านอนุมูลอิสระ และสารสำคัญในพลูคาวยึดจับธาตุเหล็ก ป้องกันเนื้อเยื่อปอด ตับ และไต ได้ดี

      สำหรับ Navtra life เป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ จาก HC Phytonutrients ในพลูคาว, เมล็ดทับทิม(แดงเจ้าพระยา), เมล็ดองุ่น, มะขามป้อม, หลินจือสายพันธ์ุใหม่(MG2), และขมิ้นชัน โดยงานวิจัยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเช่น จีน อินเดีย ระบุสาระสำคัญจากสมุนไพรกลุ่มดังกล่าวนั้นประกอบด้วยสารกลุ่มต้านอนุมูลอิสระช่วยต้านแบคทีเรียก่อโรคไวรัส ป้องกันโรคอ้วน ช่วยกำจัดสารพิษ เบาหวาน เส้นเลือดขอด ลดการอักเสบบวมแดง

       มีส่วนกระตุ้นภูมิคุ้มกันสารต้านอนุมูลอิสระในมะขามป้อม รวมกับสารสกัดในเมล็ดทับทิม และพลูคาว จะทำให้ NK cell หรือเซลล์เพชฌฆาต ที่ทำหน้าที่ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสเป็นหลักนั้นแข็งแรงกว่าปกติถึง 10 เท่า ในเมล็ดทับทิม และเมล็ดองุ่นมีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระมากเป็น 3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับชาเขียวและไวน์แดง รวมถึงน้ำเบอร์รี่บางชนิดอีกด้วย รวมถึงสารสกัดเมล็ดทับทิมยังมีผลการทดลองว่ามีฤทธิ์ป้องกันสารพิษต่อตับ

แหล่งข้อมูล สยามธุรกิจ

รับประทานพลูคาวอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด

       แม้ว่าพลูคาวมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่มาก และไม่ก่อให้เกิดอันตรายสำหรับคนทั่วไป หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมจากการรับประทานอาหาร ผู้บริโภคที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือโรคไต ควรระมัดระวังในการบริโภคอาหารเสริมจากพลูคาวเป็นพิเศษ อาจเกิดอาการ เช่น อาเจียน หายใจสั้นและถี่ หรือหากใช้เป็นยาภายนอกมากเกินขนาดอาจทำให้เกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง โดยอาจเกิดผื่นคันหรือแผลพุพองได้ และไม่ควรใช้พลูคาวในผู้ที่มีอาการเหล่านี้ด้วย เช่น หนาวง่าย(กลัวหนาว) แขนขาเย็น ปวดท้อง ท้องร่วง ปัสสาวะใสและปัสสาวะมากขึ้น มีฝ้าขาวบนลิ้น (ทางการแพทย์จีนเรียกว่า อาการพร่อง)

..แม้สมุนไพรจะดีเพียงใดก็ตาม หากรับประทานมากเกินไปหรือใช้ผิดวิธีอาจเกิดโทษได้เช่นเดียวกัน..