หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 1 สาวมีนกร

เนื้อหาโดย Tonruk

บทที่ 1 สาวมีนกร

เสียงโต้เถียงในห้องทำงานของเพ็ญจันทร์ภายในคฤหาสน์หรูดังขึ้นดุจเสียงฟ้าคำรามในวันที่พายุโหมกระหน่ำ  ประมุขของบ้านไม่พอใจที่หลานคนเล็กไม่ยอมทำตามคำสั่งของตนเอง เด็กน้อยที่เคยบังคับให้ทำตามคำสั่งในวันนี้เติบใหญ่กล้าพอที่จะขัดคำสั่งของคนเป็นป้า มัจฉายืนสงบนิ่งไม่มีทีท่าแสดงความกลัวให้เพ็ญจันทร์ได้เห็น การแสดงออกของมัจฉายิ่งทำให้เพ็ญจันทร์โมโหอาละวาดจนห้องแทบพัง  มัจฉาก็เช่นกันต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันนับวันความขัดแย้งยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย  ๆ 

   เพ็ญจันทร์หญิงสาววัยกลางคนต้องรับภาระเลี้ยงดูพุทธชาดกับมัจฉาหลังจากที่จันทราน้องสาวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกับมานพตั้งแต่มัจฉาเพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน   เพ็ญจันทร์ต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูหลานทั้งสองนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา  พุทธชาดเป็นหลานคนโปรดของเพ็ญจันทร์ถูกเลี้ยงมาดุจไข่ในหินเป็นคุณหนูของบ้านส่วนมัจฉาถูกเลี้ยงมาเหมือนกับลูกคนกรรมกรเป็นคนรับใช้ของพุทธชาด ตั้งแต่เล็กจนโตมัจฉาต้องทำหน้าที่ดูแลพุทธชาดทุกเรื่องที่พี่สาวต้องการให้ช่วย  การดำเนินชีวิตของทั้งสองคนต่างกันราวนรกกับสวรรค์อีกคนสุขสบาย อีกคนทุกข์ยาก เพ็ญจันทร์ไม่เคยเข้าใจความยากลำบากของมัจฉาเลยเอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้นตัวฉันเป็นศูนย์กลางของจักรวาลโลกใบนี้เป็นของฉันแด่เพียงผู้เดียว

“ ป้าไม่ให้เรียน  ”   คำพูดสั้น  ๆ น้ำเสียงกระชากอย่างไม่พอใจทำให้ผู้ฟังเข้าใจในความรู้สึกได้เป็นอย่างดี มัจฉารู้คำตอบตั้งแต่เดินเข้ามาภายในห้องแต่ด้วยความจำยอมต้องมาบอกให้เพ็ญจันทร์ได้รับรู้ ทั้ง ๆ ที่ในใจไม่ต้องการให้รับรู้

“ มัจอยากเรียนประมง  คุณนายจะมาบังคับให้มัจทำตามใจคุณนายไม่ได้หรอกนะ มัจเป็นคนไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะตั้งโปรแกรมตามใจต้องการให้ทำตามความพอใจของตัวเอง  เผด็จการ มนุษย์ผีดิบ  คนไร้หัวใจ   ”

“  ไอ้เด็กหัวดื้อ จองหอง ใครสั่งใครสอนให้มีนิสัยแบบนี้เถียงทุกคำ  ดูอย่างพุทธชาดสิ พี่สาวของแกตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยทำให้ป้าต้องผิดหวัง  ป้าบอกอะไรไม่เคยเถียงแม้แต่คำเดียว ดูแกสิเถียงป้าทุกคำ ใช้ได้ที่ไหนนิสัยแบบนี้  ”   คำพูดของเพ็ญจันทร์เปรียบเหมือนกับเข็มหลายหมื่นเล่มที่คอยทิ่มแทงหัวใจของมัจฉาเรื่อยมาตั้งแต่เล็กจนโตจนหัวใจดวงด้านชาเกินที่จะรับรู้ถึงความรักของเพ็ญจันทร์ที่เคยมีให้ในขณะที่เพ็ญจันทร์ก็ไม่เคยรู้ว่าคำพูดของตัวเองสร้างบาดแผลทางใจให้หลานตัวเอง

