วัฒนธรรมแฟชั่นผ่านบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์
เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่มนุษย์ต้องการในการดำรงชีวิตเพื่อปกปิดร่างกายและให้ความอบอุ่น ความเจริญของมนุษย์ทำให้เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เสื้อผ้ายังบ่งบอกถึงลักษณะของผู้สวมใส่ได้ด้วย เช่น ฐานะ, เชื้อชาติ, ฯลฯ นอกจากนี้เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายยังคงเป็นสิ่งที่สะท้อนความนิยมในแต่ละยุคสมัย ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลจากสังคม วัฒนธรรม หรืออาจจะมีบุคคลที่นำเสนอเครื่องแต่งกาย การแต่งหน้า ทรงผม ต่างๆให้เป็นที่ได้นิยม และได้รับการยอมรับกันสังคม หรือที่เราเรียกกันว่า “ผู้นำแฟชั่น”
แฟชั่นหรือสมัยนิยม (อังกฤษ: Fashion) ราชบัณฑิตยสถาน นิยามว่า “สมัยนิยม, แบบหรือวิธีการที่นิยมกันทั่วไปในชั่วระยะเวลาหนึ่ง” เป็นการยอมรับจนเกิดเป็นค่านิยม มีกระบวนการเกิดภาษาใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เรามาดูกันว่า บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ท่านใดบ้างได้รับการขนานนามว่า เป็นผู้นำแฟชั่น
แอมโบรส เบิร์นไซด์ : แฟชั่นเคราแพะ
ตลอดชีวิตของเขาแอมโบรส เบิร์นไซด์สวมบทบาทมากมาย ไม่เพียงแต่เป็นนายพลฝ่ายสหภาพ ในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกา เท่านั้น แต่ต่อมายังดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐและ วุฒิสมาชิก สหรัฐอเมริกาของรัฐโรดไอแลนด์ อีก ด้วย บุรุษผู้มีบทบาทมากมายเช่นนี้ย่อมเข้าถึงผู้คนได้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เบิร์นไซด์จะกลายเป็นผู้นำเทรนด์ การไว้เคราแพะ
ถึงแม้ว่าเบิร์นไซด์จะต้องรักษาภาพลักษณ์ที่เรียบร้อยที่โรงเรียนทหารเวสต์พอยต์ แต่เขาก็ยังคงเอกลักษณ์ที่ดูโดดเด่นด้วย “เคราแพะ”ได้ใบหน้าเชื่อมผมบนศีรษะเข้ากับหนวดนั้นเด่นชัดบนใบหน้าของเขาตั้งแต่สมัยที่เขายังเรียนอยู่จนถึงสมัยที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา แม้ว่าเบิร์นไซด์อาจไม่ใช่คนแรกที่ไว้เคราแพะอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา แต่ความโดดเด่นของเขาในฐานะนายพลและนักการเมือง รวมถึงความบังเอิญที่การประดิษฐ์ภาพถ่ายทำให้เคราแพะเป็นที่นิยม จนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่โด่งดังมาก ขนาดได้ชื่อทรงเครานี้ว่า “เบิร์นไซด์”
เอมีเลีย บลูเมอร์ : แฟชั่นกางเกงบูลเมอร์
ในปี ค.ศ. 1848 ขณะที่สตรีทั่วสหรัฐอเมริกาแสวงหาการมีส่วนร่วมในรัฐบาลมากขึ้นด้วยการประชุมเซเนกาฟอลส์บุคคลสำคัญและเสียงต่างๆ ที่เคยถูกมองข้ามมา ก่อน ก็ได้กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง “อะมีเลีย บลูเมอร์” ผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนั้น ได้ทำให้เสียงของเธอและสตรีคนอื่นๆ เป็นที่รู้จักในอีกหนึ่งปีต่อมาด้วย ในปี ค.ศ. 1853 บลูเมอร์ได้กลายเป็นผู้สนับสนุนสิทธิสตรีในเรื่องประเพณีการแต่งกายและการปฏิรูปการแต่งกายของสตรี ที่บลูเมอร์พบว่าชุดรัดตัวและชุดเดรส และโคเซ็ทที่ผู้หญิงสวมใส่นั้นมีน้ำหนักมากและอาจเป็นอันตราย เธอจึงเริ่มสวมชุดที่หลวมและสบายกว่าไว้ใต้กระโปรงในที่สาธารณะ นั่นคือ “กางเกงขายาวทรงเต็มตัว” แม้ว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ก่อนหน้าบลูเมอร์จะเคยสวมกางเกงขายาวเหล่านี้มาก่อน แต่การสนับสนุนเสื้อผ้าอย่างเปิดเผยของบลูเมอร์ในหนังสือพิมพ์The Lilyทำให้เธอกลายเป็นชื่อใหม่ของพวกเธอ นั่นคือ “กางเกงขาบาน” ว่าทรง “บลูเมอร์”
