งูปล้องทอง งูพิษอ่อนอีกชนิดหนึ่ง ที่พบได้เรื่อยๆ ในไทยเราเด้อครับเด้อ โดยเฉพาะทางภาคใต้
งูปล้องทอง (Scientific Name: Boiga dendrophila) เป็นงูขนาดกลางที่มีความยาวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.4–2.7 เมตร (8–9 ฟุต) ลำตัวของงูชนิดนี้มีสีดำเป็นมันและมีวงสีเหลืองที่พาดขวางเป็นระยะ ๆ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่ทำให้มันมีความโดดเด่นทางด้านการพรางตัว แม้ว่าวงเหลืองจะไม่ต่อเนื่องรอบตัว แต่ยังคงสร้างลวดลายที่สามารถช่วยให้มันกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่มีพืชพรรณหนาแน่น หัวของงูมีสีดำ และปากมีลายเสือที่ชัดเจน ส่วนท้องของมันมีเขี้ยวพิษใต้ตาที่ช่วยในการป้องกันตนเองจากผู้ล่าหรือศัตรู
พฤติกรรมและการป้องกันตัว
งูปล้องทองมีนิสัยค่อนข้างดุร้าย เมื่อมันรู้สึกถูกคุกคามหรือเข้าใกล้ จะมีพฤติกรรมเตรียมตัวฉกทันทีโดยการงอพับตัวและแผ่หนังคอทางตั้งเพื่อขยายตัวให้ดูใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังสามารถอ้าปากกว้างเพื่อข่มขู่ศัตรูให้หลีกเลี่ยงการเข้ามาใกล้ แม้จะดูน่ากลัวและอันตราย แต่ในความเป็นจริง การถูกฉกจากงูปล้องทองในบริเวณปลายปากนั้นมักจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง นักวิทยาศาสตร์พบว่าอาการที่เกิดขึ้นจะเป็นแค่การปวดบวมบริเวณที่ถูกกัด โดยไม่ปรากฏเป็นแผลเป็นหรือการติดเชื้อที่รุนแรง ซึ่งแตกต่างจากงูพิษบางชนิดที่มีพิษรุนแรงถึงชีวิต
ถิ่นอาศัยและการกระจายพันธุ์
งูปล้องทองพบได้ในแหล่งที่อยู่อาศัยที่หลากหลายโดยเฉพาะในเขตป่าริมแม่น้ำและบริเวณชายทะเลทางภาคใต้ของประเทศไทย เช่น จังหวัดระนอง, ชุมพร, สตูล, ยะลา, ปัตตานี, ตรัง และนราธิวาส นอกจากนี้ยังพบงูชนิดนี้ในประเทศมาเลเซียและฟิลิปปินส์ โดยจะเลือกอาศัยตามพุ่มไม้หรือโขดหินในช่วงกลางวันเพื่อหลบซ่อนตัวจากความร้อนของแสงแดด และจะออกหากินในเวลากลางคืนเมื่ออุณหภูมิที่เย็นลง
อาหารและการล่าเหยื่อ
งูปล้องทองเป็นสัตว์กินเนื้อที่กินอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น หนู, นก, ตุ๊กแก, กิ้งก่า และปลา โดยจะล่าเหยื่อในเวลากลางคืนโดยใช้วิธีการล่าแบบซุ่มโจมตีหรือการใช้วิธีขดลำตัวและรอจังหวะเพื่อเข้าจู่โจมเหยื่อที่เดินผ่านไป
ความสำคัญทางนิเวศวิทยา
งูปล้องทองมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของป่าและพื้นที่ชายฝั่งทะเล โดยช่วยควบคุมจำนวนประชากรของสัตว์ฟันแทะและแมลงที่อาจทำลายพืชพรรณในธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นสัญญาณของความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ที่มันอาศัยอยู่
สรุป
งูปล้องทองเป็นสัตว์ที่น่าสนใจในแง่ของพฤติกรรมการป้องกันตัวและการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมที่มันอาศัยอยู่ แม้จะเป็นงูพิษ แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตเหมือนงูพิษชนิดอื่น ๆ การศึกษาพฤติกรรมและลักษณะของมันจึงเป็นประโยชน์ในการเข้าใจถึงการปรับตัวในธรรมชาติและการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน