หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ความเป็นมาของ "ธนบัตรไทย" จากอดีตถึงปัจจุบัน (ตอนที่1)

โพสท์โดย ลูกสาวอบต

ธนบัตรในประเทศไทย เริ่มมีการใช้ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้มีการใช้ "เงินกระดาษ" เป็นครั้งแรก แต่ยังไม่ได้เรียกว่า "ธนบัตร" ใช้คำว่า "หมาย" เรียกแทน โดยออกใช้เมื่อ พ.ศ. 2396 และคงใช้ต่อมาทั้งสิ้น 3 รุ่น

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้ "ตั๋วกระดาษ" ราคา 1 อัฐ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2417 เพื่อใช้แทนเงินเหรียญกษาปณ์ที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า "อัฐกระดาษ" ที่ใช้เรียกขานกันในหมู่ประชาชน ต่อมาในปี พ.ศ. 2432-2442 ทรงอนุญาตให้ธนาคารต่างประเทศที่เข้ามาเปิดสาขาดำเนินงานในประเทศไทย คือ ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้, ธนาคารชาเตอรด์แห่งอินเดีย ออสเตรเลีย และจีน และธนาคารแห่งอินโดจีน ให้สามารถออกธนบัตรของตัวเองได้ เรียกว่า "แบงก์โน้ต" หรือ "แบงก์" นับว่าเป็น "บัตรธนาคาร" รุ่นแรกๆ ที่มีใช้ในประเทศไทย จนถึงวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2445 จึงทรงให้ยกเลิก และประกาศใช้ "ธนบัตร" แบบแรกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

ธนบัตรไทยแบบต่างๆ จาก.. [b]อดีตถึงปัจจุบัน[/b]

ธนบัตรแบบ ๑













​เป็นธนบัตรที่พิมพ์ด้านหน้าเพียงด้านเดียว จึงเรียกว่า ธนบัตรหน้าเดียว มี ๗ ชนิดราคา ได้แก่ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท และ ๑๐๐๐ บาท พิมพ์ที่บริษัทโทมัส เดอ ลา รู จำกัด (THOMAS DE LA RUE & COMPANY LIMITED) ประเทศอังกฤษ เริ่มทยอยออกใช้ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๔๕ ในรัชกาลที่ ๕ จนถึงรัชกาลที่ ๖

ธนบัตรแบบ ๒

เป็นธนบัตรแบบแรกที่เริ่มพิมพ์ทั้งสองด้าน ด้านหน้าเป็นภาพลายเฟื่องประกอบรัศมี ๑๒ แฉก ด้านหลังเป็นภาพพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ จึงมักเรียกกันว่า "ธนบัตรแบบไถนา"

ธนบัตรแบบ ๒ มี ๒ รุ่น ๖ ชนิดราคา ได้แก่ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท และ ๑๐๐๐ บาท พิมพ์ที่บริษัท โทมัส เดอ ลา รู จำกัด เริ่มทยอยออกใช้ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๖๘ ในรัชกาลที่ ๖ จนถึงรัชกาลที่ ๗​


รุ่นหนึ่ง พิมพ์ข้อความว่า "สัญญาจะจ่ายเงินให้แก่ผู้นำธนบัตรนี้มาขึ้นเป็นเงินตราสยาม" ที่ด้านหน้าของธนบัตรทุกชนิดราคา


​รุ่นสอง เปลี่ยนข้อความเป็น "ธนบัตร์เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย











ธนบัตรแบบ ๓

​เป็นธนบัตรแบบแรกที่เชิญพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ไทยเป็นภาพประธานบนด้านหน้า โดยมีภาพอันแสดงถึงวัฒนธรรมประเพณีและสถาปัตยกรรมไทย ตลอดจนทัศนียภาพต่าง ๆ เป็นภาพประกอบ ส่วนด้านหลังเป็นภาพวัดพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ และมีการพิมพ์ข้อความแจ้งโทษของการปลอมแปลงธนบัตรเป็นครั้งแรก มี ๔ ชนิดราคา ได้แก่ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท และ ๒๐ บาท พิมพ์ที่บริษัท โทมัส เดอ ลา รู จำกัด เริ่มทยอยออกใช้ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๗๗ ในรัชกาลที่ ๗ จนถึงรัชกาลที่ ๘








