ยกให้ถูกชั้น ผลลัพธ์ชัดกว่า ไกด์เลือกเครื่องยกกระชับตามโครงสร้างผิว

ยกให้ถูกชั้น ผลลัพธ์ชัดกว่า ไกด์เลือกเครื่องยกกระชับตามโครงสร้างผิว

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น สัญญาณแห่งวัยมักเริ่มชัดจากความแน่นของผิวที่ลดลง ไม่ว่าจะเป็นผิวหย่อน แก้มตก กรอบหน้าไม่คม หรือริ้วรอยที่เห็นง่ายขึ้น หลายคนจึงมองหาวิธียกกระชับให้เหมาะกับปัญหา แต่หัวใจสำคัญคือการเข้าใจว่าแต่ละชั้นผิวมีหน้าที่ต่างกันการเลือกเทคโนโลยีให้ตรงระดับจึงช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและสอดคล้องกับโครงหน้า

โครงสร้างผิวที่เกี่ยวข้องกับการยกกระชับชั้นผิวหนัง

• ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
  เป็นชั้นบางที่สุด ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสี UV และมลภาวะ รวมถึงกระบวนการผลัดเซลล์ที่ทำให้ผิวดูเรียบเนียน การดูแลที่ดีในชั้นนี้ช่วยให้ผิวดูสดใสและเป็นฐานที่เหมาะกับการยกกระชับระดับลึกกว่า
• ชั้นหนังแท้ (Dermis)
  อุดมด้วยคอลลาเจนและอีลาสติน เป็นโครงพยุงสำคัญของผิว เมื่อโปรตีนเหล่านี้ลดลง ผิวจึงเริ่มหย่อนและเกิดริ้วรอยตื้น การกระตุ้นคอลลาเจนในระดับหนังแท้จึงเป็นจุดตั้งต้นที่ดีสำหรับผู้ที่เริ่มมีความหย่อนคล้อย
• ชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous fat)
  เป็นเหมือนเบาะรองรับและแหล่งให้วอลลุ่มใบหน้า หากสมดุล ใบหน้าจะดูอิ่มฟูและกระชับ แต่ถ้ามากหรือน้อยเกินไปอาจทำให้รูปหน้าไม่คมชัด เทคนิคที่เข้าถึงชั้นนี้ช่วยปรับกรอบหน้าให้ดูชัดขึ้น
• ชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System)
  เป็นโครงสร้างลึกที่เชื่อมผิวกับกล้ามเนื้อ เป็นชั้นสำคัญของการยกโครงหน้าอย่างเห็นภาพ การส่งพลังงานลงถึง SMAS ช่วยให้ใบหน้าดูยกกระชับและคงรูปได้นานกว่าเมื่อเทียบกับการทำเฉพาะชั้นตื้น
• ชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า (Muscle layer)
  เกี่ยวข้องกับการแสดงสีหน้า เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผิวชั้นบนอาจดูหย่อนตาม การกระตุ้นกล้ามเนื้อจึงช่วยเสริมให้โครงหน้าดูเฟิร์มขึ้น

เทคโนโลยีที่ใช้ยกกระชับชั้นผิวหนังตามแต่ละชั้น

ระดับหนังกำพร้า

• BB HIFU: ออกแบบมาเพื่อช่วยเรื่องความกระจ่างใสควบคู่กับความกระชับระดับตื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟีลลิ่งผิวเรียบและสดใสขึ้น
  
  
• Ultherapy Prime: ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์อย่างแม่นยำ ช่วยให้ผิวดูแน่นและเรียบเนียน
  
  
• Thermage FLX: กระตุ้นคอลลาเจนผ่านผิวชั้นบนไปสู่หนังแท้ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น
  
  
• Oligio: เน้นเสริมความแข็งแรงผิวชั้นบนและหนังแท้ให้กระชับขึ้น
  
  

ระดับหนังแท้

• Thermage FLX: โฟกัสการฟื้นฟูคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นกระชับและดูมีแรงเด้ง
  
  
• Oligio: ช่วยเพิ่มความเรียบเนียนพร้อมชะลอสัญญาณริ้วรอย
  
  
• EMFACE: ผสานการทำงานในระดับคอลลาเจนและกล้ามเนื้อ เหมาะกับผู้ที่อยากเห็นทั้งความกระชับและการยก
  
  
• Fix Lift: โปรแกรมที่มุ่งแก้ผิวหย่อนในหนังแท้ ให้ผิวดูเข้ารูปมากขึ้น
  
  

ระดับไขมันใต้ผิว

• Thermage FLX / Oligio: สามารถส่งพลังงานถึงชั้นไขมันบางส่วน ช่วยให้ผิวดูเฟิร์ม กรอบหน้าชัดขึ้น
  
  
• EMFACE: กระตุ้นกล้ามเนื้อร่วมกับการปรับความกระชับของชั้นผิว ช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้า
  
  
• Fix Lift: ช่วยปรับสมดุลไขมันใต้ผิว ลดความหย่อนคล้อยและช่วยให้รูปหน้าดูได้สัดส่วน
  
  

ระดับ SMAS 

• Ultherapy Prime: อัลตราซาวนด์ที่ส่งพลังงานถึง SMAS อย่างแม่นยำ ช่วยให้เนื้อเยื่อหดกระชับ
  
  
• Ultraformer 4D Lift: HIFU รุ่นใหม่ที่ทำงานได้หลายระดับรวมถึง SMAS เหมาะกับผู้ที่ต้องการการยกหลายมิติ
  
  
• Super HIFU: เน้นการยกชั้นลึก ให้ใบหน้าดูเข้ารูปมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยค่อนข้างชัด
  
  

ระดับกล้ามเนื้อใบหน้า

• EMFACE: เน้นการกระตุ้นกล้ามเนื้อควบคู่คอลลาเจน ช่วยให้โครงหน้าดูเฟิร์มและเข้ารูป
  
  

เปรียบเทียบผลลัพธ์โดยสรุปของยกกระชับชั้นผิวหนัง

• หนังกำพร้า: ช่วยเรื่องผิวเรียบ กระจ่างใส และริ้วรอยตื้น แต่ยังไม่เพียงพอสำหรับความหย่อนลึก
  
  
• หนังแท้: เน้นฟื้นฟูคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นและเรียบเนียน เหมาะกับริ้วรอยระดับเล็กถึงปานกลาง ผลลัพธ์เริ่มเด่นขึ้นช่วง 1–3 เดือน
  
  
• ไขมันใต้ผิว: ช่วยปรับกรอบหน้าและสัดส่วน เพิ่มความกระชับโดยรวม
  
  
• SMAS: ให้การยกโครงหน้าที่ชัดเจนและอยู่นานกว่าการทำเฉพาะชั้นตื้น
  
  
• กล้ามเนื้อ: เสริมความเฟิร์ม ช่วยให้ผลรวมของการยกดูสมดุล
  
  

สัญญาณที่ควรพิจารณาเริ่มยกกระชับชั้นผิวหนัง

• กรอบหน้าไม่คม มีเหนียง หรือผิวใต้คางหย่อน
  
  
• แก้มตก ร่องแก้ม/ร่องน้ำหมากชัด
  
  
• เปลือกตาหย่อน ใต้ตาดูอิดโรย
  
  
• ผิวแห้ง บาง แต่งหน้ายาก ริ้วรอยเล็ก ๆ ชัดขึ้น
  
  
• รูปหน้าเปลี่ยนโดยไม่เกี่ยวกับน้ำหนักตัว
  
  
• คางสองชั้นหรือผิวคอเริ่มหย่อน
  
  

โดยทั่วไป เมื่ออายุราว 30+ ร่างกายสร้างคอลลาเจนลดลงอย่างต่อเนื่อง การเริ่มดูแลตั้งแต่ช่วงนี้ช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงและคงความสดใสได้ดียิ่งขึ้น

การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับชั้นผิวหนัง

แจ้งโรคประจำตัว/ยาที่ใช้ พักผ่อนให้พอ ดื่มน้ำ 1.5–2 ลิตรต่อวัน ทากันแดดสม่ำเสมอ เลี่ยงแดดจัด สครับแรง เลเซอร์ หรือหัตถการอื่น ๆ ชั่วคราว รวมถึงหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ บุหรี่ และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดตามคำแนะนำ

การดูแลหลังทำยกกระชับชั้นผิวหนัง

ประคบเย็นเมื่อมีอาการระคายผิว เลี่ยงการถู/นวดแรง ใช้สกินแคร์อ่อนโยน เติมความชุ่มชื้น ทากันแดด SPF 50 PA++++ นอนให้พอ เลี่ยงแดดจัด ซาวน่า ไอน้ำ สครับกรดแรง และการออกกำลังกายหนักช่วงแรกตามที่แพทย์เห็นสมควร

คำถามที่พบบ่อย

• ยกกระชับชั้นผิวหนัง เจ็บไหม? 

โดยมากเป็นความรู้สึกอุ่นหรือจี๊ด ๆ ระหว่างทำ สามารถปรับพลังงานหรือใช้ยาชาเฉพาะที่ได้

• ยกกระชับชั้นผิวหนัง ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล? 

หลายเทคโนโลยีเริ่มเห็นชัดขึ้นในช่วง 1–3 เดือน จำนวนครั้งขึ้นกับอายุ สภาพผิว และชนิดเครื่อง

• ยกกระชับชั้นผิวหนัง อยู่ได้นานแค่ไหน? 

โดยทั่วไปประมาณ 6 เดือน–2 ปี แปรผันตามระดับชั้นที่ทำและการดูแลตนเอง

• ยกกระชับชั้นผิวหนัง ต่างจากผ่าตัดดึงหน้ายังไง? 

หัตถการยกกระชับเป็นแบบไม่ผ่าตัด เหมาะกับความหย่อนเล็กถึงปานกลาง ส่วนการผ่าตัดเหมาะกับเคสที่หย่อนมากและต้องการผลระยะยาว แต่ต้องมีช่วงพักฟื้น

สรุป การยกกระชับให้ได้ผลกลมกลืน ควรเริ่มจากการประเมินว่า “ปัญหาอยู่ที่ชั้นใด” แล้วเลือกเทคโนโลยีให้ตรงระดับ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูหนังกำพร้า กระตุ้นคอลลาเจนในหนังแท้ ปรับสมดุลชั้นไขมัน ยกโครงสร้างที่ SMAS หรือเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทั้งหมดนี้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อวางแผนที่เหมาะกับสภาพผิวและเป้าหมายของแต่ละคน เมื่อทำอย่างเหมาะสมควบคู่การดูแลผิวประจำวัน ผิวจะค่อย ๆ ดูแน่นเฟิร์ม สดใส และอ่อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติ