ประกันรถยนต์ เกราะป้องกันทางการเงินที่ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องมี!

ประกันรถยนต์ สิ่งสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยให้ความคุ้มครองทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนน

การขับรถบนท้องถนนในแต่ละวันมีโอกาสที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงมากมาย ทั้งจากอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของตนเองหรือจากผู้อื่น รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ หรือการโจรกรรม การทำประกันรถยนต์จึงเปรียบเสมือนการมีเกราะป้องกันที่ช่วยคุ้มครองและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์เหล่านี้ได้ 

ในบทความนี้ พาคุณไปทำความรู้จักเกี่ยวกับรายละเอียดของประกันรถยนต์แต่ละประเภท พร้อมเคล็ดลับในการเลือกแผนประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และเงินในกระเป๋าของคุณกัน

---

ประกันรถยนต์ คืออะไร ทำไมถึงควรทำ?

ประกันรถยนต์เป็นรูปแบบของการประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองทางการเงินแก่เจ้าของรถ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ความเสียหาย หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น รถชน ไฟไหม้ รถหาย หรือแม้แต่ความเสียหายต่อบุคคลภายนอก โดยบริษัทประกันจะช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่แจ้งเอาไว้

การมีประกันรถยนต์จะช่วยให้คุณสามารถใช้รถใช้ถนนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น อุบัติเหตุที่ทำให้รถเสียหาย หรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพียงลำพัง นอกจากนี้ ประกันรถยนต์ยังให้ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก ช่วยลดภาระทางกฎหมายและค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

ตามกฎหมายในประเทศไทยนั้น รถยนต์ทุกคันจะต้องมี พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เพื่อดูแลค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ประสบเหตุจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่วนประกันภัยภาคสมัครใจ เช่น ประกันชั้น 1, 2+, 3+ แม้ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่ก็ช่วยเพิ่มความคุ้มครองให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น การเลือกทำประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับประสบการณ์ใช้งาน จะช่วยให้คุณอุ่นใจมากขึ้นทุกครั้งที่ออกเดินทางนั่นเอง

---

ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท แต่ละประเภทคุ้มครองอะไรบ้าง?

ประกันรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ประกันรถยนต์ภาคบังคับ และประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ โดยแต่ละประเภทมีขอบเขตความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้

ประกันรถยนต์ภาคบังคับ

ประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือพ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เป็นประกันที่กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องมี เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือคนเดินถนน โดยคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ และค่าชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพเท่านั้น ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดกับตัวรถ และไม่คุ้มครองค่าซ่อมรถของผู้ขับขี่หรือคู่กรณี ซึ่งประกันรถยนต์ภาคบังคับมีอายุเพียง 1 ปีเท่านั้น และต้องต่ออายุประกันรถยนต์รูปแบบนี้ทุกปี หากไม่มีพ.ร.บ. รถยนต์หรือปล่อยให้หมดอายุ อาจถูกปรับสูงสุด 10,000 บาท และไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้

ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ

ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เป็นประกันที่เจ้าของรถสามารถเลือกทำเพิ่มเติมได้ แม้จะไม่ใช่ข้อบังคับตามกฎหมาย แต่มีความสำคัญมากในการให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้นทั้งตัวรถของคุณและคู่กรณี โดยนอกจากค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังช่วยดูแลค่าเสียหายของรถยนต์ ค่าซ่อมแซม และความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ซึ่งช่วยลดภาระทางการเงินหากเกิดอุบัติเหตุ โดยประกันรถยนต์ภาคสมัครใจมีให้เลือกหลายระดับ เช่น ประกันชั้น 1, 2+, 3+, 3 ตามงบประมาณและความต้องการส่วนบุคคล

---

ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจเลือกทำแบบไหนดีให้เหมาะกับคุณ 

ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก มาลองเทียบประกันรถยนต์แต่ละประเภทว่ามีความคุ้มครองและความเหมาะสมที่แตกต่างกันอย่างไร?

