ท้าวสักกะ จากมนุษย์สู่จอมเทพผู้ยิ่งใหญ่ในสวรรค์ดาวดึงส์
เรื่องราวของ ท้าวสักกะเทวราช หรือที่เรารู้จักกันในนาม พระอินทร์ นั้น ไม่ได้เริ่มต้นจากสวรรค์ หากแต่อดีตชาติของพระองค์เคยเป็นมนุษย์ผู้มีนามว่า มัคะ ผู้ซึ่งบำเพ็ญบุญบารมีอย่างยิ่งยวดจนได้ขึ้นมาเป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ บทความนี้จะพาทุกท่านไปสำรวจเส้นทางชีวิตของท้าวสักกะในอดีตชาติ พร้อมทั้งหลักธรรม 7 ประการที่นำพาพระองค์ไปสู่ตำแหน่งสูงสุดแห่งสรวงสวรรค์
จากพระไตรปิฎกฉบับหลวง เล่มที่ 15 พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสเล่าแก่พระภิกษุทั้งหลายว่า อดีตชาติของท้าวสักกะนั้น เป็นมนุษย์ชื่อ มัคะ ผู้ซึ่งมีความตั้งใจในการให้ทานและทำบุญอยู่เสมอ การให้ทานด้วยความเคารพและจริงใจนี้เอง ทำให้พระองค์ได้รับสมญานามว่า "ท้าวสักกะ"
พระพุทธองค์ทรงย้ำว่า ผู้ที่เลี้ยงดูพ่อแม่นั้น แม้แต่เทพบนสวรรค์ก็ยังยกย่องว่าเป็น "สัปปุริสชน" หรือคนดีมีคุณธรรมที่ควรนับถือ
ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้ตรัสเล่าถึงชายยากจนผู้หนึ่งในกรุงราชคฤห์ ที่แม้จะไร้ญาติขาดมิตร แต่กลับมีคุณธรรม 5 ประการ คือ ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และ ปัญญา เมื่อเขาเสียชีวิตก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีรัศมีและความงามเหนือกว่าเทพองค์อื่น ๆ ด้วยเหตุนี้เอง ท้าวสักกะจึงได้กล่าวคาถาสรรเสริญถึงคุณงามความดีของผู้ที่มีศรัทธาในพระพุทธเจ้า มีศีลบริสุทธิ์ มีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ และมีความเข้าใจธรรมะอย่างถูกต้อง ว่าบุคคลเช่นนี้มิใช่คนยากจน ชีวิตของเขาย่อมไม่สูญเปล่า
เรื่องราวของท้าวสักกะแสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งและความยิ่งใหญ่บนสวรรค์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หากแต่มาจากการสั่งสมคุณงามความดี บำเพ็ญทาน และปฏิบัติตามหลักธรรมอย่างเคร่งครัดในชาติที่เป็นมนุษย์ การให้ทานด้วยความเคารพ การสร้างที่พักให้ผู้อื่น การมีสติปัญญา การควบคุมอารมณ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยึดมั่นในหลักความประพฤติ 7 ประการ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่นำพา ท้าวสักกะ จากมนุษย์ผู้หนึ่ง ไปสู่การเป็น จอมเทพผู้ยิ่งใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเป็นเครื่องยืนยันว่า การกระทำความดีนั้น ย่อมนำมาซึ่งผลอันงดงามเสมอ
















