ทำไม สวิตเซอร์แลนด์จึงเป็นประเทศแห่งยารักษาโรค ?
ในบรรดาปัจจัย 4 ของมนุษย์ ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค
“ยารักษาโรค” อาจเป็นสินค้าที่เราเลือกเองได้ “น้อย” ที่สุดไม่มีใครอยากเจ็บไข้ได้ป่วย แต่เมื่อป่วยแล้ว ยิ่งเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องใช้ยาราคาสูงมาก หลายคนก็ยอมจ่าย หวังให้กลับมาหายเป็นปกติ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อุตสาหกรรมยารักษาโรคจะสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้แก่ประเทศผู้ผลิต หนึ่งในนั้นก็คือสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศเล็ก ๆ ที่มีประชากรเพียง 8 ล้านคนแต่กลับส่งออกยารักษาโรคมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากเยอรมนี
อะไรที่ทำให้ประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ ก้าวขึ้นมามีบทบาทในอุตสาหกรรมที่เป็นความหวังของมนุษย์ ?
สวิตเซอร์แลนด์เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป ถูกรายล้อมไปด้วยเทือกเขาแอลป์ ไม่มีทางออกสู่ทะเล ทางเดียวที่จะเชื่อมกับโลกภายนอกได้ คือแม่น้ำไรน์
แม่น้ำไรน์เป็นแม่น้ำนานาชาติของยุโรปตะวันตก มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอลป์ ไหลผ่านสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจะไหลขึ้นทางเหนือเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี ไหลผ่านเมืองใหญ่น้อยทางตะวันตกของเยอรมนี ก่อนจะออกสู่ทะเลเหนือที่เนเธอร์แลนด์
แม่น้ำแห่งนี้เป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป เป็นเส้นทางการค้าตั้งแต่ยุคกลาง พอถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม แม่น้ำไรน์ช่วงที่ผ่านเยอรมนี ก็เป็นแหล่งขนส่งแร่เหล็กและถ่านหิน เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมเหล็ก และโรงงานอุตสาหกรรมเคมี
องค์ความรู้ด้านเคมีมีต้นกำเนิดมาจากอังกฤษ ก่อนจะถูกต่อยอดโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน จนเมื่อเยอรมนีกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม
เคมีในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งเริ่มมาจากการคิดค้นสีย้อมผ้าแล้วการปฏิวัติอุตสาหกรรมก็ไหลทวนกระแสน้ำมาถึงสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเมืองสำคัญที่สุดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ ก็คือ “บาเซิล”
บาเซิลเป็นเมืองการค้ามาตั้งแต่ยุคโรมัน และเป็นส่วนหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ในศตวรรษที่ 16 หลังจากนั้นเมืองนี้ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางธนาคารและการค้าสิ่งทอ
ทำเลของเมืองบาเซิลตั้งอยู่ในจุดที่พรมแดนของ 3 ประเทศมาบรรจบกัน คือสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมนี บาเซิลจึงได้รับอิทธิพลจากทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะองค์ความรู้ด้านเคมี และอุตสาหกรรมการผลิตสีย้อม
แต่ข้อดีที่สุด ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมเคมีของสวิตเซอร์แลนด์ก็คือ “การไม่มีกฎหมายสิทธิบัตร เมื่อมีการผลิตงานวิจัยและองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ประเทศในยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนีและฝรั่งเศส ต่างออกกฎหมายสิทธิบัตรเพื่อคุ้มครองผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ของตัวเอง โดยเฉพาะองค์ความรู้ด้านการสังเคราะห์สีย้อมผ้า นักวิทยาศาสตร์หลายคน ถึงแม้จะมีองค์ความรู้ แต่ติดในเรื่องสิทธิบัตรทำให้ไม่สามารถวิจัยและพัฒนาต่อได้ สวิตเซอร์แลนด์จึงกลายเป็นสวรรค์ของนักวิจัย
โดยจุดหมายปลายทางก็อยู่ที่เมืองบาเซิล..
