ทำไมเพื่อนสมัยมัธยมจึงคบกันนาน!
สวัสดีครับ ในกระทู้นี้ขอแบ่งปันเรื่องราวในช่วงวัยมัธยมเกี่ยวกับเพื่อนๆ กันนะครับ
“ทำไมเพื่อนสมัยมัธยมจึงคบกันนาน” นี่คือสิ่งที่หลายคนสงสัยมายาวนาน เพื่อนไหนๆ ก็ไม่สนิทเท่าเพื่อนที่เรียนสมัยอยู่มัธยม มาดูกันครับว่าเพราะอะไร ?
1.ไม่มีเปลือก
มีแต่ตัวตนจริงๆ ใครเป็นใคร..อย่างไร..เห็นกันหมดใครเรียนเก่ง ใครอ่อน ใครโง่ ฉลาด ขยัน ขี้เกียจ แม้กระทั่งพ่อแม่เป็นใคร มีสตางค์หรือไม่มี รู้กันหมด ไม่ต้องมาทำฟอร์มใส่กัน
2.ไม่มีผลประโยชน์
เพื่อนสมัยมัธยม ไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง คบกันได้เพราะเหมือนๆกัน ไม่ใช่เพราะจะพึ่งพาอะไรกันมากมาย อย่างดีก็แค่ “ขอลอกการบ้านหน่อย” พอเอาไปส่งครู ตอบผิดด้วยกันทั้งคู่เลยก็มีบ่อยๆ เพราะไปลอกของมัน ดีมั๊ยดี ทำเองยังอาจจะถูกบ้างบางข้อ
3.รู้จักกันถึงพ่อ ถึงแม่ ถึงพี่น้อง บ้านช่อง รู้ใส้ รู้พุงกันหมด
สนิทกับแบบไม่มีอะไรปิดกั้น สนิทกันขนาดเรียกชื่อเพื่อนเป็นชื่อพ่อมัน จนกระทั่งเรียนจบก็มี บางทีเรียกชื่อมัน(ซึ่งเป็นชื่อพ่อเพื่อน) พ่อมันขานเราก็มี เพราะพ่อมันนึกว่าเรียกเขา ที่ดีคือ เพื่อนมันไม่เคยโกรธเลย
4.หัดจีบสาวพร้อมๆกัน
ด้วยลีลาที่นึกถึงทุกวันนี้ยังเกิดคำถามกับตัวเองว่า ”ทำไปได้ยังไง” แต่ก็เป็นการจีบแบบใสๆซื่อๆ ทั้งๆที่รู้ว่า จีบไปก็เท่านั้น เล่ากันเมื่อไหร่ ก็ฮากันเมื่อนั้น บางทีนึกดีใจด้วยซ้ำ ที่ไม่จีบเป็นจริงเป็นจังจนขอแต่งงาน เพราะมาเจออีกที หลังเกษียณ แก่ไม่มีที่ติจริงๆ (จริงๆ ก็แก่ทั้งคู่นั่นแหละ ระหว่างเรากับเขา)
5.ทำอะไรโง่ๆเหมือนกัน
วัยมัธยมเป็นวัยรอยต่อของความเป็นเด็ก กับวัยรุ่น ที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ จึงมีเรื่องโง่ๆ ให้ทำเยอะมาก ทุกคนในกลุ่มที่คบกัน จะมีเรื่องโง่ๆ ให้ทำแตกต่างกันออกไป จนไม่มีใครดูฉลาดกว่ากันในสายตาของผู้ใหญ่ เลยคบกันได้มายาวนาน เพราะไม่ต้องมีใครอายใครนั่นเอง
6.กิน นอน เที่ยว ด้วยกัน
วัยมัธยม เป็นวัยที่ติดกันยังกับตังเม ไปไหนไปกันเป็นฝูง เกาะกลุ่มกันแน่น กินก็กินด้วยกัน ทั้งๆที่ไม่ค่อยจะมีอะไรให้กิน นอนก็นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยกัน หลับได้เพราะเพลีย ที่ไปทำทะโมนมาทั้งวัน ความผูกพันมันจึงถูกหล่อหลอมจนเป็นเนื้อเดียวกัน วันละนิด ละหน่อย จนแยกกันไม่ออก
7.โดนครูดุด่า ทำโทษมาด้วยกัน
จนไม่เหลือยางอายอะไรให้อายอีกแล้ว ใหม่ๆ อาจจะอายเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงเป้าหมายตา ที่อยู่ในห้องเดียวกัน พอนานเข้า ทั้งเขาและเราก็ชินกันไปเองจนไม่มีใครอายใคร
8.มีอดีตและวีรกรรมร่วมกันมายาวนาน
เพื่อนที่คบกันมาจนสนิท แนบแน่น จะมีประวัติศาสต์หรือวีรกรรมที่ร่วมทำกันมามากมายหลายรสชาติ จนเล่ากี่ครั้งก็ไม่มีวันหมด ทุกครั้งที่กลับไปเยี่ยมเยียนสถาบันที่เคยเล่าเรียนกันมา ก็จะจดจำภาพได้ทุกภาพ ว่าอะไรอยู่ตรงไหน มะม่วงต้นไหนที่ใครเคยปีน ใครโดนครูทำโทษตรงไหน อย่างไร ฯลฯ จำได้หมด ล้วนเป็นวีรกรรมแบบโง่ๆไม่แตกต่างกันเท่าไหร่
9.ขอเงินกันกินขนม แทนการขอยืม
ด้วยที่สมัยนั้น ทุกคนได้เงินมาโรงเรียนไม่มากมายอะไร แค่หลักสิบบาทเท่านั้น จะต่างกันไปตามฐานะของแต่ละบ้านบ้าง แต่ก็ไม่กี่บาท ความอดอยากปากแห้ง จึงมาเยือนชนิดไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ การขอเงินเพื่อนกินขนม หรืออเมริกันแชร์ หรือให้เพื่อนเลี้ยง จึงเป็นเรื่องปกติ การ”ขอยืม”เงินเพื่อนสมัยนั้นไม่ค่อยมีให้เห็น มีแต่”ขอเลย” หรือ “ขอลืม”เท่านั้น
10.เรามาพบเจอกันในแต่ละครั้งหลังจากจบการศึกษา
เราได้เห็นวิวัฒนาการ และการเติบโต ของเพื่อนในกลุ่มแต่ละคน พร้อมกับได้รื้อฟื้นความหลัง ความทรงจำเก่า ที่เราร่วมทำกันมา นัยหนึ่งก็เหมือนเป็นการลดอัตตาตัวตนของตนเองไปในเวลาเดียวกัน
สรุป สำหรับตัวของเจ้าของกระทู้ ถ้าถามว่าอยากกลับไปช่วงเวลาไหนมากที่สุด ก็คงตอบว่า ช่วงวัยเรียนมัธยม เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ มีแต่ความจริงใจให้แก่กัน สนุกสนาน เล่นกีฬาหลังเลิกเรียน เดินห้างบ้าง เวลามีกีฬาสีก็ไปเล่นเตะบอล บอลลูนโป่ง บอลลูนสี โบราณเรียกชื่อ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเวลาแห่งความทรงจำที่ดีที่สุดของช่วงชีวิตเรา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ แล้วพบกันกระทู้หน้าครับ
อ้างอิงจาก: stampchan