วิลเลียม ดอร์ซีย์ สวอนน์ : แฟชั่นการแต่งกายในงานเต้นรำแดร็กควีน
ในปี 1888 วิลเลียม ดอร์ซีย์ สวอนน์ ได้จัดงานเต้นรำแดร็กควีนประจำของเขาที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมีชายผิวดำหลายสิบคนสวมชุดราตรี รวมถึงสวอนน์ด้วย เมื่อตำรวจมาถึง ชายส่วนใหญ่ก็หลบหนีไป แต่สวอนน์เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังอยู่ โดยอ้างว่าตำรวจไม่ได้ประพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ และการต่อต้านของสวอนน์กระตุ้นให้เกิดการรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ บางฉบับเรียกสวอนน์ว่า “ราชินี” ในขบวนแห่ไปยังสถานีตำรวจ
จากเหตุการณ์นี้กลายเป็นหนึ่งในปฏิบัติการต่อต้านการกดขี่ของกลุ่มเพศทางเลือกครั้งแรกๆ ใน ค.ศ 19 ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีอิทธิพลต่อนักเคลื่อนไหวรุ่นหลัง เช่นมาร์ชา พี. จอห์นสันและซิลเวีย ริเวรา จากเหตุการณ์จลาจลสโตนวอลล์เกือบหนึ่งศตวรรษต่อมา
อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของสวอนน์ไม่ได้มาจากเหตุการณ์นี้เพียงอย่างเดียว การเป็นคนแรกที่เรียกตัวเองว่าแดร็กควีนและการจัดงานเต้นรำอย่างหรูหรา สวอนน์ได้ทิ้งอิทธิพลต่อวัฒนธรรมแดร็กควีนและวัฒนธรรมความหลากหลายทางเพศ ที่ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 : แฟชั่น “ความขาว” คือสัญลักษณ์ของความเยาว์วัยและความมั่งคั่ง
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 โรคไข้ทรพิษได้แพร่ระบาดไปทั่วบ้านเรือนหลายหลัง และเชื้อพระวงศ์ก็เช่นกัน หลังจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1แห่งอังกฤษทรงติดโรคนี้ในปี ค.ศ. 1562 พระองค์ก็ทรงมีรอยแผลเป็นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
พระองค์ได้ทรงริเริ่มเทรนด์การแต่งหน้าเพื่อปกปิดรอยตำหนิหรือตำหนิอื่นๆ บนใบหน้า โดยทรงปรุงส่วนผสมสีขาวที่ทำจากตะกั่วและน้ำส้มสายชูที่พระองค์ใช้เป็นประจำ แม้ว่าการแต่งหน้าของพระนางเอลิซาเบธจะมีวัตถุประสงค์เพื่อปกปิดรอยแผลเป็น แต่การแต่งหน้าของพระนางก็กลายเป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอก พระองค์เป็นสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของอังกฤษ จึงตกเป็นเป้าสายตา จับจ้องอยู่ตลอด เวลา การแต่งหน้าสีขาวของพระนางก็กลายเป็นหน้ากากป้องกันพระองค์จากทั้งผู้ชื่นชมและศัตรู
อย่างไรก็ตาม ไม่นานนัก การแต่งหน้าของพระนางเอลิซาเบธ รวมถึงลักษณะเด่นและแฟชั่นอื่นๆ ก็ได้ส่งอิทธิพลอย่างมากต่อมาตรฐานความงามของพระนางเอลิซาเบธ ใบหน้าสีขาวเริ่มเป็นสัญลักษณ์ของความเยาว์วัยและความมั่งคั่ง เพราะหมายถึงการไม่ต้องทำงานกลางแดดอีกต่อไป
มาดามเวลลิงตัน คู : แฟชั่นชุดกี่เพ้า
