ผักที่ได้ชื่อว่าเป็น “โสมคนจน” ตัวช่วยลดน้ำหนัก ป้องกันโรคหัวใจ-เบาหวาน-มะเร็ง
รู้หรือไม่? “แครอท” ผักที่ได้ชื่อว่าเป็น “โสมคนจน” ตัวช่วยลดน้ำหนัก ป้องกันโรคหัวใจ-เบาหวาน-มะเร็ง
ในหมู่ผักที่อุดมไปด้วยสารอาหาร "แครอท" ถือเป็นผักชนิดหนึ่งที่สามารถหาซื้อได้ง่ายตามตลาดทุกแห่ง และมักปรากฏอยู่ในมื้ออาหารของทุกครอบครัว ซึ่งแท้จริงมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิด ถึงกับได้รับการเรียกว่า "โสมของคนจน" เพราะหาซื้อง่าย ราคาถูก และอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีสรรพคุณในการบำบัดโรค ไม่ว่าจะรับประทานสดหรือนำไปปรุงเป็นเมนูต่างๆ ก็ได้รับความนิยม เนื่องจากรสชาติหวานอมเปรี้ยวที่ทานง่าย
ทั้งนี้ นอกจากประโยชน์ต่อสุขภาพที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว แครอทยังมีคุณประโยชน์ที่น่าประหลาดใจที่เราทุกคนควรรู้
ประโยชน์ยอดเยี่ยมต่อการมองเห็น
ตั้งแต่เด็กๆ เราคงเคยได้ยินคำเตือนที่ว่า "กินแครอทให้เยอะจะได้ตาดีๆ" และมันไม่ใช่แค่คำกล่าวเล่นๆ เพราะแครอทเป็นอาหารที่ช่วยให้ดวงตาของเราดีขึ้นจริงๆ ตามข้อมูลจาก Health แครอทมีวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อปกป้องเซลล์ อีกทั้งยังสามารถช่วยป้องกันมะเร็ง การเสื่อมของจุดรับภาพตามอายุ และโรคหัดได้อีกด้วย หากขาดวิตามินเอจะทำให้เกิดอาการตาแห้ง และอาจทำให้การมองเห็นแย่ลง รวมถึงอาจเกิดอาการตาบอดกลางคืน
ช่วยลดน้ำหนัก
นอกจากไฟเบอร์แล้ว แครอทยังมีปริมาณน้ำสูง โดยเฉพาะในแครอทหนึ่งหัวมีน้ำถึง 88% ด้วยเหตุนี้เมื่อทานแครอทจะช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน และลดปริมาณอาหารที่ทานเข้าไป ตามการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร Nutrients เมื่อปี 2021 พบว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผักชนิดอื่นๆ แครอทที่มีแคลอรี่ต่ำสามารถช่วยลดดัชนีมวลกาย (BMI) และลดอัตราการเป็นโรคอ้วนได้มากกว่า นอกจากนี้ ไฟเบอร์ในแครอทยังช่วยลดความเสี่ยงจากอาการท้องผูก และการศึกษาบางชิ้นได้แสดงให้เห็นว่าช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วย
ป้องกันโรคเบาหวาน
แม้ว่าแครอทจะมีน้ำตาลสูงกว่าอาหารชนิดอื่นๆ แต่ก็มีคุณสมบัติต้านเบาหวาน ซึ่งได้รับการยืนยันในงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Food and Nutrition Sciences โดยกล่าวว่าคนที่มีระดับคาโรทีนอยด์ต่ำ (สารสีส้มในแครอท) จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคาโรทีนอยด์สามารถช่วยควบคุมโรคเบาหวานได้ อีกทั้งไฟเบอร์ละลายน้ำในแครอทยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลินหลังจากทานอาหาร แครอทสดหรือนึ่งก็มีดัชนีน้ำตาลต่ำ จึงช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานที่มั่นคง
ลดความเสี่ยงจากมะเร็ง
สารต้านอนุมูลอิสระในแครอทที่เรียกว่าเบต้า-แคโรทีน (Beta-carotene) ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และโรคมะเร็งเม็ดเลือด นอกจากนี้ แครอทยังมีคาโรทีนอยด์อีกชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม และยังช่วยเสริมสุขภาพหลอดเลือด และป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วย
ลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ
นอกจากแครอทจะมีไฟเบอร์แล้ว ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระหลักๆ อย่างคาโรทีนอยด์ โพลีแอซีทิลีน และวิตามินซี ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ปริมาณโพแทสเซียมที่สูงในแครอทยังช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต โดยการขจัดโซเดียมส่วนเกิน ซึ่งการมีระดับโซเดียมในร่างกายสูง เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ความดันโลหิตสูง ตามรายงานที่เผยแพร่ในวารสาร Foods ปี 2019 สารฟีนอลิกในแครอทช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอลในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ
ปรับปรุงผิวพรรณ
แครอทมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างคาโรทีนอยด์และวิตามินซี ซึ่งช่วยขจัดสิ่งสกปรกภายนอก และปกป้องผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ วิตามินซีในแครอทยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งช่วยให้ผิวของเรามีความยืดหยุ่นและดูอ่อนเยาว์
เสริมสร้างสุขภาพสมอง
สารธรรมชาติในแครอทได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีคุณสมบัติต้านการอักเสบ หนึ่งในนั้นคือลูทีน (Lutein) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องจอตาจากการเสื่อมสภาพ และยังมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง การศึกษาปี 2021 ที่เผยแพร่ใน Nutrients พบว่าลูทีนมีประโยชน์ต่อสุขภาพสมองของผู้สูงอายุ