หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

การ์ตูนวันพีชในวัฒนธรรมประชานิยม (pop culture)

เนื้อหาโดย ดร กิฟท์นางมารพยากรณ์

        ความคิดเห็นต่างทางการเมืองส่งผลให้เกิดการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องต่างๆ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในการเมืองในระบอบประชาธิปไตยก็ว่าได้ โดยการใช้การต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งอาจหนีไม่พ้นการใช้สัญลักษณ์ในการ์ตูนในกลุ่มเยาวชนนำมาใช้ในการต่อสู้นั้นๆ นั่นคือ การต่อสู้ทางการเมืองเชิงวัฒนธรรมป๊อป หรือวัฒนธรรมประชานิยม ผ่านการ์ตูนที่เห็นได้ชัดคือ การ์ตูนมังงะอย่าง วันพีช

            วัฒนธรรมประชานิยม ( popular culture หรือ pop culture) หมายถึง วัฒนธรรมที่เป็นที่นิยมของผู้คนในสมัยนั้น เกิดจากการสื่อสารของบุคคล ความต้องการของวัฒนธรรมในจังหวะช่วงเวลานั้น ซึ่งเกิดขึ้นทุกวันและแสดงเป็นภาพลักษณ์ออกมา ซึ่งสามารถรวมได้ถึงทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การแต่งกาย สื่อมวลชน กีฬา หรือวรรณกรรม วัฒนธรรมประชานิยมมักมีลักษณะตรงข้ามกับวัฒนธรรมระดับสูง

            วัฒนธรรมประชานิยมคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความคิด มุมมอง ทัศนคติ ภาพลักษณ์ การเลียนแบบ และปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อกันอย่างไม่เป็นทางการว่าเป็นสิ่งที่ชื่นชอบของสังคมในท่ามกลางวัฒนธรรมกระแสหลัก

            ปี 2563 หนึ่งในปรากฏการณ์ใหม่ในประเทศไทยที่นำเอาการ์ตูนมาเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ทางการเมืองที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่หรือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” คือวัฒนธรรมป็อปหรือวัฒนประชานิยม ที่การ์ตูนถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์การชุมนุมและการปราศรัยเปรียบเปรยเนื้อหาในหลายครั้ง ไม่ว่าจะแฮมทาโร่ นารูโตะ วันพีซ

            ปี 2568 สัญลักษณ์จากการ์ตูนกลับมาปรากฏในพื้นที่การเมืองอีกครั้ง ทว่าเกิดในประเทศร่วมภูมิภาคอย่างอินโดนีเซีย และจุดร่วมสำคัญของการเคลื่อนไหวในไทยและอินโดนีเซียคือ ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลต่างก็ใช้การ์ตูนมังงะญี่ปุ่นเรื่อง “วันพีซ” (One Piece) เป็นสัญลักษณ์เรียกร้องทางการเมือง ภาพธงสีดำที่มีรูปหัวกระโหลกและหมวกฟาง สัญลักษณ์ของกลุ่มโจรสลัดที่ท้าท้ายต่อระบอบเผด็จการและต่อสู้เพื่ออิสรภาพในการ์ตูนอนิเมะญี่ปุ่นเรื่อง วันพีซ ได้ถูกนำมาประดับตามบ้าน ท้ายรถ เพื่อตอบโต้ต่อผู้นำประเทศ และระหว่างการชุมนุมประท้วงใหญ่ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ส.ค. สัญลักษณ์เดียวกันนี้ก็ปรากฏในพื้นที่การชุมนุมในหลายเมือง ซึ่งชนชั้นแรงงาน กลุ่มนักศึกษา ออกมาชุมนุมประท้วงเรื่องภาวะไม่มีงานทำ และการขึ้นเงินช่วยเหลือรายเดือนให้ สส. ที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำในเมืองหลวงของอินโดนีเซียกว่า 10 เท่า

            ปรากฏการณ์นี้ว่าเหตุใดการ์ตูน มังงะ อนิเมะ จึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเรียกร้องทางการเมือง และเรื่องราวของ “วันพีซ” (One Piece) ซ่อนความหมายในเชิงการเมืองอย่างไรไว้บ้าง