โอย ฮุยหลาน หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ มาดาม เวลลิงตัน คู เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสาธารณรัฐจีนตั้งแต่ปลายปี ค.ศ. 1926 ถึงปี ค.ศ. 1927 แต่เธอมักเป็นจุดสนใจอยู่เสมอ สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของมาดาม คู จึงโด่งดังไม่แพ้กัน หนึ่งในผลงานที่มีอิทธิพลมากที่สุดของเธอต่อแฟชั่นจีนคือการนำชุดกี่เพ้า (หรือที่เรียกว่า เชิงซัม) มาใช้
กี่เพ้าเป็นเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิมของจีนที่มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน แม้ว่าในตอนแรกจะดูเหมือนเป็นเครื่องแต่งกายคล้ายเสื้อคลุมสำหรับชนชั้นสูง แต่มาดาม คู กลับทำให้เป็นที่นิยมในฐานะชุดรัดรูปที่มีช่องผ่าด้านข้างที่ผู้หญิงทุกชนชั้น สามารถสวมใส่ได้ ไม่นานนัก แนวคิดเรื่องชุดจีนดั้งเดิมของมาดาม คู ก็ทำให้เธอกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งแฟชั่นของจีนในประวัติศาสตร์
สมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย : แฟชั่นชุดเจ้าสาว
ก่อนที่เคท มิดเดิลตันหรือไดอานา สเปนเซอร์จะรังสรรค์ชุดแต่งงานอันเป็นเอกลักษณ์ ราชวงศ์อีกพระองค์หนึ่งทรงอิทธิพลอย่างมากจนไม่เพียงแต่จุดประกายเทรนด์การแต่งงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเพณีการแต่งงานด้วย แม้ว่าชุดลูกไม้สีขาวเปิดไหล่ของสมด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย จะไม่ใช่ชุดเจ้าสาวสีขาวก็ตาม แต่เนื่องจากยุควิกตอเรียมักถูกเชื่อมโยงกับศีลธรรม อันบริสุทธิ์ และความคาดหวังอันเคร่งครัดต่อความบริสุทธิ์ของผู้หญิง จึงสมเหตุสมผลที่ชุดแต่งงานสีขาวของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียมักถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์
อย่างไรก็ตาม สังคมอังกฤษในยุควิกตอเรียเป็นสังคมที่แบ่งชนชั้น และสีขาวของชุดที่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียอาจเป็นเครื่องบ่งชี้ความมั่งคั่งของพระองค์ เนื่องจากชุดเป็นสีขาว รอยเปื้อนจึงอาจปรากฏให้เห็นได้ง่ายกว่า ผู้สวมใส่จึงต้องมีเงินเพื่อทำความสะอาด แม้ว่างานแต่งงานของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียในปี ค.ศ. 1840 จะไม่ได้ถูกถ่ายภาพไว้ แต่การแต่งงานของพระองค์ก็เป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก แม้แต่ชาร์ลส์ ดิกเกนส์ก็ยังพูดถึงความตื่นเต้นของเขา คำอธิบายเกี่ยวกับชุดแต่งงานสีขาวราวกับหิมะของเธอแพร่หลายไปทั่วหนังสือพิมพ์ และเมื่อ เส้นใย สังเคราะห์เข้ามาในโลกและทำให้ชุดแต่งงานสีขาวมีราคาถูกลง ประเพณีที่สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียทรงสถาปนาขึ้นก็ได้รับกระแสนิยม และชุดแต่งงานสีขาวก็ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่เจ้าสาวจนถึงทุกวันนี้
โคโค่ ชาแนล : แฟชั่นผิวสีแทน