“ ชีวิตของมัจเป็นของคุณนายตั้งแต่เมื่อไหร่  มัจมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของตัวเอง  คุณนายได้ยินไหม  ”  มัจฉาตะโกนใส่หน้าเพ็ญจันทร์สุดเสียงด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

“ แกต้องเรียนมัธยมปลายเท่านั้นนี่คือคำสั่ง แกได้ยินไหม ”

“ คุณนายมีเหตุผลอะไร ทำไมมัจถึงเรียนประมงไม่ได้ในเมื่อมัจอยากเรียนในสาขาวิชานี้ เมื่อไหร่คุณนายจะเลิกบังคับมัจสักที ดูอย่างพี่พุดสิมีสิทธิ์ที่จะเลือกทุกอย่างในชีวิตด้วยตนเองแต่ทำไมมัจไม่มีสิทธิ์เลือกอย่างพี่พุดบ้าง ”

“ ป้าไม่ให้เรียน เลิกคิดเลิกฝันได้แล้วมันไม่มีวันที่จะเป็นจริงขึ้นมาได้ ป้าไม่มีวันยอมให้มัจเรียนประมงโดยเด็ดขาด ”

“ มัจบอกคุณนายเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนกันว่ามัจต้องการเรียนประมงเท่านั้นไม่มีวันไปเรียนมัธยมปลายตามที่คุณนายต้องการเหมือนกัน  คุณนายได้ยินไหม ”  

“ อยากเรียนประมงก็ตามใจ ป้าไม่ได้บังคับแต่แกต้องหาเงินเรียนเอง เลือกเอาแล้วกันว่าอยากเรียนแบบสบายหรือต้องลำบากหาเงินเรียนเองสมองมีคงคิดได้ไม่ยาก ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู ”  เพ็ญจันทร์แกล้งขู่มัจฉาเพราะคิดว่ามัจฉาคงล้มเลิกความตั้งใจยอมกลับมาเรียนมัธยมปลายอย่างที่ต้องการแต่ผิดคาดมัจฉายังคงยืนยันคำเดิมที่จะเรียนประมงเหมือนเดิมโดยไม่ได้สนใจคำพูดของเพ็ญจันทร์แต่อย่างใด

“ มัจหาเงินเรียนเองก็ได้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินของคุณนาย คุณนายเก็บเงินของตัวเองไว้ให้หลานรักของคุณนายเถอะนะ หลานชังอย่างมัจไม่มีสิทธิ์ในเงินของคุณนาย มัจเข้าใจในชะตากรรมของตัวเองดี  ”

  มัจฉาพยามกลั้นความเสียใจเอาไว้ไม่ให้เพ็ญจันทร์เห็นน้ำตาของตนเองที่กำลังไหลอาบแก้มรีบใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเดินออกจากห้องของเพ็ญจันทร์    สายฝนกำลังโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย เพ็ญจันทร์ยืนอยู่ตรงริมหน้าต่างนึกถึงเรื่องราวในอดีตอยู่เงียบ ๆเพียงลำพังคนเดียวในห้อง 

“ ป้าขอโทษนะลูก   ”   

เสียงเรียกของพิมพ์ภาดังขึ้นทำให้เพ็ญจันทร์สะดุ้งตัวด้วยความตกใจหันหลังกลับมาดูยังต้นเสียงพร้อมกับถอนหายใจ

“ มีอะไรหรอพิมพ์วิ่งหน้าตาตื่นมาเชียวหรือว่าเกิดปรากฏการณ์ช้างกินควาย ” 

 “  ดูคุณผู้หญิงพูดเข้าสิ  ดิฉันเห็นคุณหนูวิ่งออกไปจากบ้านไปนานมากแล้วนะคะป่านนี้ยังไม่กลับมาเลยค่ะคุณผู้หญิง ”

“ ว่าไงนะ นี่มันก็ดึกมากแล้วยังจะออกไปไหนอีก ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก ไอ้เด็กคนนี้ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย  ”  เพ็ญจันทร์รีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องทันที ในระหว่างที่เพ็ญจันทร์กำลังเดินออกจากบ้านไปตามมัจฉาเดินสวนกับพุทธชาดที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านพอดี 

“ ดึกแล้วมากแล้วป้าจะรีบไปไหนคะ ” 

“ มัจหายออกไปจากบ้าน ป้าจะออกไปตามน้องกลับบ้านไม่รู้เตลิดไปถึงไหนแล้ว ”

