การถมทะเล สร้างอาคารชุด ไม่ทำให้ที่ดินไร้ค่า
มาช่วยกันวิเคราะห์แนวคิด 'การถมทะเลจะทำให้ที่ดินไร้ค่า' ของคุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา โดยพบว่าเมื่อตัวเลขและข้อเท็จจริงสวนทางคำกล่าวอ้าง
เมื่อไม่นานมานี้ในรายการ Bitkub Meetup 2025 ครั้งที่ 6 ในหัวข้อ "รู้ทันโลกใหม่: การเงิน เทคโนโลยี และการลงทุนในอนาคต" มีการเผยแพร่แนวคิดที่ว่า "ที่ดินจะไร้ค่าเพราะมนุษย์สามารถถมทะเลสร้างแผ่นดินใหม่ได้ไม่จำกัด" ซึ่งได้ถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปรายโดยคุณ ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ซึ่งท่านได้กล่าวอ้างว่า มนุษย์สามารถ "พิมพ์" ที่ดินเพิ่มได้อย่างไม่จำกัด ทั้งใน แนวนอน ผ่านการถมทะเล และใน แนวตั้ง ผ่านการสร้างอาคารสูงอย่างคอนโดมิเนียม ซึ่งหากอุปทาน (Supply) เพิ่มขึ้นได้ไม่สิ้นสุด ความขาดแคลน (Scarcity) อันเป็นหัวใจของมูลค่าก็จะหมดไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงทางวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และมาตราส่วนของโลกแห่งความเป็นจริง จะพบว่าแนวคิดดังกล่าวอาจเป็นการมองภาพที่เรียบง่ายเกินไป ที่ดินไม่ใช่สินทรัพย์ที่สามารถ "ผลิต" เพิ่มได้ง่ายดายเหมือนการพิมพ์เงินหรือการขุด Bitcoin และการถมทะเลก็ไม่ใช่กระบวนการที่จะมาสั่นคลอนอุปทานที่ดินทั้งหมดของโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อเทียบกับอุปทานที่ดินโลก การถมทะเลแทบไม่ส่งผลกระทบใดๆเลย หัวใจของแนวคิดนี้คือการมองว่าเราสามารถ "เพิ่ม" ที่ดินได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่เมื่อนำตัวเลขมาพิจารณาในระดับมหภาค จะเห็นภาพที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โครงการ "เฟลโฟโพลเดอร์ (Flevopolder)" ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเกาะเทียมจากการถมทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 970 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดความสำเร็จทางวิศวกรรม แต่เมื่อนำไปเทียบกับอุปทานที่ดินที่มีอยู่เดิมทั้งหมดบนโลกประมาณ 149 ล้านตารางกิโลเมตร จะพบว่าโครงการที่ยิ่งใหญ่และใช้เวลากว่า 60 ปีนี้ เพิ่มพื้นที่ดินให้โลกเพียง 0.00065% เท่านั้น
หากเราต้องการเพิ่มพื้นที่ดินให้ได้เพียง 1% ของพื้นที่โลกทั้งหมด จะต้องถมทะเลให้ได้พื้นที่ถึง 1,490,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับการทำโครงการขนาด Flevopolder พร้อมกันถึง 1,536 โครงการ และหากอิงตามระยะเวลาการสร้างเดิม นั่นหมายความว่าเราต้องใช้เวลาต่อเนื่องยาวนานถึง 92,160 ปี
ในมิติของต้นทุน หากอ้างอิงข้อมูลจากโครงการของสิงคโปร์ที่ใช้เงินลงทุนมหาศาล การเพิ่มพื้นที่ดิน 1% ของโลกอาจต้องใช้งบประมาณสูงถึง 193.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปริมาณเงินทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจโลก (Broad Money M2) เกือบสองเท่า ทำให้เป็นไปไม่ได้แม้ในทางทฤษฎี
การเปรียบเทียบกับ Bitcoin ยิ่งตอกย้ำความขาดแคลนของที่ดิน ทั้งนี้การเปรียบเทียบกับ Bitcoin ซึ่งถูกออกแบบให้มีอุปทานจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดขึ้น ปัจจุบัน Bitcoin ถูกขุดขึ้นมาแล้วกว่า 19.7 ล้านเหรียญ ยังคงเหลือให้ขุดเพิ่มได้อีกประมาณ 1.3 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นอุปทานที่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกราว 6.5% ภายในปี 2140 สัดส่วนอุปทานของ Bitcoin ที่ยังเพิ่มได้นี้ มากกว่าสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของที่ดินจากโครงการถมทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกถึงกว่า 10,000 เท่า และใช้เวลาอีกเพียงแค่ 125 ปีเท่านั้น
ต้นทุนและภาระผูกพันระยะยาวของการ 'พิมพ์' ที่ดิน
การถมทะเลไม่ใช่เพียงการนำดินไปเทลงน้ำ แต่เป็นโครงการวิศวกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องเผชิญกับต้นทุนมหาศาลและข้อจำกัดทางกายภาพ หากการ "พิมพ์" ที่ดินนั้นง่ายและเป็นไปได้จริง คำถามคือเหตุใดหลายประเทศจึงไม่ทำเช่นนั้นเพื่อแก้ปัญหาของตน