โคโค่ ชาแนลดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส นอกจากความโดดเด่นมากมายในวงการแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นชุดเดรสสีดำตัวเล็ก ชุดสูทผู้หญิง และกระเป๋าผ้าลายควิลท์ แต่เธอก็ได้รับการยกย่องเช่นกันที่เป็นผู้มีอิทธิพลต่อเทรนด์ความงามที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก นั่นคือ “การอาบแดด” ตลอดประวัติศาสตร์ เหล่าคนร่ำรวย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรปต่างหลีกเลี่ยงที่จะให้สีผิวของตนเองที่ดูซีดเซียวอย่างในยุคของการแต่งหน้าสีขาวของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 เมื่อหลายศตวรรษก่อน การอาบแดดบ่งบอกถึงชีวิตการทำงานกลางแจ้ง ดังนั้นผิวที่ขาวกว่าจึงเชื่อมโยงกับการใช้ชีวิตในบ้าน เต็มไปด้วยการเข้าสังคมและการพักผ่อน เมื่อชาแนลถูกถ่ายภาพขณะกำลังลงจากเรือยอชต์ที่เมืองคานส์ประเทศฝรั่งเศส ขณะมีผิวสีแทน
ในปี 1923 การอาบแดดไม่เพียงแต่เป็นที่ยอมรับทางสังคมมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความงามอีกด้วย เนื่องจากแฟชั่นของชาแนลได้หล่อหลอมให้เธอเป็นผู้นำเทรนด์จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ผิวสีแทนของเธอจะถูกเลียนแบบโดยผู้คนมากมายที่เห็นเธอ ชาแนลยังส่งเสริมการอาบแดดให้เป็นมาตรฐานความงามโดยการนำนางแบบผิวสีแทนเข้าร่วมในแฟชั่นโชว์ของเธอในอีกไม่กี่ปีต่อมา
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 : แฟชั่นวิกผม
แม้ว่าวิกผมจะปรากฏให้เห็นในช่วงเวลาที่แตกต่างกันหลายช่วงตลอดประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ภาพเหมือนในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการไปจนถึงบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ความนิยมของมันสามารถสืบย้อนกลับไปถึงพระเจ้าหลุยส์ที่ 14แห่งฝรั่งเศสพระเจ้าหลุยส์ที่ 13พระราชบิดาของพระเจ้าหลุยส์ ทรงทำให้วิกผมดูมีสไตล์เป็นครั้งแรกในฝรั่งเศส
เมื่อพระองค์เริ่มสวมเพื่อปกปิดศีรษะล้านในปี 1624 แต่แผงคอสีดำหนาตามธรรมชาติของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับราชวงศ์และขุนนางเมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ในปี 1643 ด้วยความต้องการเดินตามเทรนด์ทรงผมอันหรูหราของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ข้าราชบริพารหลายคนจึงเลียนแบบสไตล์ของพระองค์ โดยการสวม
วิกผมของตนเอง น่าแปลกที่ในปี 1673 พระเกศาของพระองค์เองที่มีพระชนมายุ 35 พรรษาเริ่มบางลง ดังนั้นเพื่อไม่ให้ถูกข้าราชบริพารแย่งซีน พระองค์จึงได้ทรงเพิ่มผมปลอมบนหนังศีรษะและต่อมาทรงสวมวิกผม พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2แห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ทรงเริ่มสวมวิกผมที่คล้ายกันในปี 1663 เพื่อปกปิดผมหงอกของผมดำของพระองค์เอง
คลีโอพัตรา : แฟชั่นทรงผมเมลอน
คลีโอพัตราเป็นที่รู้จักกันดีจนยังคงทำให้เกิดความเชื่อมโยงที่แตกต่างกันไปหลายประการ เช่น ดวงตาที่คมกริบบทแอนโทนีและคลีโอพัตราของวิลเลียม เชกสเปียร์และความสัมพันธ์ของเธอกับจูเลียส ซีซาร์เป็นต้น
อีกหนึ่งความเชื่อมโยงที่โดดเด่นของคลีโอพัตราคือทรงผมที่เรียกว่า “ทรงผมเมลอน” ซึ่งทำจากผมถักแน่นและรวบเป็นมวยที่ด้านหลังคอ แม้ว่าคลีโอพัตราจะใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในกรุงโรมในขณะที่มีความสัมพันธ์กับจูเลียส ซีซาร์ แต่อิทธิพลของเธอยังคงอยู่กับประชากรเป็นเวลาหลายปีหลังจากที่เธอจากไป ทรงผมนี้แพร่หลายไป บนศีรษะของประติมากรรมและสตรีชาวโรมันชนชั้นสูง และมักปรากฏในภาพวาดจินตนาการของคลีโอพัตราในปัจจุบัน