ประกันรถยนต์ชั้น 1 

ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ทั้งความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันและคู่กรณี ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่มีหรือไม่มีคู่กรณี และกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะในร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมถึงกรณีรถยนต์สูญหายหรือถูกโจรกรรม รถชน การพลิกคว่ำ ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติอื่น ๆ ข้อดีคือความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกด้าน มีค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่สูงกว่าแบบอื่น 

ประกันรถยนต์ชั้น 1 จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมและสูงสุด หรือเจ้าของรถยนต์ใหม่ รถยนต์ที่มีมูลค่าสูง หรือผู้ที่ต้องการความอุ่นใจในการขับขี่รถ

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เป็นประกันที่ให้การคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกัน เฉพาะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนกับยานพาหนะทางบกและมีคู่กรณีเป็นยานพาหนะทางบกเท่านั้น รวมถึงกรณีรถยนต์สูญหายหรือถูกโจรกรรม และความเสียหายจากไฟไหม้ ข้อดีคือค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่ถูกกว่าชั้น 1 และให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอก แต่ไม่คุ้มครองอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี 

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองในระดับปานกลาง เจ้าของรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานปานกลาง หรือผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์แต่ยังคงได้รับความคุ้มครองที่สำคัญ

ประกันรถยนต์ชั้น 3+

ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เป็นประกันที่ให้การคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนกับยานพาหนะทางบกและสามารถระบุตัวคู่กรณีได้เท่านั้น รวมถึงคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ข้อดีคือค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่ไม่สูงมากและให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมจากชั้น 3 แต่ไม่คุ้มครองอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี และความเสียหายจากรถหาย ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม

ประกันรถยนต์ชั้น 3+ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมจากประกันชั้น 3 แต่ยังคงต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ เจ้าของรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานนานแต่ยังต้องการความคุ้มครองในกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือผู้ที่ใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวันและต้องการความคุ้มครองที่คุ้มค่า

ประกันรถยนต์ชั้น 3 

ประกันรถยนต์ชั้น 3 เป็นประกันที่ให้การคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเท่านั้น ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะอุบัติเหตุรถชนรถ รถชนสิ่งของ และความเสียหายจากการถูกโจรกรรม ไฟไหม้ น้ำท่วม และภัยธรรมชาติอื่น ๆ ข้อดีคือค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่ต่ำที่สุด แต่ก็มาพร้อมกับความคุ้มครองที่ค่อนข้างจำกัด 

ประกันรถยนต์ชั้น 3 จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์และยอมรับความเสี่ยงในการซ่อมแซมรถยนต์ด้วยตนเอง เจ้าของรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานนานหรือมูลค่าต่ำ หรือผู้ที่ใช้รถยนต์ไม่บ่อยหรือใช้ในระยะทางสั้น ๆ

---

ประกันรถยนต์ สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ใช้รถทุกคน

ประกันรถยนต์เป็นสิ่งที่หลายคนอาจมองว่าเป็นภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่แท้จริงแล้ว มันคือหลักประกันความปลอดภัยที่ช่วยคุ้มครองทั้งชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อย หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจส่งผลต่อการเงินของคุณอย่างรุนแรง 

นอกจากพ.ร.บ. รถยนต์ ที่เป็นข้อบังคับตามกฎหมายแล้ว ประกันภัยภาคสมัครใจ เช่น ประกันชั้น 1, 2+, 3+, 3 ยังช่วยเพิ่มความคุ้มครองและลดความเสี่ยงทางการเงินได้มากขึ้น การมีประกันรถยนต์ภาคสมัครใจที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้แล้ว แต่ยังช่วยให้คุณสามารถขับขี่รถยนต์ได้อย่างสบายใจมากขึ้น โดยที่คุณสามารถเลือกซื้อประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการ และราคาประกันรถยนต์ตามที่คุณพึงพอใจได้เลย