        การ์ตูนเรื่อง “วันพีซ” ตีพิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่น ในปี 2540 ในรูปแบบมังงะโดย เออิจิโร โอดะ และการ์ตูนเรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก มังงะเรื่องนี้มียอดขายมากกว่า 520 ล้านเล่ม และนำมาทำเป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์หรือซึ่งนิยมเรียกว่าอนิเมะมากกว่า 1,100 ตอน เส้นเรื่องหลักของมังงะเรื่องนี้เล่าถึงการผจญภัยของตัวเองอย่าง มังกี้ ดี.ลูฟี่ และลูกเรือของเขาในการออกตามหาสมบัติในตำนานที่มีชื่อว่า “วันพีซ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและการแสวงหาความหมายของชีวิต ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เส้นทางการตามหาสมบัติชิ้นนี้มีแต่จะยากขึ้นเรื่อย ๆ ตัวร้ายที่โผล่ออกมาในแต่ละภาคก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน

 

วันพีซ: มังงะที่ทั้งสะท้อนและวิจารณ์โลกความเป็นจริง

            ในโลกแห่งวันพีซ ยังมีอีกหนึ่งตัวละครและองค์กรที่หน้าสนใจอย่าง นักข่าวมอร์แกน ที่นั่งเป็นประธานแห่งหนังสือพิมพ์ เวิลด์ อีโคโนมี นิวส์เปเปอร์ (World Economy Newspaper) ซึ่งถือเป็นสื่อมวลชนที่มีอิทธิพลสูงที่สุดในโลกโจรสลัดแห่งนี้

            งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่มีชื่อว่า Representation of Social Criticism through Morgans Journalist Characters in One Piece Anime: Examining the Meanings Behind and Propaganda หรือ การสะท้อนภาพคำวิจารณ์สังคมผ่านตัวละครนักข่าว มอร์แกนส์ ในอนิเมะวันพีซ : การวิเคราะห์ความหมายและโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 2567 บนวารสารลนตาร์ วารสารวิทยาศาสตร์การสื่อสาร ซึ่งเป็นวารสารวิชาการของประเทศอินโดนีเซียที่มีระบบการตรวจสอบคุณภาพบทความวิชาการโดยผู้เชี่ยวชาญ วิจารณ์ว่าตัวละครมอร์แกนนั้นถูกนำเสนอให้เห็นถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของแวดวงสื่อมวลชนในโลกของความเป็นจริง

            ตัวละครมอร์แกนเลือกยืนหยัดต่อต้านรัฐบาลโลกที่สั่งห้ามรายงานข่าวในบางประเด็นที่รัฐบาลมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่ในทางกลับกัน การรายงานข่าวของมอร์แกนหลายครั้งก็เป็นการบิดเบือนข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ในโลกของมังงะวันพีซ ผู้เขียนแต่งเรื่องราวให้กองทัพเรือที่ควรจะเป็นผู้รักษากฎระเบียบของสังคมกลายเป็นตัวร้าย ขณะเดียวกันก็เขียนให้กลุ่มโจรสลัดที่ดูเป็นตัวร้ายในโลกความเป็นจริงกลายเป็นตัวเอก อย่างไรก็ตาม ผู้แต่งอย่างโอดะ ก็ไม่ลืมเขียนให้มีกลุ่มโจรสลัดที่มีพฤติกรรมร้ายกาจไม่แพ้กองทัพเรือและพร้อมจะฆ่าทุกคนเพื่อให้ได้ครอบครองวันพีซเช่นเดียวกัน โครงสร้างของกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ในโลกวันพีซอาจแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่

            ประชาชนธรรมดา หรือทาส คือบุคคลทั่วไปที่อาศัยอยู่ตามเกาะต่าง ๆ, กลุ่มโจรสลัด คือผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายการปกครองของ “รัฐบาลโลก”, กลุ่มปฏิวัติ คือผู้ที่มีเป้าหมายในการล้มล้าง "รัฐบาลโลก" และ “เผ่ามังกรฟ้า”

            รัฐบาลโลก คือกลุ่มบุคลากรที่กำกับดูแลองค์กรต่าง ๆ เช่น ไซเฟอร์โพล (หน่วยข่าวกรอง) และ กองทัพเรือซึ่งทำหน้าที่ดูแลระเบียบโลกและปกป้องเผ่ามังกรฟ้า ห้าผู้เฒ่า คือกลุ่มบุคคล 5 คน ที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารสูงสุดของรัฐบาลโลก

            เผ่ามังกรฟ้า คือกลุ่มชนชั้นสูงสุด ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและกุมอำนาจทั้งหมดของรัฐบาลโลก มีอภิสิทธิ์เหนือทุกสรรพสิ่งในโลกวันพีซ