“ คิดว่าเรื่องอะไร ป้ากลับเข้าบ้านไปพักผ่อนเถอะค่ะ น้องนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่กับเข้มและเบิ้มอยู่ตรงหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านเดี๋ยวสักพักคงกลับมา  ป้ายังไม่ชินอีกหรอค่ะที่น้องหายออกไปจากบ้าน  ”  พุทธชาดอมยิ้มเดินจูงมือเพ็ญจันทร์เดินกลับเข้ามาในบ้าน  เพ็ญจันทร์ยังรู้สึกกังวลใจกลัวมัจฉาไม่กลับบ้าน

“ พุดโทรถามน้องหน่อยสิว่าจะกลับกี่โมง นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้าน ป้าเป็นห่วง ”   พุทธชาดหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากดโทรหามัจฉาทันที 

ร้านก๋วยเตี๋ยริมทางเล็กๆ ถูกสร้างขึ้นอย่างง่าย ๆ  โต๊ะและเก้าอี้วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ มัจฉา เข้มและเบิ้มกำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยว  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มัจฉาเหลือบไปมองปลายสายเป็นเบอร์โทรของพุทธชาดใจหนึ่งอยากจะรับสายแต่อีกใจหนึ่งไม่อยากรับสาย มัจฉาถอนหายใจกดรับสายพุทธชาด

“ สวัสดีครับคุณหมอคนสวย ”

 “ ทำไมยังไม่กลับบ้าน ดึกมากแล้ว กลับบ้านได้แล้วพี่เป็นห่วงมัวทำอะไรอยู่ ”

“  มัจยังกินก๋วยเตี๋ยวยังไม่เสร็จเลยพี่พุดอีกสักพักก็กลับแล้วไม่ต้องเป็นห่วงใกล้แค่นี้เอง ”

“  รีบกินรีบกลับแล้วกัน พี่รออยู่ ” 

“ พี่พุดโทรตามกลับบ้านไปดูดนมนอนแล้วหรอวะ ”  เข้มแซวมัจฉาพร้อมกับหยิบขวดน้ำปลาทำท่าเหมือนเด็กกำลังดูดนมออกจากขวด

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า   ยิ้มหน่อยสิคุณหนูมัจฉา ”  เบิ้มทำท่าเป็นตัวตลกแต่ทั้งสองคนไม่สามารถทำให้มัจฉายิ้มได้แม้แต่นิดเดียว

“ แกจะทำยังไง ในเมื่อป้าเพ็ญไม่ยอมให้เรียนแถมยังบังคับให้แกกลับไปเรียนมัธยมปลาย  ”

“  คุณนายบอกกับฉันว่า ถ้าจะเรียนประมงต้องหาเงินเรียนเอง  ฉันพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าแต่หลังจากนี้คงต้องหางานทำ ”

“  รอให้ป้าเพ็ญใจเย็นมากกว่านี้แล้วแกค่อยไปบอกอีกสักรอบเผื่อจะยอมใจอ่อน ”

“ รอให้น้ำท่วมหลังเต่า พระราหูมีลูกกับพระจันทร์เสียก่อน คุณนายถึงจะยอมให้ฉันเรียนประมง ”

“ ค่อย ๆ คิดไปแล้วกัน พวกฉันสองคนเป็นกำลังให้ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน ”  เข้มกับเบิ้มยื่นแขนไปบีบมือของมัจฉาเบา ๆ แสดงความห่วงใยให้กับเพื่อน   หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จเรียบร้อยแล้วเข้มและเบิ้มเดินไปส่งมัจฉาที่บ้านทั้งสามคมเดินปรับทุกข์กันไปจนถึงบ้านของมัจฉา  

“ โชคดีนะเว้ย แกไม่ต้องคิดมาก พวกฉันสองคนเป็นกำลังใจให้ ”

เข้มและเบิ้มเป็นเพื่อนสนิทของมัจฉาฐานะทางบ้านของทั้งสองคนค่อนข้างลำบากทั้งสองคนเป็นกำพร้า เข้มอาศัยอยู่กับยาย ส่วนเบิ้มอยู่กับแม่ พ่อของเบิ้มเสียชีวิตไปตั้งแต่อายุได้สามขวบทั้งสองคนมีความสุขตามอัตภาพ   มัจฉาเดินกลับเข้ามาในบ้านโน้มตัวลงนอนบนเตียง พุทธชาดเปิดประตูเข้ามาในห้อง มัจฉารีบปาดน้ำตาออกจากแก้ม

