รู้จักแผลเป็น 5 ประเภท พร้อมวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียน
แผลเป็นเกิดจากอะไร มีกี่ประเภท รักษาแผลเป็นอย่างไรให้จางเร็ว พร้อมวิธีป้องกันและเลือกการรักษาที่เหมาะกับผิวของคุณ แผลเป็นเป็นปัญหาผิวที่หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะมักจะทิ้งร่องรอยไว้บนผิวหนังแม้แผลจะหายแล้ว ไม่ว่าจะเกิดจากสิว การผ่าตัด อุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บต่าง ๆ ร่องรอยเหล่านี้อาจอยู่กับเรานานหลายเดือนหรือเป็นปี หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ ประเภท และแนวทางการรักษาที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผิวฟื้นฟูและกลับมาดูเรียบเนียนอีกครั้ง
บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จัก “แผลเป็น” ตั้งแต่ความหมาย ลักษณะ ปัจจัยเสี่ยง ประเภท วิธีการรักษา ไปจนถึงการป้องกัน เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีดูแลได้อย่างถูกต้องและเหมาะกับสภาพผิวของตนเองมากที่สุด
ความหมายของแผลเป็น (Scar)
แผลเป็น (Scar) คือเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นจากกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังหลังเกิดบาดแผล โดยเฉพาะเมื่อผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) ถูกทำลาย ร่างกายจะเร่งผลิตคอลลาเจนและเส้นใยใหม่เพื่อปิดบาดแผลให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม เนื้อเยื่อที่สร้างขึ้นใหม่มักไม่มีโครงสร้างเหมือนผิวเดิม ส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นมีลักษณะ สี และความเรียบต่างไปจากผิวรอบข้าง
ลักษณะทั่วไปของแผลเป็น
แม้แผลเป็นจะมีหลายแบบ แต่โดยทั่วไปจะมีคุณสมบัติบางอย่างร่วมกัน เช่น
- ผิวบริเวณแผลหยาบหรือนูนกว่าปกติ
- สีของแผลต่างจากผิวรอบ ๆ เช่น แดง ชมพู คล้ำ หรือน้ำตาล
- อาจนูนขึ้นหรือยุบตัวลงจากผิวปกติ
- ในบางกรณีมีอาการคัน เจ็บ หรือรู้สึกตึง โดยเฉพาะแผลเป็นนูนและคีลอยด์
สาเหตุที่ทำให้เกิดแผลเป็น
แผลเป็นเกิดจากกระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติหลังการบาดเจ็บ แต่สภาพของแผลและปัจจัยอื่น ๆ สามารถส่งผลต่อรูปร่างและความรุนแรงของรอยได้ สาเหตุหลัก ได้แก่
- อุบัติเหตุและการบาดเจ็บ เช่น ถูกของมีคมบาด ลื่นล้ม หรือถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
- แผลจากการผ่าตัด เช่น ผ่าคลอด ผ่าตัดไส้ติ่ง หรือศัลยกรรม หากดูแลไม่ดีอาจเกิดรอยชัดเจน
- สิวอักเสบหรือสิวเรื้อรัง โดยเฉพาะสิวหัวช้างหรือสิวที่บีบ กด แกะ ทำให้เกิดแผลหลุมหรือรอยคล้ำ
- โรคผิวหนัง เช่น อีสุกอีใส งูสวัด ฝีหนอง หรือการติดเชื้อผิวหนัง
- พฤติกรรมทำร้ายผิว เช่น เกา แกะ หรือถูแรง ๆ จนเกิดการอักเสบซ้ำ
- แผลติดเชื้อหรืออักเสบเรื้อรัง ทำให้การสมานช้าลงและสร้างแผลเป็นผิดปกติ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดแผลเป็นได้ง่าย
แม้ขนาดหรือความลึกของแผลจะมีผลต่อการเกิดรอย แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
- พันธุกรรม บางคนมีแนวโน้มเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์สูง
- อายุ วัยรุ่นสร้างคอลลาเจนมาก อาจเกิดแผลนูนง่าย ขณะที่ผู้สูงอายุสมานแผลช้า
- ตำแหน่งแผล บริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อยหรือมีแรงตึง เช่น ข้อศอก หน้าอก ไหล่
- ความลึกและขนาดแผล แผลลึกถึงชั้นหนังแท้มีโอกาสทิ้งรอยมากกว่า
- การติดเชื้อและการอักเสบ ทำให้แผลสมานช้าและเกิดรอยชัด
- การดูแลไม่ถูกวิธี ปล่อยแผลให้แห้ง แตก หรือโดนแดด