            แต่ทว่านอกจากจะแบ่งกลุ่มตัวละครออกได้เป็น 6 กลุ่มแล้วนั้น ยังมีตัวละครอีกหนึ่งตัวที่มีชื่อว่า “ท่านอิม” ซึ่งเปรียบเสมือนผู้นำสูงสุดตัวจริงของจักรวาลวันพีซ แต่นับจนถึงปัจจุบันผู้แต่งอย่าง โอดะ ยังไม่ได้เปิดเผยว่าตัวละครนี้มีหน้าตาอย่างไร โดยผู้อ่านจะเห็นแค่เป็นเพียงเงาสีดำ ๆ เท่านั้น

            งานวิจัยระดับปริญญาโทอีกฉบับหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Deciphering the World with One Piece The power of manga in the study of international politics หรือ ถอดรหัสโลกด้วยวันพีซ: พลังของมังงะในการศึกษาการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งตีพิมพ์ในปีการศึกษา 2566/2567 มีบางช่วงบางตอนที่ผู้เขียนวิจารณ์ถึงการฉายภาพความอันตรายของอำนาจเบ็ดเสร็จในโลกวันพีซเทียบกับแนวคิดของนักปรัชญาและประวัติศาสตร์ชาวเยอรมันอย่าง ฮันนาห์ อาเรนดท์ (Hannah Arendt) โดยผู้วิจัยระบุว่า เนื้อเรื่องของวันพีซที่สะท้อนพฤติกรรมของรัฐบาลโลกที่พร้อมจะสังหารผู้ใดก็ตามที่จะเปิดโปงความลับของเหล่าผู้มีอำนาจ แม้คนผู้นั้นจะเป็นถึงกษัตริย์ของอาณาจักรก็ตาม สอดคล้องกับแนวคิดของ ฮันนาห์ อาเรนดท์       โดยเฉพาะข้อสังเกตของเธอที่เห็นว่าระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ มุ่งเน้นกำจัดความเห็นต่างและพยายามยัดเยียดโลกทัศน์แบบหนึ่งเดียวให้สังคม

            “เช่นเดียวกับผลงานของอาเรนดท์ซึ่งทำหน้าที่เป็นคำเตือนถึงผลลัพธ์ร้ายแรงของอำนาจที่ไร้การตรวจสอบและการเชื่อฟังอย่างหูตามืดบอด รัฐบาลโลกในวันพีซก็ทำหน้าที่เป็นอุปมาที่ทรงพลังของระบอบเผด็จการที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จโดยไร้การกำกับดูแลหรือความรับผิดชอบ”

            นอกจากนี้ ผู้วิจัยระบุ “มังงะ-อนิเมะในฐานะเครื่องมือทางการเมือง: จากประวัติศาสตร์บนลงล่าง สู่อาวุธของผู้อ่อนแอ” เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การกำเนิดของอนิเมะ

             ผู้ช่วยศาสตราจารย์  ดร.มาริ นากามูระ  ภาควิชาภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยตงไห่แห่งไต้หวัน กล่าวไว้ว่า ภาพยนตร์อนิเมะขนาดยาวเรื่องแรกของญี่ปุ่นถือกำเนิดขึ้นในปีเดียวกับที่สงครามโลกครั้งที่สองยุติลง หรือปี ค.ศ.1945 (พ.ศ. 2488) และมีชื่อว่า “โมโมทาโร่: ทหารเทพเจ้าแห่งท้องทะเล”

            ผศ.ดร.นากามูระ กล่าวว่าอนิเมะเรื่องนี้มีกองทัพเรือเป็นผู้ว่าจ้าง และนับเป็น “ชิ้นงานโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้เห็นแนวคิดของจักรวรรดิญี่ปุ่น... ซึ่งนี่เป็นเรื่องการเมืองอย่างชัดเจนจากบนลงล่าง” ถัดมาจากอนิเมะเรื่องโมโมทาโร่ เธอยกตัวอย่างผลงานเรื่อง Astro Boy หรือ “เจ้าหนูปรมาณู” ของเทซูกะ โอซามุ ซึ่งถูกตีพิมพ์ในรูปแบบมังงะครั้งแรกในปี ค.ศ. 1952 (พ.ศ. 2495) ก่อนจะมีบทบาทเป็นอนิเมะซีรีส์ทางโทรทัศน์ขนาดยาวเรื่องแรกของญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1963 (พ.ศ. 2506)

            ผศ.ดร.นากามูระ อธิบายว่า ด้วยสภาพสังคมตอนนั้นและประวัติศาสตร์ก่อนหน้า สุดท้ายตัวละครเจ้าหนูปรมาณูจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและการใช้พลังงานนิวเคลียร์

