ขนมศิลาอ่อนเป็นขนมไทยโบราณที่มีชื่อแปลกตาและหาทานได้อยากมีรสชาติที่มีเสน่หอมใบเตยและน้ำตาลมะพร้าว
ขนมศิลาอ่อน
ขนมศิลาอ่อนเป็นขนทางภาคเหนือ แต่เห็นที่ภาคใต้ก็ทำกัน โดยขนมศิลาอ่อนจะมีส่วนผสมเดียวกับขนมเปียกปูนเกลือบทุกอย่างจะต่างตรงที่มีผสมกะทิเข้าไปรวมด้วยขนาดกวนเลยมีกวนสุกจะนำมาตัดเป็นชิ้นโรยหน้าด้วยมะพร้าวขุดหรือถั่วทองหรือบางครั้งอาจจะไม่โรยเลยก็ได้
ขนมศิลาอ่อนเป็นขนมไทยที่อร่อยมาก หอมใบเตยและน้ำตาลมะพร้าวนำ รวมกับน้ำกะทิสด เป็นความหอมที่ชวนรับประทาน เนื้อแป้งนุ่ม หวานกำลังดี ทำง่าย ส่วนผสมไม่มาก มีวิธีทำคล้ายกับขนมเปียกปูน ต่างกันที่ขนมเปียกปูนไม่ใส่น้ำกะทิ และน้ำตาลมะพร้าว
ส่วนผสม
1.แป้งข้าวเจ้า 200 กรัม
2.แป้งท้าว 1 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำตาลมะพร้าว 200 กรัม
4.น้ำตาลทราย 150 กรัม
5.กะทิสด 800 ml
6.เกลือ 1 ช้อนชา
7.ใบเตย 10 ใบ นำไปปั่นกับน้ำปูนใส ให้ได้ 200 ml
8.น้ำปูนใส 500 ml
วิธีทำ
1. นำแป้งข้าวเจ้า และแป้งท้าวผสมรวมกันลงในอ่างผสม
2. เติมน้ำตาลทรายและเกลือลงไป
3. และนำน้ำตาลมะพร้าวใส่ลงไปค่อยๆ หยอดน้ำกะทิลงไปและนวดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายเป็นเข้าเนื้อกันดี
4. หลังจากนั้นค่อย ๆ เทน้ำปูนใสและน้ำใบเตยลงไปคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
5. นำขึ้นตั้งไฟด้วยไฟปานกลางคนตลอดจนแป้งสุกและเริ่มใสจับตัวกัน
6. จากนั้นนำมาเทใสถาดพักให้เย็นสนิด
7. ตัดเป็นชิ้นพอดีคำสำหรับรับประทาน
ขนมอ่อนศิลาอ่อนกระทิสด
เป็นขนมชนิดหนึ่งของทางภาคเหนือ ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกันกับขนมของทางภาคกลางที่เรียกว่า "ขนมเปียกปูน" แต่จะมีข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ "ขนมเปียกปูน" ไม่ใส่กะทิจึงใช้มะพร้าวโรยหน้าแทน ส่วน "ขนมศิลาอ่อน" จะมีส่วนผสมของน้ำกะทิอยู่จึงไม่จำเป็นต้องใช้มะพร้าวโรยหน้า
เคล็ดลับการทำขนมศิลาอ่อน
- น้ำปูนใสต้องแช่น้ำปูนในก่อนนำมาทำอาหาร 3 วัน จะได้น้ำปูนที่ไม่หยาบและไม่มีปูนติด
- ทุกขั้นตอนต้องใช้ผ้าขาวบางกรอง เพื่อรักษาความสะอาด
- กะทิให้ใช้เนื้อมะพร้าวมาคั้นแบบสดๆ จะได้กะทิที่มีความหอมมัน
- น้ำตาลให้ใช้ 2 แบบ คือ น้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลปี๊บให้ความหอม ส่วนน้ำตาลทรายให้ความหวาน
- แป้งข้าวเจ้า ให้เลือกใช้ข้าวสารเจ้ามาแช่น้ำและโม่ เอาแป้งข้าวเจ้า จะได้แป้งข้าวจ้าวที่อร่อย
- น้ำปูนใส ให้ความกระด้าง ทำให้ขนมมีความยืดหยุ่น แต่ไม่ติดภาชนะ