ด้วยทำเลที่ตั้งมีแม่น้ำใหญ่ไหลผ่าน เหมาะแก่การขนส่งและเป็นวัตถุดิบของโรงงาน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการเงิน ธนาคารในบาเซิลมีเงินทุนมหาศาล เมืองแห่งนี้จึงดึงดูดนักลงทุนมากมายให้มาตั้งโรงงานผลิตสีสังเคราะห์ ปี ค.ศ. 1859 นักวิจัยชาวฝรั่งเศส Alexandre Clavel, Louis Durand และ Etienne Marnas ได้อพยพมาเพื่อตั้งโรงงานผลิตสีสังเคราะห์ในบาเซิล ไม่นานก็สามารถสังเคราะห์สาร Fuchsine ที่ให้สีบานเย็นได้ โดยนักวิจัยทั้ง 3 นี้ได้ ตั้งโรงงานชื่อว่า โรงงานเคมีแห่งบาเซิล หรือ Chemische Industrie in Basel ซึ่งถูกย่อว่า “CIBA”
ต่อมานักเคมีของ CIBA คือ Alfred Kern ได้ออกมาตั้งโรงงานของตัวเองร่วมกับนักธุรกิจ Edouard Sandoz ในปี ค.ศ. 1886 เกิดเป็นบริษัท “Sandoz ซึ่งได้สังเคราะห์สาร Auramine O ที่ให้สีเหลืองทอง ไม่นาน สวิตเซอร์แลนด์ก็กลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมเคมี ส่งออกสีสังเคราะห์แข่งกับเยอรมนีและฝรั่งเศส จนทำให้นักธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศ พากันเรียกสวิตเซอร์แลนด์ว่า “ดินแดนแห่งนักปลอมแปลง”
ใครจะไปเชื่อว่า ครั้งหนึ่ง สินค้าที่ถูกส่งออกจากสวิตเซอร์แลนด์ จะถูกมองว่าเป็นของก๊อบปี้..แรงกดดันของการเป็นนักก๊อบปี้มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนรัฐบาลเยอรมนีขู่ว่าจะยกเลิกสนธิสัญญาการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ทำให้ในที่สุด รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์จำเป็นต้องออกกฎหมายสิทธิบัตรอย่างเป็นทางการ ในปี ค.ศ. 1907
แต่อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเคมีก็ได้ฝังรากอย่างแข็งแกร่งที่บาเซิลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่การถูกมองว่าเป็นนักก๊อบปี้ ทำให้เหล่านักธุรกิจและนักวิจัยชาวสวิส จำเป็นต้องหาทางต่อยอดจากการผลิตสีสังเคราะห์ชาวสวิสขยันขันแข็ง มีหัวการค้า และเป็นระบบระเบียบอยู่เป็นทุนเดิม การขาดแคลนทรัพยากรทำให้มุ่งเน้นการผลิตสินค้าขนาดเล็กมาเนิ่นนาน สินค้าที่ขนส่งง่าย มีกรรมวิธีการผลิตที่ซับซ้อน มีนวัตกรรมเฉพาะตัว และมีราคาสูงพอที่จะคุ้มทุน ซึ่งตัวอย่างที่ดีที่สุดก็คือ นาฬิกา องค์ความรู้ด้านเคมี สามารถนำมาต่อยอดได้หลากหลาย หนึ่งในผลผลิตที่น่าสนใจ ก็คือ “ยารักษาโรค”
ถึงแม้จะมาทีหลังในอุตสาหกรรมสีสังเคราะห์ แต่สำหรับยารักษาโรค อุตสาหกรรมนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมาก ด้วยองค์ความรู้ด้านเคมีที่มีอยู่แล้ว บวกกับระบบการศึกษาของสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากระบบของเยอรมนีที่เน้นการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ แล้วนำมาประยุกต์ให้เข้ากับภาคอุตสาหกรรมจึงเกิดเป็นงานวิจัยร่วมกันระหว่างนักวิชาการ กับนักธุรกิจในแวดวงอุตสาหกรรม นักธุรกิจชาวสวิสจึงตัดสินใจลงทุนในอุตสาหกรรมยา
ปี ค.ศ. 1896 นักธุรกิจ Fritz Hoffmann-La Roche ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทเคมีภัณฑ์ F. Hoffmann-La Roche โดยตั้งแผนกเพื่อมุ่งเน้นการวิจัยยารักษาโรคโดยเฉพาะ ด้วยองค์ความรู้และการวางแผนอย่างเป็นระบบ ในที่สุดหัวหน้าฝ่ายวิจัย Cart Schaerges ก็ได้ค้นพบ ไอโอดีน ในการรักษาโรคไทรอยด์ได้เป็นผลสำเร็จ กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนายารักษาโรคไทรอยด์ในเวลาต่อมา
เช่นเดียวกับบริษัทอื่น ๆ ที่เคยผลิตสีย้อมผ้า ต่างก็หันมาเพิ่มแผนกใหม่ เพื่อวิจัยและพัฒนายารักษาโรคโดยเฉพาะปี ค.ศ. 1900 บริษัท CIBA สามารถสังเคราะห์สาร Salen ซึ่งเป็นสารตั้งต้นทางยาตัวแรก ซึ่งเป็นโครงสร้างที่จะถูกพัฒนาต่อมาเป็นยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