            นักวิชาการชาวญี่ปุ่นอธิบายต่อไปว่า เมื่อเวลาผันผ่านไป วงการมังงะและอนิเมะในญี่ปุ่นยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ การเซ็นเซอร์ในอดีตที่เคยมีแม้จะยังมีอยู่แต่ก็บางเบาลง และการเข้ามาของเทคโนโลยีช่วยให้เรื่องราวมากมายเหล่านี้เผยแพร่ไปทั่วโลก ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นผู้คนจากชาติอื่น ๆ หยิบยกตัวละครบางตัว หรือแนวคิดบางอย่างจากการ์ตูนเล่มโปรดไปใช้ในทางการเมือง อย่างไรก็ตามมังงะเป็นสื่อที่มีลักษณะทางสังคมและทางการเมืองอย่างมาก แม้ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะสะท้อนมุมมองทางการเมืองอย่างชัดเจน แต่ก็ผสานเข้าไปอยู่ในสังคม และผู้สร้างก็นำสิ่งที่สังเกตเห็นจากสังคมมาใส่ลงไปในผลงาน “บางครั้งมังงะบางเรื่องก็มีแง่มุมทางการเมืองที่เห็นได้ชัดเจนกว่า ขณะที่เรื่องอื่นอาจจะน้อยกว่า แต่บางครั้งผู้คนก็ตีความมังงะไปในแบบที่แตกต่างกัน พวกเขาอ่านมันจากมุมมองของตนเอง” ผศ.ดร.นากามูระ สะท้อน

            ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เนทันนิเอล พี. คันเดลาเรีย จากคณะสังคมศาสตร์และปรัชญา มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ ดิลิมัน กล่าวเปรียบเทียบการหยิบยกมังงะและอนิเมะมาใช้เป็นเครื่องมือแสดงออกทางการเมืองในหลายประเทศว่าใกล้เคียงกับแนวคิด “อาวุธของผู้อ่อนแอ” (weapons of the weak) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากงานวิชาการในหนังสือที่มีชื่อว่า Weapons of the Weak: Everyday Forms of Peasant Resistance หรือ อาวุธของผู้อ่อนแอ: รูปแบบการต่อต้านในชีวิตประจำวันของชาวนา ของศาสตราจารย์ เจมส์ ซี. สก็อต นักรัฐศาสตร์ชื่อดังชาวอเมริกัน

            เขายกตัวอย่างว่าประชาชนรู้ดีว่ามีกฎหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการต่อต้านหรือการแสดงออกทางการเมืองที่พวกเขาต้องการ ดังนั้น จึงพยายามใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการส่งสารออกมา พร้อมเสริมว่ากรณีการธงหัวกะโหลกวันพีซในอินโดนีเซียนั้น ทำให้เขามองว่ามันคือการส่งสารในลักษณะอ้อมค้อม เพราะเผชิญหน้าโดยตรงไม่ได้

            เมื่อถามผู้เชี่ยวชาญต่อไปว่า แม้การหยิบมังงะ-อนิเมะ หรือการ์ตูนกระแสหลักที่เรียกได้ว่าเป็น วัฒนธรรมป็อป (Pop Culture) หรือวัฒนธรรมมวลชนขึ้นมาอาจจะได้พื้นที่สื่อหรือจุดกระแสความสนใจได้จริง แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นการเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนให้ความเห็นกับบีบีซีไทยว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่จำเป็นต้อง “ทรงพลัง” ทางการเมืองเสมอไป เพราะการกระทำแต่ละอย่างก็มีบทบาทในตัวของมันแล้ว

            ผศ.ดร.นากามูระ เสริมว่า แม้มังงะ-อนิเมะ มากมายจะมีเนื้อหาสะท้อนสังคมอย่างชัดเจน หรือมีตัวละครที่ต่อสู้กับผู้กดขี่อย่างแน่วแน่ แต่ก็มีเหตุการณ์ไม่น้อยที่ผู้ประท้วงเลือกหยิบตัวละครน่ารัก ๆ หรือเนื้อเรื่องที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับการเมืองชัดมาใช้แสดงออกเช่นเดียวกัน กลุ่มผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหว อาจจะใช้เสียงของตนเองสะท้อนผ่านตัวละครเหล่านั้น เพื่อดึงดูดคนอื่นหรือเพื่อสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ ถ้าพวกเขาชื่นชอบตัวละครนั้นจริง ๆ และเชื่อในสิ่งที่ตัวละครพูดไว้ในมังงะหรืออนิเมะ มันก็สามารถช่วยพวกเขาในการส่งสารได้เช่นกัน แม้แต่ตัวละครที่น่ารัก แม้มันจะไม่ใช่ตัวละครที่ทรงพลัง เป็นแค่ตัวละครที่อ่อนแอกว่า ตัวเล็กกว่า หรือเป็น “คนธรรมดา” แต่ก็น่าจะสามารถดึงดูดเยาวชนและผู้คนได้เหมือนกัน ผศ.ดร.นากามูระกล่าว

