"เอ จักรพรรดิ" แจงประเด็นดราม่าเพจดัง..เพราะรักและศรัทธา ลูกศิษย์ถึงก้มกราบ
ทางอาจารย์ "เอ จักรพรรดิ" ได้ออกมาชี้แจงประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้น หลังจากมีเพจดังอย่าง "อีซ้อขยี้ข่าว" ได้ออกมาเปิดประเด็นและแชร์คลิปที่มีคนแห่หมอบกราบ "อ.เอ จักรพรรดิ" พร้อมทั้งยังได้ตั้งคำถามอีกว่า ทำไมต้องหมอบกราบ ? เขาคือใคร...อยู่วรรณะไหนกัน? ซึ่งภายหลังจากคลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำเอาหลายคนถึงกับสงสัย และอยากรู้ถึงประวัติความเป็นมาของคนดังกล่าวนี้ ว่าเป็นใครกัน เหตุใดจึงมีหลายคนมารอกราบไหว้ และมีลูกศิษย์มากมายขนาดนี้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 มีค.67 ที่ผ่านมา ทาง "อ.เอ จักรพรรดิ" ก็ได้เปิดสำนักเทวาลัย ให้หลายคนได้ซักถามข้อเท็จจริง และได้มีการทำความรู้จัก พร้อมทั้งยังเปิดประวัติความเป็นมา รวมไปถึงชี้แจงประเด็นดราม่าต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยทาง อ.เอ ได้เปิดเผยว่า ตนนั้นเป็นอาจารย์และเป็นคนๆ หนึ่งที่เกิดมาเหมือนคนทั่วไป เกิดมาจากครอบครัวชาวนา พ่อมีตาข้างเดียวแล้วก็เลี้ยงอาจารย์มาเป็นอย่างดี ให้การศึกษามาโดยตลอด อาจารย์เกิดมาโดยไม่ได้มีโอกาสในชีวิตมากมาย จึงพยายามที่จะทำงานทุกอย่างที่จะสามารถทำได้ ต่อสู้ชีวิตมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นพนักงานร้านเช่า VCD ตั้งโต๊ะขายโทรศัพท์ ขายเสื้อผ้า ร้านเสริมสวยต่างๆ แต่ที่ทำเอาหลายคนรู้จักอาจารย์มากที่สุด ก็น่าจะเป็นตอนช่วงที่มาขายสบู่นีออน
สำหรับประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นนั้น ทาง อ.เอ ได้กล่าวชี้แจงว่า คลิปดังกล่าวที่มีการกราบไหว้ อย่างแรกอาจารย์ขออธิบายก่อนว่าอาจารย์ไม่เคยมีกฎระเบียบว่า ทุกคนพอมาถึงแล้วต้องมากราบไหว้อาจารย์ ต้องนั่งกับพื้น ต้องหมอบ หรือต้องคาน เพราะลูกศิษย์ที่นี่จะทราบกันดี เคยมีคนบอกด้วยว่าไม่เหมาะสม อาจารย์ก็พยายามระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ที่ผ่านมานั้น อาจารย์ได้ไลฟ์สดแจ้งลูกศิษย์ว่าหากมาหาอาจารย์สามารถยืนได้ตามปกติ ทุกคนที่มาถ่ายรูปกับอาจารย์ก็จะทราบดีว่า อาจารย์เคยบอกเสมอว่าให้ยืนได้ แต่ท้ายสุดแล้วมันคือ ความรักความศรัทธาที่บรรดาลูกศิษย์มีต่ออาจารย์ อาจารย์ก็เป็นคนๆ หนึ่งที่มีครูบาอาจารย์เช่นเดียวกัน และเวลาอาจารย์เข้าหาครูบาอาจารย์ อาจารย์ก็จะหมอบกราบ เป็นการให้ความเคารพและความรัก มันไม่มีเหตุผล และไม่มีกฎกติกาแต่อย่างใด และอาจารย์เข้าใจได้ดีว่า ในภาพของคนที่มองเข้ามาอาจจะรู้สึกว่า เหตุใดทำไมถึงเป็นภาพแบบนี้ เกิดความคิดต่างๆ นานา อาจารย์เข้าใจทุกความคิดเห็นของทุกคน เพราะทุกคนมีความเชื่อ ความคิด มุมมองที่แตกต่างกันออกไป แต่ท้ายสุดแล้วอาจารย์เชื่อว่า ไม่ว่าเรากำลังเชื่ออะไรอยู่ คิดอะไรอยู่ก็ตาม เราทุกคนก็อยากจะได้รับการเคารพในความเชื่อของตนเสมอ