ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ
บางคนถามว่าทำไมต้องศาสนา ทำไมต้องมีศีลธรรม แค่อยู่ไปเรื่อยๆไม่พอเหรอ ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่นา ทำไมต้องเข้าวัดทำบุญประจำแค่ไม่ไปเบียดเบียนทำร้ายใคร ไม่กินไม่โกงก็น่าจะพอ
คำตอบคือจริงอยู่เราอยู่ปกติไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนั้นดี แต่ถ้าเราต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน หรือมีเรื่องวิกฤตการณ์อันไม่คาดคิดขึ้นมาละ เราต้องสูญเสียหรือพลัดพรากจากสิ่งที่เคยได้เคยมี บางที่สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างเพราะเหตุปัจจัยต่างๆ
ถ้าเราไม่มีสิ่งยึดเหนียวทางใจด้วยเราอาจจะทุกข์จนบ้าเสียสติหรือตายไปเพราะการตรอมใจความเศร้า ความเครียดก็เป็นได้ ดังนั้นศาสนาที่บัญญัติขึ้นก็เพื่อเป็นหลักยึดเหนี่ยวทางใจ
ปกติมนุษย์หรือสัตว์โลกทุกชนิดรักตัวกลัวตาย แต่มนุษย์กลัวมากกว่านั้นด้วยอุปทาน มนุษย์ปั้นแต่งเสกสรรสิ่งต่างขึ้นมาเพื่อระงับดับความกลัว มนุษย์มีความกลัวมากกว่าสัตว์และระแวงระวังไปทั่ว ถ้าไม่มีหลักยึดเวลาที่ต้องเผชิญเหตุการณ์ร้าย ในสภาวะจำยอมหรือยามคับขัน อาจจะตั้งสติไม่ได้ และคิดทำอะไรอย่างไร้สติทำให้เกิดผลเสียมากกว่าได้
รักโลภโกรธ หลงในใจเป็นสาเหตุให้เราคิดทำอะไรอย่างไร้สติได้เช่นกัน เป็นสิ่งเหล่านี้ต้องใช้สติปัญญากำกับตลอดเวลา เพราะถ้าควบคุมไม่ได้ก็จะทำให้เกิดทุกข์ใจอย่างยิ่ง
คนเราเวลาอยู่ดีสบายใจมักไม่นึกถึงเรื่องการเข้าวัดทำบูญกัน พอมีเรื่องมีราวจึงจะนึกถึงวัดขึ้นมาได้
ศาสนาทุกศาสนาสอนคนให้เป็นคนดี ศาสนาเป็นหลักยึดเหนี่ยวทางใจ ศาสนาเป็นทั้งเรื่องกันและแก้ปัญหาความทุกข์ด้วย คล้ายๆเรื่องอนามัยมีทั้งการป้องกันและรักษาแต่ส่วนมากจะนึกถึงก็ต่อเมื่อเจ็บป่วยกันเสียก่อน ศีลธรรมและศาสนาก็จะเป็นทำนองเดียวกันคือมักจะไม่ใช้ป้องกัน แต่คิดเอาไว้แก้อย่างเดียวดังนั้นทุกข์และปัญหาจึงไม่หมดสิ้นไปเสียที
ยิ่งปัจจุบัน ปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ภัยพิบัติจากสงครามและธรรมชาติมากมายทำให้คนเครียดจัด มีปัญหาทุกข์ซับซ้อนขึ้นตลอดเวลา จนเข้าขั้นใกล้วิกฤติแล้ว หากคนเราไม่ใช้ศาสนาเพื่อการป้องกันโดยน้อมนำคำสอนมาใส่ใจ เพื่อศึกษาและปฏิบัติในการป้องกันความทุกข์ที่ถาโถมเข้ามาแล้วเราจะรอให้ทุกข์ปัญหาเกิดขึ้นเสียก่อนจึงค่อยหาทางแก้อาจจะยุ่งยากจนแก้ไม่ได้ หรือสายจนเกินไป...........................
..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/139529