- แสงแดด รังสี UV ทำให้รอยเข้มขึ้น
- โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือภาวะขาดสารอาหาร
ประเภทของแผลเป็น อะไรบ้าง
แผลเป็นแบ่งได้หลายรูปแบบตามกระบวนการซ่อมแซมและลักษณะเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นใหม่
- แผลเป็นปกติ (Normotrophic Scar) ราบเรียบไปกับผิว สีใกล้เคียงปกติ และมักจางลงเมื่อเวลาผ่านไป
- แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar) นูนขึ้นจากผิวเดิม เกิดจากการสร้างคอลลาเจนมากเกิน อยู่ในขอบเขตแผลเดิม
- แผลเป็นคีลอยด์ (Keloid Scar) นูนแข็ง ลุกลามเกินขอบแผลเดิม มักสีแดงคล้ำหรือม่วง และกลับมาเป็นซ้ำได้
- แผลเป็นหลุม (Atrophic Scar) ยุบต่ำกว่าผิวรอบ ๆ เพราะเนื้อเยื่อสร้างไม่พอ มักเกิดจากสิวรุนแรงหรืออีสุกอีใส
- แผลเป็นสีผิดปกติ (Pigmented Scar) สีผิวบริเวณแผลต่างจากปกติ เช่น รอยดำหรือรอยแดง
วิธีรักษาแผลเป็นมีอะไรบ้าง
ปัจจุบันมีหลายวิธีที่ช่วยให้แผลเป็นจางลงและผิวกลับมาเรียบขึ้น ทั้งการรักษาทางการแพทย์และการดูแลด้วยตนเอง
การดูแลด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะ
- ซิลิโคนเจลหรือแผ่นซิลิโคน
รักษาแผลนูนและแผลผ่าตัดโดยเก็บความชุ่มชื้น ลดการสร้างคอลลาเจนส่วนเกิน - ครีมหรือเจลลดรอยแผล
มักมีส่วนผสมเช่น สารสกัดหัวหอม วิตามิน E/C หรือ Madecassoside ช่วยลดรอยแดงและกระตุ้นการฟื้นฟูผิว - ครีมกันแดด
ป้องกันรอยดำถาวร โดยควรใช้ SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน
การรักษาทางการแพทย์
- เลเซอร์ลดรอยแดง/ดำ
เช่น PDL, Q-switched, Pico Laser ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ - เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน
เช่น Fractional CO2 หรือ Erbium YAG ใช้สำหรับแผลหลุม - ฉีดยาสเตียรอยด์
ลดความนูนและอักเสบในแผลนูนและคีลอยด์ - ฉีดฟิลเลอร์
เติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้นทันที - Subcision
ใช้เข็มตัดพังผืดใต้แผลหลุม - กรอผิวหรือผลัดเซลล์ผิว
เช่น Microdermabrasion หรือ Chemical Peel - ผ่าตัดตกแต่งแผล
สำหรับแผลขนาดใหญ่หรือผิดรูป
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็น
- ล้างแผลให้สะอาดและปิดป้องกันฝุ่น
- หลีกเลี่ยงการแกะ เกา หรือบีบสิว
- ใช้แผ่นซิลิโคนหรือครีมลดรอยตั้งแต่ระยะแรก
- ป้องกันแสงแดดด้วยครีมกันแดดและเสื้อผ้า
- เลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นการอักเสบ เช่น ของหมักดอง อาหารทะเล
- รักษาความชุ่มชื้นของผิว
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการยืดดึงแผล
- ควบคุมโรคประจำตัว
- พบแพทย์ทันทีเมื่อแผลมีอาการผิดปกติ
การเลือกวิธีรักษาตามประเภทแผล
- แผลนูน ฉีดยาสเตียรอยด์ + ซิลิโคน + เลเซอร์ลดแดง
- คีลอยด์ ฉีดยาสเตียรอยด์ต่อเนื่อง อาจผ่าตัดร่วมกับซิลิโคน
- แผลหลุม เลเซอร์ Fractional, Subcision, ฟิลเลอร์
- รอยแดง เลเซอร์ PDL และครีมกันแดด
- รอยดำ ครีมลดรอยดำ, เลเซอร์ Q-switched/Pico
- แผลปกติ ครีมลดรอยและการนวดแผล
ระยะเวลาการฟื้นตัวของแผลเป็น
ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของแผล
- แผลนูน/คีลอยด์ หลายเดือนถึงเป็นปี
- แผลหลุม ต้องรักษาหลายรอบ
- รอยแดง/ดำ อาจจางใน 1-3 เดือน
- แผลผ่าตัด ประมาณ 6-12 เดือนกว่าจะจางสนิท
แผลเป็นหายเองได้หรือไม่
- อาจหายเอง แผลปกติหรือรอยแดง/ดำใหม่ ๆ
- มักไม่หายเอง แผลนูน คีลอยด์ และแผลหลุมลึก ต้องใช้การรักษา
ความแตกต่าง รอยแผลจากสิวกับแผลเป็นอื่น
- สาเหตุ รอยสิวเกิดจากการอักเสบในรูขุมขน ส่วนแผลทั่วไปเกิดจากการบาดเจ็บภายนอก
- ลักษณะ รอยสิวมักเป็นหลุมเล็กหรือรอยแดงบนใบหน้า ส่วนแผลทั่วไปมักเป็นเส้นหรือปื้น
- การรักษา รอยสิวต้องใช้เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจนหรือ Subcision ขณะที่แผลนูนจากบาดเจ็บมักใช้สเตียรอยด์หรือซิลิโคน
เลเซอร์ลบรอยแผลเป็น ช่วยได้แค่ไหน
เลเซอร์ช่วยให้แผลดูเรียบและสีผิวสม่ำเสมอขึ้น แต่ไม่สามารถลบรอยได้ 100% ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับชนิดเลเซอร์และลักษณะแผล โดยอาจดีขึ้น 50-90% เมื่อทำต่อเนื่องตามคำแนะนำแพทย์
ประเภทเลเซอร์ที่ใช้บ่อย
- Fractional CO2 / Erbium YAG - สำหรับแผลหลุมและแผลนูนหนา
- Pulsed Dye Laser (PDL) - ลดรอยแดง
- Q-Switched / Pico Laser - ลดรอยดำและเม็ดสี
การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์ลบรอยแผลเป็น
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว 3-5 วัน
- เลี่ยงแดดจัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดแวกซ์ ขัด หรือโกนผิวบริเวณที่จะทำ
- แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่
- ทำความสะอาดผิวก่อนเข้ารับบริการ
การดูแลหลังทำเลเซอร์ลบรอยแผลเป็น
- หลีกเลี่ยงแสงแดดและใช้ครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรอ่อนโยน
- ห้ามแกะหรือขัดสะเก็ด
- ล้างหน้าเบา ๆ และงดแต่งหน้า 3-5 วัน
- เลี่ยงออกกำลังกายหนัก 2-3 วัน
- รับประทานอาหารที่ช่วยฟื้นฟูผิว เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว
- แจ้งแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติ
บทสรุปแผลเป็นคืออะไร
แผลเป็นเป็นผลจากการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ แต่หากดูแลไม่เหมาะสมอาจกลายเป็นรอยถาวรได้ การรู้จักประเภท ปัจจัยเสี่ยง และวิธีรักษาแผลเป็นที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผิวกลับมาเรียบเนียน การปรึกษาแพทย์ผิวหนังและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แผลเป็นหายดี ไม่ทิ้งรอยให้เป็นปัญหาผิวต่อไป
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
จิตรกรฝรั่งเผย "โฉมหน้าจริง" ฮ่องเต้เฉียนหลง ทำชาวเน็ตอึ้ง ไม่เหมือนในหนังเลยสักนิด
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
ต้อนรับเทศกาลฤดูหนาวกับเทศกาล"Yule"แห่งแสงสว่างและการเริ่มต้นใหม่
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
“บอย ภิษณุ" ประกาศขายบ้านหรูแล้ว ราคา 70 ล้าน
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
พลังแห่งรักข้ามเวลา ภาพจำลองวัยเด็กสู่น้ำตาแห่งความสุขในวันวิวาห์
กัมพูชา ยอมรับความฝ่ายแพ้ไม่ได้ สร้างภาพ AI ปลอม บิดเบือนความจริง
"Quishing" คือภัยเงียบในยุคดิจิทัล ที่เกิดจากการสแกน QR Code ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวถูกดูดไปโดยไม่รู้ตัว.
เจาะลึกเบื้องหลังดราม่า "โตเกียว" และ "หนุ่มแว่น" กับปมร่างทรงเกม ROV ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้
"Quishing" คือภัยเงียบในยุคดิจิทัล ที่เกิดจากการสแกน QR Code ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวถูกดูดไปโดยไม่รู้ตัว.
ต้อนรับเทศกาลฤดูหนาวกับเทศกาล"Yule"แห่งแสงสว่างและการเริ่มต้นใหม่
มิตรภาพใต้สมุทร เมื่อ "วาฬเพชฌฆาต" จับมือ "โลมา" ร่วมทีมล่าล่าเหยื่อ
พลังแห่งรักข้ามเวลา ภาพจำลองวัยเด็กสู่น้ำตาแห่งความสุขในวันวิวาห์
เขมรยอมแล้ว ระดมเครื่องจักรรื้อเขื่อนล้ำทะเลไทย หลังนาวิกฯ ยื่นคำขาดตัดเสบียงเกาะกง
กองทัพเรือพบเบาะแส ทหารกัมพูชาแฝงตัวในชุดพลเรือน หวังบิดเบือนสถานการณ์กล่าวหาไทยทำร้ายประชาชน