            ด้าน ผศ.คันเดลาเรีย กล่าวว่า สุดท้ายแล้วแม้สาธารณชนที่รับสารอาจจะไม่เข้าใจความหมายทั้งหมด หรือเห็นภาพรวมทั้งหมดกับสิ่งที่ผู้ประท้วงหรือผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองต้องการจะสื่อผ่านอนิเมะหรือมังงะเรื่องโปรด แต่ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร มันก็กลายเป็นเหมือนอัตลักษณ์รูปแบบหนึ่ง และเป็นหนทางในการแสดงออกถึงความคิดที่ไม่สามารถพูดออกมาได้โดยตรง

เขากล่าวว่า เหล่าผู้ประท้วงอาจซ่อนความหมายที่แท้จริงไว้หลังสัญลักษณ์ ธงประท้วง หรือแม้แต่ “มีม” คล้ายกับสิ่งที่เจมส์ ซี. สก็อตต์ เคยขียนไว้ว่า สิ่งที่แสดงออกมาอย่างหนึ่ง เมื่อมองย้อนกลับไป มนกลับหมายถึงอีกอย่างหนึ่ง    “ในแง่นี้พวกเขากำลังพยายามซ่อนสิ่งที่ต้องการสื่อจริง ๆ เอาไว้ ซึ่งในความรู้สึกของผม นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเองในระดับหนึ่ง”

             ผศ.คันเดลาเรีย ระบุ “แต่ไม่ว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์จริง ๆ จะออกมาเป็นอย่างไร มันก็ทำหน้าที่เหมือนกาวที่ยึดผู้คนให้อยู่ด้วยกัน… วัฒนธรรมป็อป หรือวัฒนธรรมประชานิยมสามารถปลุกพลังผู้คนได้ ระดมการสนับสนุนให้กับผู้คนได้เหมือนกัน ซึ่งนี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น” ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เจมส์ ซี. สก็อตต์ คือ “เป็นรูปแบบหนึ่งของการต่อต้าน เพียงแต่มันไม่ได้ท้าทายโครงสร้างอำนาจโดยตรง แต่เป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อส่งสารออกไปต่างหาก” ผศ.คันเดลาเรีย ระบุ “แค่มังงะ-ความน่ารักจากการ์ตูน จะมีน้ำหนักพอต่อการเปลี่ยนแปลงหรือไม่”

            อย่างไรก็ตามการ์ตูนมังงะอย่างวันพีช หากกว่าได้ว่า ตอนนี้ก็ยังคงมีการตีพิมพ์ขายอยู่จนถึงปัจจุบันหากรวมบอายุแล้ว ก็เป็นหนุ่มวัย 28 ปีได้ ถึงแม้เรื่องราวจะเป็นการตีถอดรหัสความหมายการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ในแบบวัฒนธรรมประชานิยม แต่หลายคนคงยังชื่นชอบการ์ตูนนี้อยู่ด้วยความบันเทิงด้วยเช่นกัน

***********

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
40 VOTES (5/5 จาก 8 คน)
VOTED: projor007, แด๊ดดี้จอเเดน, Freya Rune, famai, kyogisa, goldfish13, davin, ดร กิฟท์นางมารพยากรณ์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีนพืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่าชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทยชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปีพบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติซาอุฯ สั่ง "มันอัดเม็ดไทย" เพิ่ม 30,000 ตัน! เกษตรกรเฮลั่น10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯสภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัสเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ซาอุฯ สั่ง "มันอัดเม็ดไทย" เพิ่ม 30,000 ตัน! เกษตรกรเฮลั่นนี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoiaเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
อัลปากา VS อัลปากา: พลังศักดิ์สิทธิ์จากสัตว์แห่งอินคา สู่โลหะมงคลในวงการพระเครื่องไทยถอดรหัสเสน่ห์ร้ายของยอดนักรัก! ทายนิสัยความเป็น "คาสโนว่าและคลาสโนวี่" ตามเดือนเกิด พร้อมส่องพฤติกรรมการแสดงออกเปิดตำนาน "ฮัตเชปซุต" ฟาโรห์หญิงผู้ต้อง "สวมเครา" ท้าทายกฎบุรุษ จนถูกลบชื่อนาน 3,500 ปี!บัวน่าปลูก...สายมูต้องห้ามพลาด! เสริมมงคลให้ชีวิตรุ่งเรือง
ตั้งกระทู้ใหม่