14 นิสัยส่วนตัว พฤติกรรมทำให้เสียสุขภาพ เปลี่ยนพฤติกรรมเคยชิน เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต
1.ตามใจปาก ไม่หิวก็กิน
เป็นที่มาของโรคร้ายต่าง ๆ ทั้งความดันโลหิตสูง ไขมันอุดตัน เบาหวาน รวมไปถึงโรคอ้วน ทางที่ดีควรกินอาหารให้เป็นเวลา และกินให้ครบ 5 หมู่ ไม่กินขนมระหว่างมื้อ หยุดกินเมื่อเริ่มรู้สึกอิ่ม ถือคติกินไม่หมดก็ไม่เป็นไร หรือถ้าไม่อยาก หักดิบในช่วงแรกอาจทดแทนความอยากด้วยน้ำหรือธัญพืชที่มีประโยชน์แทนการกินขนม
2.ติดซีรีย์ ดูทีวีทั้งวัน
ผลวิจัยบอกว่าการดูทีวีมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน เพิ่มโอกาสการเป็นโรคเบาหวานได้ เพราะการดูทีวี หรือซีรีย์ยาวๆ มักจะมาพร้อมของกินหรือเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยแป้งและน้ำตาล ทำให้เสี่ยงโรคเบาหวาน ส่งผลให้เกิดปัญหาสายตาและอาการออฟฟิศซินโดรมหากนั่งไม่ถูกท่า ควรแบ่งช่วงเวลาการดูทีวีตามสูตร 2/30 คือ ดูทีวี 2 ชั่วโมงแล้วไปออกกำลังกาย 30 นาที ระหว่างที่ดูทีวีห้ามกินเด็ดขาด ทำได้แค่ดื่มเปล่าเท่านั้น
3.ไม่กินอาหารเช้า
หากพลาดมื้อเช้าจะรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ หากไม่สะดวกกินเป็นมื้อ ๆ ควรมีนม โยเกิร์ต ธัญพืชกรอบ ติดบ้านไว้เป็นมื้อเช้าอย่างง่าย ๆ
4.กินไปทำงานไป
หลายคนติดนิสัยกินข้าวไปด้วยทำงานไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องแถมยังทำร้ายร่างกายโดยไม่รู้ตัว เปลี่ยนมากินข้าวอย่างตั้งใจโดยปราศจากสิ่งรบกวน การทำแบบนี้จะทำให้อิ่มท้องได้นานกว่าการกินไปทำงานไป ถึง 30 นาที
5.โมโหง่ายกับทุกเรื่อง
เมื่อโมโหร่างกายจะปล่อยฮอร์โมน และกระตุ้นความต้องการน้ำตาลออกมา พฤติกรรมนี้ ทำให้เกิดความเสี่ยงโรคต่าง ๆ มากมาย ควรหากิจกรรมที่ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นเป็นการช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้
6.ไม่ทาครีมกันแดด
การทาครีมกันแดดค่า spf 15 หรือสูงกว่าสามารถลดความเสี่ยงของเซลล์มะเร็งผิวหนังได้ถึง 40-50% ควรทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกจากบ้าน เพราะรังสียูวีจากพระอาทิตย์อยู่ในทุกหนแห่ง มันสามารถทะลุผ่านกระจกรถ หน้าต่างบ้านของคุณ และสามารถทำร้ายผิวหนังได้แม้ตอนที่อากาศไม่ร้อน
7.อดนอน
การนอนน้อยสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย อย่างเช่น ความดันโลหิตสูง เนื้อเยื่อถูกทำลาย ติดเชื้อ โรคเบาหวาน โรคเครียด โรคหัวใจ และโรคอ้วน ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงจนอาจกระทบอาชีพการงานหรือการขับขี่ได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรหาอะไรทำก่อนนอนเพื่อผ่อนคลายกายใจ อย่างเช่น แช่อ่างอาบน้ำ ไม่กินกาเฟอีนและแอลกอฮอล์เวลาใกล้เข้านอน ลงทุนซื้อหมอนและฟูกนอนที่มีคุณภาพ กำหนดเวลานอนให้เหมือนเดิมทุกวัน เพื่อให้สมองและร่างกายได้เติมพลังและเยียวยาตัวเองอย่างเต็มที่
8.ดื่มกาแฟเป็นสิ่งแรกเมื่อตื่นนอน
การดื่มกาแฟเป็นสิ่งแรกเมื่อตื่นนอนจะทำให้ร่างกายกระหายน้ำยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่อดข้าวอดน้ำมาหลายชั่วโมงระหว่างที่นอนหลับ ควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำเปล่าหลาย ๆ แก้ว แล้วค่อยพุ่งไปยังเครื่องทำกาแฟดีกว่า
9.วินิจฉัยโรคเองด้วย Google
เวลาที่เสิร์ชข้อมูลวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยของตัวเอง อาจทำให้เกิดความกังวลหนักกว่าเดิม จนตีโพยตีพายไปว่าตัวเองเป็นโรคร้ายแรงที่เสิร์ชเจอ ทำให้ไม่ได้รักษาอาการที่เป็นอย่างถูกต้องหรือทันเวลา
10.ไม่รักษาความสะอาดของแปรงสีฟัน
หลายคนมักทิ้งแปรงสีฟันไว้ในห้องน้ำเฉย ๆ โดยไม่รู้ว่าแบคทีเรียสามารถลอยขึ้นมาในอากาศกับละอองน้ำจากชักโครกและไปเกาะอยู่บนแปรงสีฟัน ควรเปลี่ยนแปรงทุก 3-4 เดือน และเก็บแยกต่างหากในกล่องเพื่อไม่ให้ปนเปื้อนเชื้อโรคในห้องน้ำ
11.ส่องกระจก แล้วพูดไม่ดีกับตัวเอง
การกระทำแบบนั้นจะทำให้ขาดการยอมรับนับถือในตัวเอง ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้บอกว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะยืนอยู่หน้ากระจก แล้วดึงนั่นจับนี่ให้เข้าที่เข้าทางพร้อม ๆ กับพูดกับตัวเองไปด้วย และหลายครั้งที่อาจเผลอดูถูกตัวเอง ซึ่งไม่ส่งผลดี เพราะสมองจะจดจำสิ่งที่พร่ำบอกกับตัวเอง แล้วเชื่อว่าเป็นไปตามนั้นโดยปริยาย
12.พกกระเป๋าสตางค์ไว้ตรงกระเป๋าหลัง
การนั่งทับกระเป๋าสตางค์ตุง ๆ ไว้เป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้รู้สึกปวดหลัง เจ็บสะโพก หรือมีอาการเจ็บปวดที่ลามไปถึงหลังส่วนบนและไหล่ได้ อาจทำให้ระบบประสาทในบริเวณหลังส่วนล่างและขาเกิดการแปรปรวนได้ ปล่อยกระเป๋าหลังให้ว่าง โดยพกกระเป๋าสตางค์ไว้ในกระเป๋าหน้าหรือกระเป๋าถือแทน
13.ทายาทาเล็บโดยไม่มีการระบายอากาศ
งานวิจัยของมหาวิทยาลัยดุ๊ค (Duke University) พบว่า การทายาทาเล็บจะทำให้เกิดสารพิษบางอย่างซึมเข้าสู่ร่างกาย และไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมน งานวิจัยอีกมากมายที่ระบุว่า การสูดเอากลิ่นยาทาเล็บเข้าไปก็เป็นภัยต่อร่างกายเพราะในยาทาเล็บ มีส่วนผสมที่เป็นสารพิษอยู่มากมาย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ อาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ อย่างเช่น มะเร็ง โรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ และเกิดสารพิษทางระบบประสาทและสมอง ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะให้ใช้ยาทาเล็บของแบรนด์ที่ไว้ใจได้ และควรทาเล็บในสถานที่โล่งแจ้ง ไม่ใช่ในห้องอับ ๆ ของร้านทำเล็บ
14.กลั้นตด
การผายลมเป็นอะไรที่ดีต่อสุขภาพ จะช่วยระบายก๊าซเสียออกจากร่างกาย ถ้ากลั้นตดเอาไว้จะทำให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย อาการแสบร้อนกลางอก อาจทำให้ความดันเลือดพุ่งสูงขึ้น และหัวใจเต้นเร็วขึ้นด้วย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ปล่อยลมออกมาทันทีที่รู้สึกอยากระบายแก๊ส เวลากินอะไรก็อย่าลืมเคี้ยวให้ช้า ๆ จะได้ลดปริมาณลมที่จะเข้าไปอยู่ในกระเพาะอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีก๊าซเยอะหรือก่อให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหารด้วย
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
ช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรก
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
ดีลอาวุธยักษ์สหรัฐฯ–ไต้หวัน กับสัญญาณเตือนที่ส่งตรงถึงปักกิ่ง
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
ปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นาย
"ฮุน เซน" เมินเก็บศพทหารเขมร ปล่อยทิ้งขึ้นอืดตามแนวชายแดน กลิ่นคละคลุ้ง
ภาพวาดแผ่นเดียว ครูต้องรีบแจ้งแม่ให้พาไปหาหมอ ด่วน!!!








