ของใช้สะสมเชื้อโรค อันตรายต่อสุขภาพที่อาจคาดไม่ถึง
1.โทรศัพท์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต การวิจัย พบว่า บนจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตมีเชื้อโรคสะสม มากกว่า โถส้วมถึง 20 เท่า โดยเฉพาะเชื้อโรค E. coli และ Staphyloccocus aureus ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังต่าง ๆ โรคปอดอักเสบ และการติดเชื้อในกระแสเลือด เชื้อโรคเหล่านี้ถูกนำมาติดโดยการใช้นิ้วสัมผัสบนจอโทรศัพท์โดยไม่ได้ล้างก่อน ทำให้เชื้อโรคสะสมอยู่บนจอโทรศัพท์
2.คีย์บอร์ด เม้าส์คอมพิวเตอร์ เวลาทำงานหรือพิมพ์งานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ เราอาจรับประทานอาหารไป พิมพ์งานไป พูดไปด้วย บางครั้งก็อาจจะมีการไอหรือจาม ทำให้คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ได้รับ แบคทีเรีย ทั้งจากนิ้วมือ น้ำลาย เสมหะ และเศษอาหาร คีย์บอร์ดถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ใกล้ตัวที่สะสมแบคทีเรียเอาไว้ไม่น้อย
3.แปรงสีฟัน ผลวิจัย พบว่า ในแปรงสีฟันก็ยังมีเชื้อจุลินทรีย์อย่างน้อย 10 ล้านตัว ถ้าวางอยู่ใกล้บริเวณชักโครกก็ยิ่งสกปรกขึ้นอีก แปรงสีฟันยังเอาแบคทีเรียจากช่องปากมาสะสมไว้ที่ขนแปรงด้วย กว่า 65 เปอร์เซ็นต์เป็นยีสต์และเชื้อรา อีก 27 เปอร์เซ็นต์เป็นแบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์ม (coliform) และอีก 14 เปอร์เซ็นต์เป็นแบคทีเรียในกลุ่มสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus)
4.เงิน ผลการศึกษาจากคณะนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ระบุว่า บนธนบัตร 1 ใบ จะมีเชื้อแบคทีเรียสะสมโดยเฉลี่ย 26,000 ตัว ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้มีผลอันตรายกับผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ อาจจะก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพผิว อย่างเช่น เป็นสิว หรือถ้าหากมือสัมผัสกับเงินที่สะสมแบคทีเรียแล้วนำมือนั้นไปสัมผัสกับอาหาร เมื่อรับประทานอาหารนั้นเข้าไปก็อาจจะทำให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องเสียได้
5.รีโมทควบคุม รีโมทสำหรับทีวี รีโมทแอร์ หรือรีโมทควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นของใช้ใกล้ตัวที่ผ่านการหยิบจับแบบมือต่อมือ จึงเกิดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียจากฝ่ามืออยู่ตลอด และรีโมทควบคุมก็มักจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยได้รับการทำความสะอาดมากเท่าไหร่นัก จึงยิ่งทำให้สะสมแบคทีเรียเอาไว้เป็นจำนวนมาก
6.กระเป๋าเงิน เพราะได้รับแบคทีเรียจากเงินและบัตรต่าง ๆ โดยเฉพาะบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต ที่ต้องผ่านการใช้งานจากมือหนึ่งถึงอีกมือหนึ่ง ทำให้มีการสะสมแบคทีเรียเอาไว้
7.กระเป๋าสะพาย เป้ การวิจัย พบว่า บริเวณก้นกระเป๋านั้นเต็มไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าหมื่นตัว เชื้อโรคส่วนใหญ่ที่พบล้วนเป็นอันตราย ได้แก่ Staphylococcus สาเหตุของทำให้เกิดตาแดง นอกจากนี้ยังมีเชื้อ Salmonella และ E.coli ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ และท้องเสียอีกด้วย
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากโซเชียลสู่พลังงานอนาคต ธุรกิจทรัมป์ควบรวมบริษัทนิวเคลียร์ฟิวชัน
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
“บอย ภิษณุ" ประกาศขายบ้านหรูแล้ว ราคา 70 ล้าน
วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว
วิจัยญี่ปุ่นเผยว่า ความหนาของ "แก้ว" สามารถเปลี่ยนรสชาติได้ โดยถ้าอยากกินหวานควรเลือกแก้วที่หนา.
งงทั้งสถานี ไวรัลญี่ปุ่น คู่ชายหญิง ทำอะไรบางอย่างกลางชินจูกุ คนหยุดดูเป็นตาเดียว
กัมพูชา ยอมทุบเขื่อนที่หวังเปลี่ยนพื้นที่ หลัก กม.73
จากโซเชียลสู่พลังงานอนาคต ธุรกิจทรัมป์ควบรวมบริษัทนิวเคลียร์ฟิวชัน
งงทั้งสถานี ไวรัลญี่ปุ่น คู่ชายหญิง ทำอะไรบางอย่างกลางชินจูกุ คนหยุดดูเป็นตาเดียว
แพทย์ผิวหนังแนะนำว่าควรเปลี่ยนกางเกงชั้นในบ่อยๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดี
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บอสชายถาม "เที่ยงคืนมาห้องผมไหม" สาวจบใหม่ตอบฉลาด คว้าตำแหน่งทันที
แพทย์ผิวหนังแนะนำว่าควรเปลี่ยนกางเกงชั้นในบ่อยๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดี
วิจัยญี่ปุ่นเผยว่า ความหนาของ "แก้ว" สามารถเปลี่ยนรสชาติได้ โดยถ้าอยากกินหวานควรเลือกแก้วที่หนา.
แพทย์อธิบายความแตกต่างระหว่าง "อาการนอนไม่หลับ" กับ "การนอนยาก" และเมื่อใดควรขอคำแนะนำทางการแพทย์