รุ่นหนึ่ง (พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ รัชก​าลที่ ๗)




รุ่นสอง (พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ รัชกาลที่ ๘)

ธนบัตรแบบ ๔ (โทมัส)

ด้านหน้าเชิญพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเมื่อทรงพระเยาว์เป็นภาพประธาน โดยมีภาพปูชนียสถานที่สำคัญ ได้แก่ วัดพระสมุทรเจดีย์ พระปฐมเจดีย์ ป้อมมหากาฬกับบรมบรรพต พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์กับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม เป็นภาพประกอบของธนบัตรแต่ละชนิดราคาตามลำดับ ส่วนด้านหลังเป็นภาพพระที่นั่งอนันตสมาคม

ธนบัตรแบบ ๔ (โทมัส) มี ๒ รุ่น รุ่นหนึ่ง พิมพ์ข้อความด้านหน้าธนบัตรว่า "รัฐบาลสยาม" รุ่นสอง เปลี่ยนเป็นคำว่า "รัฐบาลไทย" มี ๕ ชนิดราคา ได้แก่ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐๐ บาท พิมพ์ที่บริษัท โทมัส เดอ ลา รู จำกัด ทยอยออกใช้เมื่อพุทธศักราช ๒๔๘๑ ในรัชกาลที่ ๘​​









ธนบัตร​แบบ ๔ (กรมแผนที่)

​​​เมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง ขยายตัวมายังทวีปเอเชียจนกลายเป็นสงครามมหาเอเชียบูรพา โดยญี่ปุ่นได้ยกกองทัพเข้ามาในประเทศไทยเพื่ออาศัยเป็นฐานทัพในการสู้รบและยึดครองประเทศข้างเคียงซึ่งเป็นอาณานิคมของประเทศคู่สงคราม ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะจำยอมต้องทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น และถูกยื่นข้อเสนอให้จัดตั้งธนาคารกลางโดยให้มีที่ปรึกษาและหัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ เป็นชาวญี่ปุ่น

​​​ดังนั้น เพื่อรักษาอิสรภาพและเสถียรภาพทางการเงินของประเทศมิให้ญี่ปุ่นเข้ามามีอำนาจควบคุมระบบการเงินของไทย รัฐบาลในขณะนั้นจึงเร่งจัดตั้งธนาคารกลางอย่างรีบด่วน โดยสภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕ เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๕ เพื่อจัดตั้งธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นทำหน้าที่รับมอบการออกธนบัตรจากกระทรวงการคลัง และประกอบธุรกิจอันพึงเป็นงานของธนาคารกลาง

​​​จากการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ทำให้การสั่งพิมพ์ธนบัตรจากบริษัท โทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ ไม่สามารถกระทำได้ รัฐบาลไทยจึงขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นช่วยพิมพ์ธนบัตรให้ (ธนบัตรแบบ ๕) แต่เมื่อสงครามทวีความรุนแรงขึ้น รัฐบาลเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นที่น่าไว้วางใจนัก ถึงแม้จะได้สั่งพิมพ์ธนบัตรจากประเทศญี่ปุ่นแล้วก็ตาม หากญี่ปุ่นไม่สามารถขนส่งธนบัตรมาได้ ก็จะทำให้ประเทศไทยขาดแคลนธนบัตรอย่างยิ่ง

​​​รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจพิมพ์ธนบัตรขึ้นใช้เอง โดยใช้วัตถุดิบที่พึงหาได้ภายในประเทศ และมอบหมายให้ กรมแผนที่ทหารบก กรมอุทกศาสตร์ และโรงพิมพ์ของเอกชนบางแห่ง เป็นผู้จัดพิมพ์ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจากพนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทย แม้ว่าธนบัตรที่พิมพ์ขึ้นใช้เองนี้จะมีคุณภาพต่ำ แต่ก็​สามารถช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนธนบัตรได้ตลอดช่วงสงคราม ธนบัตรที่พิมพ์ขึ้นใช้เองในช่วงสงคราม ได้แก่ ธนบัตรแบบ ๔ (กรมแผนที่) ธนบัตรแบบ ๖ ธนบัตรแบบ ๗ และธนบัตรแบบพิเศษ

