คนที่อาศัยในอากาศร้อนจัดจะ ‘แก่เร็วขึ้น’ อากาศร้อน ผลกระทบต่อสุขภาพ และวิธีรับมือ
งานวิจัยใหม่เผยผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจว่า ความร้อนที่สูงเกินไปอาจเร่งกระบวนการแก่ชราทางชีววิทยา โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บมากขึ้น
“นี่เป็นหนึ่งในการศึกษาขนาดใหญ่ครั้งแรกที่เชื่อมโยงการได้รับความร้อนในระยะยาวเข้ากับการแก่ชราทางชีววิทยาในมนุษย์” ดร. อึน ยอง ชเว (Eun Young Choi) จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย กล่าว “ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีวันที่อากาศร้อนจัดมากกว่า จะมีการแก่ชราทางชีววิทยาเร็วกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่อากาศเย็นกว่า”
โดยทั่วไป อายุทางชีววิทยาเป็นตัวชี้วัดว่าร่างกายทำงานได้ดีเพียงใดในระดับโมเลกุล เซลล์ และอวัยวะ ซึ่งแตกต่างจากอายุตามปฏิทินที่อ้างอิงจากวันเกิดของบุคคล อายุทางชีววิทยาสามารถบ่งบอกความเสี่ยงบางอย่างต่อโรคที่เกิดขึ้นในร่างกายได้
ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ก็ทราบเป็นอย่างดีว่าความร้อนนั้นส่งผลกระทบอะไรกับสุขภาพได้บ้าง รวมถึงความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในด้านต่าง ๆ แต่ที่ผ่านมาแทบไม่มีใครเชื่อมโยงความร้อนเข้ากับการแก่ชราทางชีวภาพเลย มีเพียงแค่การอยู่กลางแดดนาน ๆ อาจทำให้คุณ ‘ดู’ แก่กว่าปกติหากไม่ทาครีมกันแดด
ผลกระทบจากอากาศร้อน
- ตะคริวแดด มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนักจนทำให้เหงื่อออกมาก รวมถึงผู้ที่เผชิญกับอากาศร้อนประมาณ 32-40 องศาเซลเซียส ทำให้ร่างกายสูญเสียของเหลวและเกลือแร่ในปริมาณมาก โดยเฉพาะโซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณน่อง ต้นขา และไหล่ มีอาการหดเกร็งหรือเป็นตะคริวได้
- อาการเพลียแดด เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียเหงื่อปริมาณมาก อย่างเช่น ผู้ที่ทำงาน หรือ ออกกำลังกายอย่างหนัก มักเกิดขึ้นกับผู้ที่เผชิญกับสภาพอากาศร้อนประมาณ 40-54 องศาเซลเซียส การสูญเสียของเหลวในร่างกายในปริมาณมาก ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง ทำให้รู้สึกวิงเวียน สับสน เมื่อยล้า ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว ผิวซีด เป็นลม หรือมีการปวดบีบที่กล้ามเนื้อ
- โรคลมแดด เป็นภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงเกินไปจากการเผชิญกับอาการร้อนจัดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 54 องศาเซลเซียสขึ้นไปโดยที่ร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ตามปกติ ส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายขึ้นสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ร่างกายไม่ขับเหงื่อ ผิวแดง ผิวแห้งและร้อนหากเป็นโรคลมแดดที่เกิดจากการออกกำลังกาย ผิวจะมีความชื้นอยู่เล็กน้อย และจะมีอาการ อย่างเช่น เป็นตะคริว หายใจถี่ หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะตุบ ๆ คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน หน้ามืด เป็นลม สับสนมึนงง กระสับกระส่าย หงุดหงิด พูดไม่ชัด มีอาการเพ้อ ไม่สามารถทรงตัวได้ มีพฤติกรรมหรือการรับรู้สติเปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น
- ผดร้อน อากาศร้อนชื้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ต่อมเหงื่ออุดตันจนร่างกายไม่สามารถขับเหงื่อออกมาทางผิวหนังได้ตามปกติ จนทำให้เกิดการอักเสบและมีผื่นคัน โดยเฉพาะบริเวณข้อพับ ขาหนีบ รวมถึงผิวหนังที่มีการเสียดสีกับเสื้อผ้า หากผดร้อนมีอาการรุนแรง อาจทำให้แสบตามผิวหนัง ผิวบวมแดง เกิดการติดเชื้อร่วมกับมีหนอง และอาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตที่รักแร้ คอ หรือขาหนีบร่วมด้วย
วิธีรับมือเมื่อเผชิญกับอากาศร้อน
- ดื่มน้ำมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องรอจนรู้สึกกระหาย ควรดื่มน้ำเพื่อชดเชยเหงื่อที่ถูกขับออกมาตามผิวหนังที่ช่วยระบายความร้อนให้แก่ร่างกาย และป้องกันภาวะขาดน้ำด้วย ปริมาณการดื่มน้ำที่เพียงพอ สามารถสังเกตได้จากสีของปัสสาวะที่ยิ่งใสยิ่งดี
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ สารเหล่านี้จะขจัดน้ำออกจากร่างกายได้มากกว่าปกติ สามารถดื่มน้ำเปล่า หรือ น้ำผลไม้ที่ไม่ผสมน้ำตาลแทนได้ ไม่เพียงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ร่างกาย ยังให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ในระหว่างที่เสียเหงื่ออีกด้วย
- สวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ เสื้อผ้าที่เหมาะ คือ เสื้อสีขาวที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติอย่างผ้าลินินหรือผ้าฝ้าย ควรมีขนาดที่ไม่พอดีตัวจนเกินไป หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีดำ เพราะจะดูดความร้อน และเสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป เพราะจะระบายเหงื่อได้ไม่ดี
- ปกป้องผิวจากแดดร้อน ก่อนออกจากบ้านควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป สวมแว่นกันแดด หรือหมวก เพื่อปกป้องผิวหนังจากแดดร้อนและรังสียูวี
- หลีกเลี่ยงแดดที่ร้อนจัด โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวันที่มีแดดจ้า เพื่อลดการเผชิญกับอากาศร้อน แสงแดด และรังสียูวีที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังและร่างกาย
- จัดบ้านให้เหมาะกับสภาพอากาศ ใช้ผ้าม่าน มู่ลี่ ม่านบังแดดรูปแบบต่าง ๆ สีอ่อน เพื่อลดการกักเก็บความร้อนได้ดีกว่าผ้าม่านสีเข้ม หรือปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้านเพื่อให้ร่มเงา






