จูเซปเป้ การิบัลดี : แฟชั่นเสื้อเชิ้ต
จูเซปเป การิบัลดีเป็นนายพลผู้โด่งดังที่ต่อสู้เพื่อรวมอิตาลีเป็นหนึ่งเดียว และเพื่อสถาปนาสถานะราชอาณาจักรในที่สุดในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 แต่อิทธิพลของเขาไม่ได้สิ้นสุดเพียงเท่านั้น อิทธิพลของเขาแผ่ขยายไปทั่วโลกผ่านแฟชั่น การิบัลดีและลูกน้องของเขามีกองทัพขนาดเล็ก จึงสวมเสื้อเชิ้ตสีแดงหลวมๆ แทนเครื่องแบบที่ตนไม่มี เนื่องจากการต่อสู้ของการิบัลดีเป็นที่ชื่นชมอย่างมาก ชื่อเสียงของเขาจึงยิ่งทวีคูณ เช่นเดียวกับความนิยมในการเลือกเสื้อเชิ้ตของเขา ผู้สนับสนุนหญิงเริ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีแดงแบบเดียวกันนี้เพื่อสวมใส่ในชีวิตประจำวัน และด้วยความสะดวกในการใช้งานและความเรียบง่ายตามแฟชั่นของเสื้อ เทรนด์นี้จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก "เสื้อเชิ้ตการิบัลดี" ก็ปรากฏบนหน้านิตยสารต่างๆ ที่คาดการณ์ว่าเสื้อเชิ้ตนี้อาจปฏิวัติวงการแฟชั่นของผู้หญิง
เอมิเลียโน ซาปาตา : แฟชั่นการไว้หนวด
แม้ว่าหนวดจะมีอยู่ก่อนเอมิเลียโน ซาปาตาผู้นำการปฏิวัติชาวเม็กซิกันผู้นี้ได้เปลี่ยนหนวดเคราเหนือริมฝีปากบนจากที่ เป็นเพียงสัญลักษณ์ แห่งสุนทรียะให้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักชาติ ใบหน้าของซาปาตาโด่งดังด้วยหนวดที่ยาวและหนาซึ่งโค้งลงด้านข้างทั้งสองข้าง ทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงทันทีกับการต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวนาและการทวงคืนที่ดิน ขณะที่ซาปาตาใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงการปฏิวัติเม็กซิโก ต้นศตวรรษที่ 20 ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้กับชาวนาทางตอนใต้ เขาก็กลายเป็นที่รู้จักของชาวเม็กซิกันอย่างรวดเร็วในฐานะสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพ ความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญ เพื่อเป็นเกียรติแก่ซาปาตา ชายชาวเม็กซิกันบางคนจึงไว้หนวดเคราของตนเอง และบางคนก็ยังคงไว้หนวดเคราในปัจจุบัน
นี่คือส่วนหนึ่งของผู้ทรงอิทธิพลด้านความงามและแฟชั่นที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกชื่อเขาไว้ แล้วคุณหล่ะคิดว่ามีใครบ้างในยุคนี้เป็นผู้ทรงอิทธิพล Fashionista หรือ แฟชั่นนิสต้า เช่นนี้บ้าง
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
Unseen ไทยแลนด์ เกาะรูปหัวใจ "ทุ่งทะเลหลวง" สุโขทัย
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
"ธรรมนัส" สวนดราม่าจัดซีเกมส์ ย้ำไทยพร้อม 100% แต่ขอทำแบบ "พึ่งตัวเองล้วนๆ"
Unseen ไทยแลนด์ เกาะรูปหัวใจ "ทุ่งทะเลหลวง" สุโขทัย
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
สรรพนามเรียกคนรักสไตล์ "ชิก ชิก & คลู คูล": คำเรียกที่ไม่ซ้ำใคร สะท้อนความผูกพัน
💰 5 ปีแห่งความหวัง: เทียบชัด! ซื้อหวย vs ลงทุนหุ้นปันผล ผลลัพธ์แบบไหนสร้างความมั่งคั่งที่แท้จริง
ไขความลับของ "วิบริสซา" ทำไม "หนวดแมว" ถึงห้ามตัดเด็ดขาด!