ธนบัตรแบบ ๔ ซึ่งพิมพ์จากกรมแผนที่ทหารบก มีรูปแบบเหมือนกับธนบัตรแบบ ๔ ที่พิมพ์จากบริษัท โทมัส เดอ ลา รู จำกัด แต่ได้พิมพ์คำว่า "กรมแผนที่" ไว้ที่ขอบล่างของธนบัตรทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และใช้กระดาษจากโรงงานกระดาษไทย จังหวัดกาญจนบุรี มี ๔ ชนิดราคา ได้แก่ ๑ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท เริ่มทยอยออกใช้เมื่อพุทธศักราช ๒๔๘๕​







ธนบัตรแบบ ๕

ด้านหน้าเชิญพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเมื่อทรงพระเยาว์เป็นภาพประธาน โดยมีลายเฟื่อง อุโบสถและวิหารวัดภูมินทร์ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ประตูซุ้มยอดมงกุฎวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม และพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทกับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นภาพประกอบของแต่ละชนิดราคา ส่วนด้านหลังเป็นภาพพระบรมมหาราชวัง ด้านวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

มี ๗ ชนิดราคาได้แก่ ๕๐ สตางค์ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท และ ๑๐๐๐ บาท พิมพ์ที่โรงพิมพ์ธนบัตร กระทรวงการคลัง ประเทศญี่ปุ่น เริ่มทยอยออกใช้เมื่อพุทธศักราช ๒๔๘๕













 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
VOTED: Ployza
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญเครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวนแฉเรือทุนไทยขายน้ำมันให้เขมร อดีต สว ประกาศ เตือน ทัพเรือสั่ง 'จมเรือ' ได้ทันที เพราะประกาศกฎอัยการศึกเขมร" ปั่นประสาท 2 มหาอำนาจ ชี้พิรุธเขมรทิ้งขีปนาวุธต้านรถถังให้ไทยยึด เพราะไม่มีรหัส แล้วหวังแก้เผ็ดสหรัฐคลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติขอบคุณพระเจ้า วันศุกร์เสียที ! Thank God It's Friday (TGIF) ทำไมคืนวันศุกร์กลายเป็น ช่วงเวลาแห่งการสังสรรค์ การหยุดงานวันเสาร์-อาทิตย์ เริ่มต้นมากจากไหนสถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่นถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติดอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีให้คะแนนไทยในการจัดซีเกมส์ 100 เต็ม 10 พร้อมส่งกำลังใจถึงทีมชาติช้างศึกหลังพลาดเหรียญทองย้อนวันวาน “ศูนย์อาหารมาบุญครอง พ.ศ. 2535” ต้นแบบฟู้ดคอร์ทไทย จากคูปองเงินสด สู่ยุคสแกนจ่ายในปลายนิ้ว10 สถานที่ท่องเที่ยวในสมุทรสาคร เมืองเล็กใกล้กรุงที่มีเสน่ห์มากกว่าที่คิด
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีให้คะแนนไทยในการจัดซีเกมส์ 100 เต็ม 10 พร้อมส่งกำลังใจถึงทีมชาติช้างศึกหลังพลาดเหรียญทอง10 สถานที่ท่องเที่ยวในสมุทรสาคร เมืองเล็กใกล้กรุงที่มีเสน่ห์มากกว่าที่คิดยูเนสโก โดน แก๊งสแกมเมอร์ แอบอ้างหลอก เอาเงินลงทะเบียนมารู้จัก DP-20 โดรนสอดแนมสัญชาติไทยเขมรระแวงหนัก! คุมเข้มห้ามบิน “โดรน” ทั่วกรุงพนมเปญ หวั่นแผนลอบโจมตี “ฮุน เซน” กระแสโซเชียลไทยถล่มยับ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
มารู้จักหน่วย BHQ หน่วยองครักษ์ พิทักษ์ฮุนเซนรู้หรือไม่ ? ที่มาและประวัติของ "สุกี้ยากี้" เป็นมาอย่างไร ?ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีนทึ่งทั่วไทย : "น้ำตกแม่กาษา" น้ำตกลำธารใส Unseen แม่สอด จังหวัดตาก
ตั้งกระทู้ใหม่