พลังแห่งอ้อมกอด กอดกันวันละ 8 ครั้ง ชาร์จพลังบวก เยียวยาโรคภัย
การกอด คือ การแสดงความรักเป็นภาษากายที่ใช้ในการทักทายและบอกลาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย การกอดนั้นมากกว่าการเป็นสื่อแสดงความรัก เพราะการกอดสามารถเรียก “พลัง” ในขณะที่ร่างกายเรากำลังหมดแรง รู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ หรือเศร้าใจ การได้กอดดี ๆ จากคนที่เรารักจะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบตให้เต็มอีกครั้ง
นักจิตบำบัด Virginia Satir กล่าวว่า “มนุษย์เราต้องการ 4 กอดต่อวันเพื่อความอยู่รอด เราต้องการ 8 กอดต่อวันสำหรับการบำรุงรักษา เราต้องการการกอด 12 ครั้งต่อวันเพื่อการเติบโต”
การกอดที่ได้ผลสำหรับการบำบัดโรคนั้น ระบุว่าต้องกอดกันเป็นเวลานาน 20 วินาทีขึ้นไป เพื่อให้ฮอร์โมนออกซิโทซิน (oxytocin) ในร่างกายถูกปลดปล่อยพลังบวกออกมาที่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและลดความเครียด โดยสมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) จะผลิตสารเคมีที่เรียกว่า ออกซิโทซิน (Oxytocin) หรือฮอร์โมนแห่งความรัก ซึ่งปล่อยออกมาจากต่อมใต้สมอง ทำให้รู้สึกอบอุ่น รู้สึกดี นอกจากนี้ยังกระตุ้นการทำงานของฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง ทำให้ลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายได้ดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า แข็งแรง สุขภาพดี ช่วยรักษาภาวะซึมเศร้า และลดความเครียดได้
สำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพจะมีการหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียดออกมามาก เพราะผู้ป่วยมักคิดว่าตัวเองโดดเดี่ยว เมื่อฮอร์โมนหลั่งออกมามากเท่าไรก็จะยิ่งทำลายระบบภูมิคุ้มกันทำให้สุขภาพแย่ลงเท่านั้น ดังนั้นการกอดจึงเป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลดอาการทางจิตใจเหล่านี้ได้
ประโยชน์ของการกอดมาช่วยบำบัดรักษาโรค ในแต่ละวันเราควรจะกอดกันให้ได้ 8 ครั้ง เพื่อส่งพลังบวกไปรักษาโรคต่าง ๆ ดังนี้
1.การกอดลดอาการซึมเศร้า เมื่อเรากอดกัน ร่างกายจะหลั่ง “เซโรโทนิน” Serotonin หรือ “ฮอร์โมนรู้สึกดี" เมื่อเซโรโทนินไหลเวียนไปตามร่างกาย จะรู้สึกผ่อนคลายและเกิดความมั่นใจมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพายาแก้ซึมเศร้า
2.การกอดช่วยลดความเครียด นักวิจัยบางคนเชื่อว่าการกอดและการสัมผัสระหว่างบุคคลอื่น ๆ สามารถเพิ่มฮอร์โมนออกซิโทซิน oxytocin เพียงแค่กอดกันทุกวัน ทำให้สมองสามารถผลิตสารเคมีเพื่อการผ่อนคลาย ช่วยให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
3.การกอดยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ทุกครั้งเมื่อรู้สึกเครียด จะมีผลทำให้เราอ่อนแอต่อการเจ็บป่วยได้มากขึ้น การศึกษาชิ้นหนึ่ง พบว่า คนที่ถูกกอด และรู้สึกว่าได้รับความรัก ความอบอุ่น ส่งผลให้อาการเจ็บป่วยที่รุนแรงบรรเทาลง
4.การกอดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใหญ่ การสัมผัสทางกายและการกอด สามารถต่อสู้กับความรู้สึกเหงาที่เกิดขึ้นเมื่อคนเราอายุมากขึ้น ที่บ้านพักคนชราแห่งหนึ่งในนิวยอร์กได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับโครงการที่เรียกว่า "Embraceable You" คือ การส่งเสริมให้เกิดการการสัมผัสทางกายและการกอด เพื่อให้สามารถต่อสู้กับความรู้สึกเหงาที่เกิดขึ้นเมื่อคนเราอายุมากขึ้น ผลสรุป พบว่า คนชราที่สัมผัสหรือกอดวันละ 3 ครั้งขึ้นไป มีพลังงานมากขึ้น ความรู้สึกหดหู่น้อยลง ช่วยให้มีสมาธิและนอนหลับพักผ่อนได้ดีกว่าคนที่กอดน้อยกว่า
5.การกอดทำให้หลับสบาย การกอดที่มีปฏิสัมพันธ์กับการนอนหลับสบาย พิสูจน์ได้จากการได้กอดคู่รัก ในขณะนอนหลับที่ถ่ายทอดความอบอุ่นให้กันและกัน ทำให้หลับสบายได้ตลอดทั้งคืน ขณะที่กอดกันร่างกายจะปล่อยสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารชีวเคมีชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้น มีคุณสมบัติต่อระบบประสาท ทำให้สงบและร่างกายสามารถเข้าสู่การนอนหลับพักผ่อนได้มากขึ้น
6.การกอดสามารถทำให้มีสติและสมาธิ ท่านอาจารย์ Thich Nhat Hanh พระอาจารย์แห่งนิกายเซน ได้ทำการทดลองการทำสมาธิด้วยการกอด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้เพิ่มการรับรู้และการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าการกอดจะเพิ่มความสุขและการทำสมาธิแบบง่าย ๆ ในการรวมสติกับฮอร์โมนออกซิโทซินที่มีประสิทธิภาพ
7.การกอดสามารถลดความกลัวได้ การศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างความกลัว และความภาคภูมิใจในตนเอง โดยเชื่อมโยงระหว่างการสัมผัสของมนุษย์ด้วยการกอด พบว่า ผู้เข้าร่วมทดลองมีแนวโน้มเรื่องความวิตกกังวลน้อยลงต่อการเสียชีวิตเมื่อถูกสัมผัสเบา ๆ หรือกอด
8.การกอดอาจทำให้ความดันโลหิตลดลง มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาได้ทำการศึกษากับผู้หญิง 59 คน พบผลลัพธ์ที่น่าสนใจว่า ผู้หญิงที่ได้กอดกับคู่รักนาน 20 วินาที จะมีความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจลดลงในระหว่างการทดสอบ
การกอดเป็นมากกว่าแค่คำทักทายที่แสดงความรัก เป็นยาที่ทรงพลังสำหรับบำบัดอาการเจ็บป่วย ถ้าได้กอดทุก ๆ วันชีวิตจะห่างไกลจากแพทย์ ถึงการกอดจะดีสักแค่ไหน ก็ควรใส่ใจเรื่องสุขอนามัยด้วย