เช่นเดียวกับบริษัท Sandoz ได้ตั้งแผนกเภสัชกรรมในปี ค.ศ. 1917 เพื่อพัฒนายารักษาโรค จนสามารถสังเคราะห์สาร Ergotamine ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของยารักษาโรคไมเกรน ไม่นาน เมืองบาเซิลก็กลายมาเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านการแพทย์และเภสัชกรรมของโลก โดยมีสถาบันการศึกษาอย่าง University of Basel และ Friedrich Miescher Institute in Basel เป็นผู้ผลักดันงานวิจัยอย่างต่อเนื่องจากสารตั้งต้นหนึ่งตัว ก็ถูกต่อยอดจนกลายเป็นยารักษาโรค เมื่อมีโครงสร้างของยาหนึ่งตัว ก็มีการพัฒนายาตัวใหม่จากโครงสร้างเดิมต่อกันไปเรื่อย ๆ และจากอุตสาหกรรมยา ก็ถูกต่อยอดจนเกิดเป็นอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยี
ปัจจุบัน CIBA และ Sandoz ได้ควบรวมกันเป็นบริษัท “Novartis” และก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทยาชั้นนำ ควบคู่กับ F. Hoffmann-La Roche
โดยทั้ง 2 บริษัท ต่างก็มียอดขายอยู่ในระดับ Top 5 ของโลก
- Hoffmann-La Roche เป็นผู้นําในการพัฒนายาที่ใช้รักษาโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคพาร์กินสัน และโรคมะเร็ง รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทางการ แพทย์ อุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ACCU-CHEK
ส่วน Novartis เป็นผู้นําในการพัฒนายารักษาโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคทางระบบประสาท ไปจนถึงยาใช้ภายนอกอย่างยาทาแก้ปวด Voltaren ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยชื่อนี้
ถึงแม้จะมีจุดเริ่มต้นของการลอกเลียนแบบ สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ต่อยอด และ พัฒนาเทคโนโลยี “เฉพาะทาง” จนกลายเป็นประเทศที่เป็นผู้นําในวงการ เภสัชกรรม มีสิทธิบัตรยา และงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
มาถึงตรงนี้ การที่ชาวสวิสร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ไม่ใช่เพราะสร้างสินค้า ที่ทําตามความต้องการของลูกค้าและตลาด แต่ก้าวนําลูกค้าด้วยนวัตกรรม และ คุณภาพของสินค้าที่เหนือใคร จนสามารถส่งออกและสร้างรายได้มหาศาลให้แก่ประเทศ
ซึ่ง “ยารักษาโรค” คือตัวอย่างที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ ทั้งหมดนี้ ก็น่าจะสรุป ได้ว่า การไม่มีทางออกสู่ทะเลอาจไม่ใช่ปัญหาของชาวสวิสเพราะพวกเขามีอีกทางออกหนึ่งอยู่แล้ว ที่เรียกว่า นวัตกรรม..
เขมร ยอมมาโต๊ะเจรจาที่จันทบุรี หลังไทยดัดหลัง "ไม่ย้ายประเทศ"
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
กฎหมายใหม่"การส่งข้อความลๅมกอนๅจๅร" อาจติดคุก เริ่มใช้ ต้นปี 69
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย
ทำไมการเล่าเรื่องของตัวเองให้คนที่ไม่สนิทฟัง ถึงสบายใจกว่า การเล่าให้คนสนิทฟัง เมื่อคนแปลกหน้าอาจเป็นเซฟโซนมากกว่าคนใกล้ตัว
คุกกี้เสี่ยงทาย... ทายนิสัยความขี้อ้อนของคนเกิดทั้ง 7 วัน
จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกัน
10 ประเด็นร้อนฉ่าที่คนไทยให้ความสนใจสูงสุดในปี 2568
หมอปลาย พรายกระซิบ รีเทิร์นแบบฮาๆ! ทำนายพลาดทัวร์ลงหนัก ขอโทษยกมือไหว้ วอนชาวเน็ตให้โอกาสแก้ตัว ไม่งั้นเลิกดูดวงไปจับผีเต็มตัวซะเลย!
ไทยยันคำเดิม “เขมรต้องหยุดยิงก่อน” เสธ.ทบ. ลั่นกู้คืนพื้นที่ได้ 90% แล้ว เหลืออีกนิดเดียวยึดคืนได้ทุกพื้นที่
พุทธศิลป์แนวใหม่หรือวัตถุนิยม? กระแสวิจารณ์ "หัวใจพระพุทธเจ้า" ทรงอนาโตมี
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ



