อาการบ้าจี้ เสียงหัวเราะกับอาการบิดตัวไปมา เพราะอะไรเราจึงไม่สามารถจั๊กจี้ให้ตัวเองขำได้
อาการบ้าจี้ เป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงมานานกว่า 2,000 ปี Granville Stanley Hall นักจิตวิทยาชาวอเมริกันจัดประเภทของอาการบ้าจี้ไว้ 2 รูปแบบ คือ
- Gargalesis เป็นลักษณะของเสียงหัวเราะที่มาพร้อมกับความอึดอัดใจ หรือในบางครั้งรู้สึกเหมือนถูกขโมยลมหายใจ เกิดจากการถูกสัมผัสซ้ำ ๆ ในบริเวณที่ไวต่อความรู้สึก
- Knismesis เป็นอาการบ้าจี้ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวที่เบาบางบนผิวหนัง รู้สึกยิบๆ ที่ทำให้ต้องการเกา หรือถูร่างกายในบริเวณนั้น อย่างเช่น เมื่อถูกรบกวนจากแมลง
นักวิทยาศาสตร์หลายท่านเชื่อว่า อาการบ้าจี้ อาจเป็นวิวัฒนาการในการปรับตัว เพื่อพัฒนากลไกการป้องกันตัวเอง และปกป้องพื้นที่ที่ไวต่อความรู้สึกบนร่างกาย เห็นได้ชัดว่า การทำให้รู้สึกจั๊กจี้นั้นเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างมนุษย์
ทำไมเราถึงไม่สามารถจั๊กจี้ให้ตัวเองขำได้
เพราะ เราสามารถคาดการณ์ การสัมผัสของตัวเองได้ล่วงหน้า สมองจึงไม่ตีความว่านี่คือ “ความไม่คาดฝัน”
การทดลองที่น่าสนใจ คือ การให้ผู้คนควบคุมหุ่นยนต์เพื่อจั๊กจี้ตัวเอง โดยตั้งให้หุ่นยนต์มีความล่าช้า (ดีเลย์) ในการตอบสนอง ผลลัพธ์ คือ เมื่อหุ่นยนต์ตอบสนองทันที คนจะไม่รู้สึกจั๊กจี้ แต่เมื่อเพิ่มความล่าช้า คนเริ่มรู้สึกจั๊กจี้มากขึ้น เนื่องจากสมองไม่สามารถคาดเดาเวลาสัมผัสได้
สมองของเราจะใช้การเคลื่อนไหว และเจตนาของการกระทำ ในการประเมินการตอบสนองต่อความรู้สึก ซึ่งจะช่วยลดทอนความรู้สึกจั๊กจี้ลงได้ เมื่อตัวเองเป็นผู้กระทำ
ความรู้สึกจั๊กจี้ เกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อการสัมผัสที่ไม่คาดฝัน เป็นกลไกการป้องกันตัวที่วิวัฒนาการขึ้นมา เหตุผลที่เราไม่สามารถจั๊กจี้ตัวเองได้ เพราะสมองคาดการณ์การสัมผัสนั้นได้หมด จึงไม่มี “ความไม่คาดฝัน” ให้ตอบสนองนั่นเอง

