บทเรียนราคาแพงจาก สนามบินนานาชาติคันไซ ในญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน โครงการนี้มีต้นทุนสะสมสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.3 แสนล้านบาท) โดยเผชิญกับปัญหาการทรุดตัวของเกาะอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดใช้งานในปี 1994 เกาะได้ทรุดตัวลงไปแล้วกว่า 11.5 เมตร และคาดว่าจะทรุดเพิ่มอีกในอนาคต ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและแก้ไขไม่รู้จบ นี่แสดงให้เห็นว่าการถมทะเลไม่ใช่การสร้าง "สินทรัพย์" ที่จบในครั้งเดียว แต่คือการสร้าง "สินทรัพย์ที่มีหนี้สินระยะยาวแฝงอยู่" นอกจากนี้ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและข้อจำกัดทางกฎหมายที่เข้มงวดทั่วโลก ทำให้โครงการถมทะเลในปัจจุบันเกิดขึ้นได้ยากและช้าลงอย่างมาก
การพัฒนาแนวตั้ง: ไม่ใช่การทำลาย แต่คือการปลดล็อกมูลค่าที่ดิน โดยอีกประเด็นที่ถูกหยิบยกคือการสร้างคอนโดมิเนียมเปรียบเสมือนการ "พิมพ์" ที่ดินในแนวตั้ง อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ ย้อนไปกว่า 2,000 ปีในสมัยอาณาจักรโรมัน ก็มีอาคารพักอาศัยรวมสูงหลายชั้นที่เรียกว่า "อินซูเล (Insulae)" เพื่อรองรับประชากรที่หนาแน่น แต่การเกิดขึ้นของอินซูเลไม่เคยทำให้มูลค่าที่ดินใจกลางกรุงโรมลดลง กลับยิ่งตอกย้ำว่าที่ดินในทำเลสำคัญนั้นมีค่ามหาศาล เพราะเป็น "แพลตฟอร์ม" ที่สร้างกระแสเงินสดได้
ในทางทฤษฎีการประเมินค่าทรัพย์สินสมัยใหม่ หลักการ "ใช้ประโยชน์สูงสุดและดีที่สุด (Highest and Best Use)" ยืนยันว่าการพัฒนาในแนวตั้งคือ "การปลดล็อก" มูลค่าสูงสุดของที่ดินออกมา ไม่ใช่การทำลายมูลค่า
หัวใจสำคัญ: ที่ดินแต่ละแปลงไม่สามารถทดแทนกันได้
ความแตกต่างพื้นฐานที่สุดคือ ที่ดินเป็นสินทรัพย์ที่ทดแทนกันไม่ได้ (Non-Fungible) ที่ดิน 1 ไร่ใจกลางสีลมไม่สามารถถูกทดแทนด้วยที่ดิน 1 ไร่ที่ถมขึ้นใหม่กลางทะเลได้อย่างสมบูรณ์ หลักฐานจากทั่วโลกยืนยันข้อเท็จจริงนี้ ไม่ว่าจะเป็นดูไบที่ถมทะเลสร้าง The Palm แต่ที่ดินที่แพงที่สุดยังคงอยู่ที่ Downtown Dubai หรือสิงคโปร์ที่ถมทะเลต่อเนื่องแต่ราคาที่ดินใจกลางเมืองยังคงติดอันดับโลก
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส สำรวจพบว่าราคาที่ดินที่แพงที่สุดอยู่ที่แถวสยามฯ ชิดลม เพลินจิต ตรว.ละ 3.85 ล้านบาท และราคาที่ดินใจกลางเมืองก็เพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่สำรวจมาในปี 2537 ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า การเพิ่ม “หน่วยที่อยู่อาศัย” ไม่ได้ทำลายมูลค่าของ “ที่ดิน” ในทำเลดี
โดยสรุปแล้ว ความขาดแคลนของ "ทำเลทอง" ยังคงเป็นสัจธรรม แนวคิดที่ว่าการถมทะเลหรือการสร้างคอนโดจะทำให้ที่ดินไร้ค่า เป็นการมองปัญหาโดยละเลยปัจจัยด้านต้นทุน กฎระเบียบ และที่สำคัญที่สุดคือความแตกต่างระหว่าง "ปริมาณพื้นที่" กับ "คุณภาพของทำเล" การถมทะเลอาจเพิ่มพื้นที่บนแผนที่ได้เพียงน้อยนิดในระดับโลก และการสร้างคอนโดอาจเพิ่มหน่วยที่อยู่อาศัยได้ แต่ไม่มีสิ่งใดสามารถสร้าง "ทำเลทอง" ที่สั่งสมคุณค่าจากเครือข่ายทางเศรษฐกิจและสังคมมานานหลายสิบหรือหลายร้อยปีได้
ท้ายที่สุดแล้ว ความขาดแคลนที่แท้จริงอาจไม่ใช่ ‘พื้นที่’ แต่เป็น ‘ทำเล’ ที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่เทคโนโลยีการถมทะเลไม่สามารถสร้างลอกเลียนแบบได้ และนี่คือเหตุผลที่ว่า แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปเร็วเพียงใด มูลค่าของที่ดินในทำเลทองจะยังคงเป็นสัจธรรมของการลงทุนเสมอ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
เปิดเงื่อนไขพนักงาน "ไดกิ้น" ที่จะได้รับทอง ไม่ขาด ไม่ลา ไม่สาย
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
กลุ่มแรงงานแถลงประณามบริษัทสั่งปิดงาน ทำผิดอนุสัญญา ต้องสั่งแก้เปิดงานทันที เรียกร้องบริษัทเปิดผลประกอบการกำไร5พันล้าน ย้ำต้องแจกโบนัสตามสิทธิ เพราะทำงานหนัก
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
เขมรพังเรื่อยๆ ไทยปิดด่าน ทำเอาชาวเขมรโมโห เผานาทิ้ง เนื่องจากขายข้าวไม่ได้
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย



