พัฒนาการสงครามของจีน จากรถศึกสู่ทหารราบ
จิ้นผิง กง เจ้าแคว้นส่งสวินอู๋เป็นแม่ทัพนำทัพรถศึกหนึ่งพันคัน ทหารสี่หมื่นนายเข้ารับศึก ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันดุเดือด ก่อนที่ทัพชาวหยงตี๋ ซึ่งกำลังพลส่วนใหญ่เป็นทหารราบจะล่าถอยเข้าไปตั้งรับในป่า ทำให้ยากแก่การที่รถศึกของทัพจิ้นจะเข้ารุกไล่
เว่ยซู ขุนพลของสวินอู๋ได้เสนอให้ปรับกระบวนทัพ โดยเลิกใช้รถศึก และเปลี่ยนเป็นพลเดินเท้า โดยจัดกำลังเป็นหมู่ หมู่ละ 5 คน ทำการฝึกรุกรบโจมตีสอดประสานกันเป็นหน่วยเดียว จากนั้นได้เคลื่อนพลเข้าติดตามชาวหยงตี๋ในป่าทึบ ซึ่งกองทหารเดินเท้ามีความคล่องตัวในหลายสภาพพื้นที่มากกว่ารถศึก
พวกหยงตี๋เห็นทหารจิ้นเดิน เท้ากระจายกำลังเข้ามาในป่า ก็เข้าใจว่าทัพจิ้นเสียกระบวนรบและอ่อนแอ จึงเข้าโจมตี ทว่าทหารจิ้นที่ฝึกรบแบบประสานกันเป็นหน่วย สามารถต้านทานนักรบหยงตี๋ได้ และเข้าโจมตีรุกกลับ ก่อนบดขยี้กองทัพหยงตี๋พินาศสิ้น
จากผลของสงครามในครั้ง นั้น ทำให้แคว้นต่างๆเริ่มมองเห็นข้อด้อยของรถศึกและข้อได้เปรียบของการใช้กำลัง หลักเป็นทหารราบ จึงเริ่มเปลี่ยนยุทธวิธีจากใช้รถศึกเป็นหลัก มาใช้พลเดินเท้าที่แบ่งเป็นหมวดหมู่ เป็นกำลังหลักในการรบแทน พร้อมกับขนาดกองทัพที่มีการระดมพลใหญ่ขึ้น และการสงครามที่รบกันยืดเยื้อยาวนานขึ้นและแน่นอนว่า นำไปสู่การสูญเสียชีวิตไพร่พลและราษฎรอย่างมากมายมหาศาล…