น้ำเสียง มีพลังมากกว่าคำพูด สิ่งที่ทำให้คู่รักทะเลาะกันมากที่สุด
คำพูดมีส่วนในการสื่อสารประมาณ 7-10% เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกเกือบ 90% มาจากการสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูด โดยน้ำเสียงมีน้ำหนักถึง 38% และภาษากายอีก 55% นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงรู้สึกได้ว่า “มีอะไรแปลก ๆ” แม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดว่า “ไม่มีอะไร” ก็ตาม
สมองตอบสนองกับน้ำเสียงมากกว่าคำพูด
- สมองของมนุษย์ถูกออกแบบมาให้ตรวจจับ สัญญาณอันตรายมาตั้งแต่สมัยมนุษย์ยุคหิน ที่มนุษย์ในยุคนั้นสามารถรู้ได้ว่าเสียงคำรามของสัตว์ร้ายหมายถึงอะไร สำคัญกว่าการฟังเนื้อหาของเสียงนั้น
- ทุกวันนี้ สมองเราก็ยังทำงานแบบเดิม โดย Amygdala ซึ่งเป็นส่วนของสมองที่รับผิดชอบเรื่องอารมณ์และการตรวจจับภัยคุกคาม จะทำงานเร็วกว่า Prefrontal Cortex ที่รับผิดชอบการคิดวิเคราะห์ หมายความว่า เมื่อคู่ของเราพูดด้วยน้ำเสียงที่แหลมคม แม้คำพูดจะฟังดูธรรมดา แต่สมองของเราได้รับสัญญาณ “อันตราย” ก่อนแล้ว ร่างกายก็จะเตรียมพร้อมที่จะสู้หรือหนี หัวใจเต้นเร็วขึ้น กล้ามเนื้อตึง และเราก็พร้อมที่จะโต้กลับ
เราจำ “น้ำเสียง” ได้ดีกว่า “คำพูด”
- น้ำเสียงนั้นมักจะแบกอารมณ์มาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพูดสั้น ๆ ที่อาจฟังดูเหมือนกำลังตำหนิ หรือการพูดเรียบ ๆ ก็อาจให้ความรู้สึกเย็นชา ไม่สนใจ น้ำเสียงเสียดสีก็อาจกลายเป็นการดูถูกได้
- สมองของเราเก็บความทรงจำแบบอารมณ์ไว้ได้ดีกว่าความทรงจำแบบข้อมูล เพราะอารมณ์ถูกเก็บในส่วน Hippocampus และ Amygdala ซึ่งทำงานร่วมกันเหมือนระบบบันทึกที่ตอกย้ำความทรงจำให้แรงขึ้น ยิ่งอารมณ์รุนแรงเท่าไร ความทรงจำก็จะยิ่งฝังลึกเท่านั้น
- การทำงานของ Mirror Neurons หรือเซลล์ประสาทกระจก ทำให้เรา “รู้สึกตาม” อารมณ์ของคนอื่นได้ เมื่อเราได้ยินน้ำเสียงโกรธ เซลล์ประสาทในสมองจะถูกกระตุ้นในลักษณะเดียวกับคนที่กำลังโกรธ ทำให้เรารู้สึกตึงเครียดและอยากตอบโต้กลับไปโดยอัตโนมัติ
นี่คือเหตุผลว่าทำไมการทะเลาะถึงลุกลามได้เร็ว คนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงแรง อีกคนก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แรงขึ้น เพราะสมองของทั้งสองกำลัง “สะท้อน” อารมณ์ของกันและกัน
สัญญาณว่าน้ำเสียงกำลังทำร้ายความสัมพันธ์
[ ] พูดสั้นเกินไป จนฟังดูเหมือนรีบปัดไป
[ ] ถอนหายใจแรง ๆ ก่อนหรือหลังที่คู่พูดอะไร
[ ] พูดแบบเสียดสี หรือใช้ประโยคที่ฟังแล้วรู้ว่าไม่จริงใจ อย่างเช่น “ก็ดี ทำไปเลย”
[ ] เน้นเสียงหนักในบางคำ เพื่อแสดงความไม่พอใจ อย่างเช่น “ฉันบอกแล้วนี่นา”
[ ] กลอกตาหรือทำหน้าดูถูก ตอนพูด
เหตุการณ์เหล่านี้อาจจะกำลังเกิดขึ้นตอนที่รู้สึกเหนื่อย เครียด หรือไม่ตั้งใจ แต่ถ้าเกิดบ่อยครั้งเข้า พฤติกรรมเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ ทำลายความสัมพันธ์โดยที่เราไม่รู้ตัว
หลักการ I-Messages เอ่ยถ้อยคำจากก้นบึ้งหัวใจที่อยากเข้าใจกันมากกว่าการเอาชนะ
แนวคิดนี้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 โดยโธมัส กอร์ดอน (Thomas Gordon) นักจิตวิทยาผู้เสนอให้ผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพ่อแม่ ลองเปลี่ยนจากการพูดว่า “ลูกเห็นแก่ตัว” มาเป็น “แม่รู้สึกเหนื่อยเวลาแม่ต้องทำทุกอย่างคนเดียว” การสื่อสารเช่นนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงการเปลี่ยนวิธีพูด แต่จริง ๆ แล้วเป็นการเปลี่ยนมุมมองจากการตัดสิน ไปสู่การแบ่งปันความรู้สึกของตนเองด้วยความจริงใจ
วิธีใช้หลักการ I-Messages
1.เริ่มจากการ ‘บอกความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา’ อย่างเช่น “ฉันรู้สึกเหนื่อย” หรือ “ฉันรู้สึกกังวล” โดยไม่พ่วงการกล่าวโทษ อย่างเช่น “คุณทำให้ฉันโกรธ” เพราะถ้าอีกฝ่ายได้ยินสิ่งที่ฟังดูเหมือนเป็นการต่อว่า เขาอาจจะฟังต่อได้ยาก
2.ให้ ‘เราเชื่อมโยงความรู้สึกกับเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง’ อย่างเช่น “ฉันรู้สึกเศร้าเวลาที่ฉันต้องอยู่คนเดียวในขณะที่คุณออกไปสนุกกับเพื่อน ๆ” แม้จะพูดถึงการกระทำของอีกฝ่าย แต่หัวใจของประโยคยังอยู่ที่ความรู้สึกของเราเอง
3.ปิดท้ายด้วยการ ‘บอกสิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้นอย่างอ่อนโยน’ อย่างเช่น “ฉันอยากให้คุณชวนฉันไปด้วย ถึงแม้คุณจะไปกับเพื่อนก็ตาม” ซึ่งไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็นความต้องการที่เราเอ่ยด้วยการเปิดใจ
งานวิจัยของจอห์น กอตแมน (John Gottman) และโจน เดอแคลร์ (Joan DeClaire) กล่าวไว้ว่า กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของความขัดแย้งในชีวิตคู่จะไม่มีวันหายไป ความสัมพันธ์ที่ยืนยาวจึงไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ไม่มีปัญหาเลย แต่คือความสัมพันธ์ที่ยังมีพื้นที่ให้รับฟังกันอยู่เสมอ แม้ในวันที่เราเห็นต่างกัน
ความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ไม่เคยทะเลาะ แต่คือความสัมพันธ์ที่เรียนรู้จะทะเลาะกันอย่างมีสติ น้ำเสียงที่ดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่มันคือเครื่องมือที่ทรงพลังในการส่งผ่านความรัก ความเคารพ หรือในทางกลับกัน ความดูถูกและไม่สนใจ
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ซูเปอร์โพล ติง ‘สรยุทธ’ อ่านผลโพลคลาดเคลื่อน ทำชื่อเสียงเสียหาย—ออกจดหมายเปิดผนึกขอ ‘คืนความจริง’ กลางสังคมไทย!
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
"ธรรมนัส" สวนดราม่าจัดซีเกมส์ ย้ำไทยพร้อม 100% แต่ขอทำแบบ "พึ่งตัวเองล้วนๆ"
Unseen ไทยแลนด์ เกาะรูปหัวใจ "ทุ่งทะเลหลวง" สุโขทัย
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
เผยคำทำนาย "บาบา วานก้า" ปลายปี 2025 มนุษย์ต่างดาวอาจโผล่กลางงานฟุตบอลโลก
WOOF แก่แบบมีคุณภาพ เทรนด์การเงินใหม่ของคนวัยเกษียณ พึ่งตัวเอง มีเงินใช้ ไม่เป็นภาระลูกหลาน
แฮ็กสมอง อารมณ์ดีใน 10 วินาที เปลี่ยนอารมณ์ลบให้ดีขึ้นภายใน 10 วินาที
นักวิเคราะห์ นักเทรด และนักคณิตศาสตร์ประกัน







