ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับการช่วยตัวเอง
1.ผู้ชายช่วยตัวเองได้เท่านั้น งานวิจัยหลายชิ้น พบว่า เด็กผู้ชายมักช่วยตัวเอง มากกว่า เด็กผู้หญิง โดยคิดเป็นเด็กผู้ชายประมาณ 3 ใน 4 ต่อจำนวนเด็กผู้หญิงประมาณ 1 ใน 2 อย่างไรก็ตาม ทั้งผู้หญิง และผู้ชายก็สามารถสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองได้
2.พ่อแม่ควรห้ามไม่ให้ลูกช่วยตัวเอง วัยรุ่นที่มีความอยากรู้อยากเห็น และเกิดความต้องการทางเพศ หากพ่อแม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศในแง่ลบ เด็กอาจรู้สึกผิดหรือละอาย เมื่อต้องช่วยตัวเอง เพื่อสนองความต้องการทางเพศ พ่อแม่ควรเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง และให้คำแนะนำกับลูกเกี่ยวกับการช่วยตัวเองเมื่อถึงช่วงวัยอันควรอย่างเหมาะสม
3.การช่วยตัวเองส่งผลต่อจำนวนอสุจิ และ การมีลูก ผู้ชายที่ช่วยตัวเองจะไม่มีปัญหาเรื่องจำนวนอสุจิลดลง หากยังผลิตอสุจิออกมาได้เรื่อย ๆ โดยหลังจากที่หลั่งอสุจิแล้ว อาจใช้เวลาสักพักถึงหลั่งอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เกิดความผิดปกติใด ๆ เช่นเดียวกับผู้หญิงที่ช่วยตัวเอง การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศ หรือทำให้มีลูกยากแต่อย่างใด
4.ผู้หญิงที่ช่วยตัวเองมีแนวโน้มจะมีคู่นอนมากกว่าหนึ่งคน การช่วยตัวเองไม่ได้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าจะมีพฤติกรรมรักสนุก มีคู่นอนหลายคน หรือมีแนวโน้มนอกใจคู่รักของตัวเอง
5.การช่วยตัวเองส่งผลต่อการมีรอบเดือนของผู้หญิง ปัญหารอบเดือนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจากความเครียด การออกกำลังกายหนัก น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยกว่าเกณฑ์ การใช้ยาคุมกำเนิด และโรคประจำตัวอย่างเช่น โรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) โรคไทรอยด์ และโรคเบาหวาน การสำเร็จความใคร่จึงไม่ได้ส่งผลต่อประจำเดือน หรือสมรรถภาพทางเพศของผู้หญิง
6.ผู้ที่ช่วยตัวเองอาจป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การช่วยตัวเองเป็นวิธีสำเร็จความใคร่ที่ไม่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ต่างจากการร่วมเพศกับคู่นอนโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัยป้องกัน มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคนหรือคู่นอนเคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคได้
7.ผู้หญิงที่ช่วยตัวเองจะไม่รู้สึกมีความสุขกับการสอดใส่ ความจริงแล้วการช่วยตัวเองกลับช่วยให้ได้เรียนรู้วิธีเติมเต็มความสุขทางเพศให้กับตัวเอง ซึ่งอาจจะช่วยให้ผู้หญิงมีความสุขมากขึ้นเมื่อต้องร่วมเพศกับคู่นอน
8.การช่วยตัวเองก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกาย และสุขภาพจิต สิ่งที่ผู้คนทั่วไปกังวลเกี่ยวกับการช่วยตัวเอง คือ ความถี่ หรือความบ่อยของการทำกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งระดับความถี่ในการช่วยตัวเองที่ถือว่าปกตินั้น มีตั้งแต่ช่วยตัวเองทุกวันไปจนถึงไม่ช่วยตัวเองเลย ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละคน ความถี่ในการช่วยตัวเองของแต่ละคนจึงไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวลนักหากไม่ได้นำไปสู่โรคย้ำคิดย้ำทำ หรือ หมกมุ่นจนเกินไป
9.ผู้ที่ช่วยตัวเองมักมีพฤติกรรมทางเพศผิดปกติ สังคมบางแห่งได้ปลูกฝังผู้คนว่าการช่วยตัวเองเป็นเรื่องผิด และไม่ถูกต้องทางศีลธรรม จึงอาจรู้สึกผิดเมื่อรู้สึกพึงพอใจกับการช่วยตัวเอง รวมทั้งอาจมีความเข้าใจผิดว่าการช่วยตัวเองส่งผลเสียต่อสุขภาพซึ่งไม่เป็นความจริง
10.การช่วยตัวเองหลายครั้ง ถือว่าผิดปกติ ความถี่ในการช่วยตัวเองขึ้นอยู่กับแต่ละคน หากช่วยตัวเองมากกว่า 1 ครั้ง/วัน และสุขภาพยังแข็งแรงดีอยู่ และไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หรือมากเกินไป แต่หากการช่วยตัวเองส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวัน งาน ความสัมพันธ์ อย่างเช่น ไม่อยากมีอะไรกับคู่รัก ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อขอคำปรึกษา
11.ช่วยตัวเอง แสดงว่าไม่พึงพอใจในความสัมพันธ์ ความจริงแล้วผู้ชายส่วนใหญ่มักช่วยตัวเองได้ในทุกสถานะของชีวิต ไม่ว่าจะโสด มีปัญหากับคู่รัก เครียด หรือมีความสุข ผู้ชายบางคนอาจช่วยตัวเองเพื่อบรรเทาความเครียด ทำให้สมองปลอดโปร่งก่อนเริ่มทำงาน หรือเพื่อให้นอนหลับสบาย
12.การช่วยตัวเอง เป็นเรื่องน่าอาย การช่วยตัวเองถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นความรู้สึกทางเพศที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์ ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด หรือรู้สึกอายเวลาช่วยตัวเอง เนื่องจากการรู้สึกผิดเวลาช่วยตัวเองอาจทำให้มองตัวเองในแง่ลบจนส่งผลต่อสุขภาพจิตได้ ตราบใดที่การช่วยตัวเองยังเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต หรือสร้างความเสียหายให้ตนเองและผู้อื่น
13.แต่งงานแล้ว ห้ามช่วยตัวเอง คนที่มีสามีภรรยาแล้วก็จะเข้าใจความรู้สึกเวลามีเพศสัมพันธ์ แต่หลายครั้งที่คนเราอาจต้องการเวลาส่วนตัว ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ความรักมีปัญหา บางครั้งการช่วยตัวเองอาจทำไปเพื่อบรรเทาความเครียด ต้องการรู้สึกดีขึ้นโดยที่ไม่ต้องการรบกวนเวลาของอีกฝ่าย
อ้างอิงจาก: https://hellokhunmor.com/สุขภาพทางเพศ/เคล็ดลับเรื่องบนเตียง/การช่วยตัวเอ
ง-ความเข้าใจผิด/
https://www.pobpad.com/การช่วยตัวเอง