สกินชิพ Skinship ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ 5 ประโยชน์ของการสกินชิพ
สกินชิพ (Skinship) คือ การแสดงความรักผ่านการสัมผัสทางร่างกายที่สร้างความรู้สึกดี อบอุ่น ปลอดภัย เสริมสร้างความผูกพัน กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
คำว่า ‘Skinship’ เป็นคำที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ มาจากการผสมระหว่างคำว่า Skin (ผิวหนัง) และ Relationship (ความสัมพันธ์) เริ่มต้นที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เดิมคำว่า Skinship หรือที่เรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า Wasei-eigo นั้น ใช้เฉพาะกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก แต่ปัจจุบันได้ขยายความหมายครอบคลุมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและคู่รักด้วย
5 ประโยชน์ของการสกินชิพ
1.ช่วยปลอบประโลมจิตใจ ในยามไม่สบายใจได้
มีงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับการสัมผัสร่างกายที่บ่งบอกว่ามีผลกระทบต่อการพัฒนาการ อย่างเช่น การที่เด็กกำพร้าในประเทศโรมาเนียที่ถูกกีดกันจากการสัมผัส จะมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลและการพัฒนาการเจริญเติบโตที่ ต่ำกว่า เด็กที่ได้รับการสัมผัสในวัยเดียวกัน ทำให้เด็กมีอารมณ์ก้าวร้าว หงุดหงิด และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ไม่ค่อยดี
ทารกแรกเกิดที่ได้รับความอบอุ่นจากแม่อย่างเต็มที่ผ่านการสัมผัสจะทำให้ช่วยควบคุมอุณหภูมิ ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ควบคุมการหายใจของทารกแรกเกิด และลดอาการร้องไห้ได้
2.ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
การกอด จะทำให้ร่างกายจะปล่อยสารออกซิโทซิน (oxytocin) เป็นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกสบายตัว และทำให้รู้สึกปลอดภัยออกมา ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันได้
จากการศึกษาของนักจิตวิทยาและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน สหรัฐอเมริกา พบว่า การกอดเป็นรูปแบบหนึ่งของการสัมผัสที่สามารถเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้ ช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจและทำให้ความดันโลหิตลดลง ทำให้หลับสบายขึ้นด้วย
3.ช่วยให้สุขภาพจิตและสุขภาพกายดีขึ้น
ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดที่คลอบคลุมในร่างกาย ประกอบไปด้วยเส้นประสาทหลายส่วนที่สามารถส่งความรู้สึกจากการสัมผัสที่ทั้งดีและไม่ดีไปยังสมอง เมื่อได้รับการสัมผัสที่ถูกใจและปลอดภัย อย่างเช่น การกอด การตบไหล่ หรือการจับมือ สมองจะหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซิน ทำให้รู้สึกดีและกระชับความผูกพันทางอารมณ์ได้ การสัมผัสยังช่วยลดความวิตกกังวลและความกลัว ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้
ในทางตรงกันข้ามหากร่างกายขาดการสัมผัส อาจเกิดภาวะ Touch Starvation หรือ Skin Hunger ซึ่งก่อให้เกิดความเครียด วิตกกังวล และภาวะหดหู่ เมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะนี้ จะมีการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ความตึงของกล้ามเนื้อ และอัตราการหายใจเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันและระบบย่อยอาหาร รวมถึงอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ในระยะยาวอีกด้วย
4.ช่วยเพิ่มความสนิทสนมและไว้ใจ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
ในชีวิตเจอแต่เรื่องที่ Toxic ยิ่งทำให้เหนื่อยมากกว่าเดิม การมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่ดี เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข การ Skinship ช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนออกซิโตซิน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะฮอร์โมนที่ส่งเสริมความผูกพันและเสริมความสัมพันธ์ทางอารมณ์ระหว่างบุคคล ทำให้การเข้าใจกันกับผู้อื่นเป็นไปได้ง่ายขึ้น ในบางวัฒนธรรมที่มีการใช้การสัมผัส อย่างเช่น การจับมือ การกอด เป็นการทักทายกันตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เอื้อต่อการเปิดใจพูดคุย และนำไปสู่การสร้างความสนิทสนมได้อย่างรวดเร็ว
5.ทำให้รู้สึกสงบและปลอดภัย
การสัมผัสช่วยให้สมองหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและสงบ เนื่องจากหัวใจจะเต้นช้าลง จากผลการศึกษาคลื่นสมองโดยใช้เครื่อง PET Scan พบว่า ตอนที่คนเราที่มีความเครียด การสัมผัสโดยการจับมือ จะทำให้คลื่นสมองสงบลง ผลทดลองนี้ยิ่งดีขึ้นถ้าเป็นการสัมผัสจากคนที่เรารู้สึกรัก แม้แต่กับคนแปลกหน้าก็ยังตอบสนองในแง่บวกเช่นกัน อย่างเช่น แพทย์กับคนไข้ หรือพยาบาลกับผู้ป่วยที่แอดมิทอยู่ในโรงพยาบาล
การสกินชิพสามารถลดความเจ็บปวดได้ อย่างเช่น การนวดให้คนรักเมื่อเขารู้สึกปวดศีรษะ หรือร่างกาย เพราะจะทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกสงบ แม้แต่การทำเล็บ หรือทำสปา ก็เป็นการ Skinship ที่ทำให้ร่างกายรู้สึกสงบและปลอดภัยได้เช่นเดียวกัน