“ พี่รู้เรื่องทั้งหมดจากป้าหมดแล้ว ”   พุทธชาดถอนหายใจเอามือลูบหัวมัจฉาเบา ๆ   มัจฉาลุกขึ้นนั่งเข้าสวมกอดพุทธชาด

“ พี่รู้ว่ามัจอยากเรียน เรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนมัจไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ”

“  พี่พุดไม่ต้องลำบากเดี๋ยวคุณนายรู้เข้าพี่พุดจะโดนดุ  ”

“ มัจจะเอาเงินที่ไหนเรียนหรือว่ามัจยอมเรียนมัธยมปลายตามคำสั่งของป้า ”

“  นี่ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่มัจคงมีความสุขมากกว่านี้  คุณนายไม่เคยรักมัจเลย ”

“  มัจอย่าพูดแบบนั้น เดี๋ยวป้ามาได้ยินเข้า ทำไมป้าจะไม่รักมัจละ ถ้าไม่อย่างนั้นป้าจะเลี้ยงมัจมาจนโตหรอ ”

“  พี่พุดไม่ต้องมาปลอบใจมัจเลย ”

“ นี่มันก็ดึกมากแล้วไปอาบน้ำแล้วนอน ทำใจให้สบาย ๆ นะไอ้น้องรัก ส่วนเรื่องเรียนพี่จะช่วยพูดให้ไม่รู้ปากจะยอมใจอ่อนหรือเปล่า พรุ่งนี้มีสอบพี่ขอตัวไปอ่านหนังสือสอบก่อนแล้วกัน ”  

มัจฉาหลับตานอนอยู่บนเตียงนึกถึงเรื่องราวในอดีต หยดน้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาอาบทั้งสองแก้มปลดปล่อยความเศร้าออกจากหัวใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นค่อย ๆ ใช้มือเอื้อมไปหยิบตรงหัวเตียง

“ ไอ้ชล ”

“ แกร้องไห้ทำไมบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ใครทำอะไรแก  ” มัจฉาเงียบยิ่งทำให้ชลธีร้อนใจ 

“ แกอย่าเงียบสิ ฉันใจคอไม่ดีเลย ”

“ ไอ้ชล ! คุณนายไม่ยอมให้ฉันเรียนประมง คุณนายบังคับให้ฉันเรียนมัธยมปลายแต่ฉันไม่อยากเรียน ”

“ ไม่เป็นไรเว้ย แกรอให้ป้าเพ็ญอารมณ์เย็นแล้วค่อยไปคุยอีกรอบ คุยด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์ ฉันหวังว่าป้าเพ็ญจะเข้าใจแก ”

“ ไม่มีวันที่คุณนายจะเข้าใจฉัน เชื่อฉันสิ คุณนายทำเหมือนกับฉันเป็นหุ่นยนต์ไม่ใช่คน ”

“ เอาแบบนี้แล้วกันช่วงนี้แกมาอยู่บ้านฉันก่อนไหม พ่อกับแม่ฉันไม่ว่าหรอก ”

“ แกจะบ้าหรอ ฉันเป็นผู้หญิง แกเป็นผู้ชาย เฮ้ย ! ฉันลืมไปว่าแกเป็นเพื่อนสาว ”

“ พูดเบา ๆ  สิเดี๋ยวพ่อกับแม่ของฉันก็ได้ยินหรอก ”

“ โทษทีวะ ฉันลืมไป ”

“  แกมีอะไรให้ฉันช่วยบอกได้ทุกเรื่อง เพื่อนคนนี้ยินดีช่วยด้วยความเต็มใจทุกอย่าง ”

“ เป็นมากกว่าเพื่อนได้ไหม  ไอ้ชลฉันรักแกวะ ”

“ ไอ้มัจวันนี้แกเป็นอะไรเมาน้ำตาจนเพี๊ยนไปแล้ว อย่าร้องไห้ไปเลยอ้อมกอดของฉันยังว่างรอแกมาซบ ”

“ แกอย่ามาตอแหล อ้อมกอดของแกมีไว้ให้ไอ้ก้องภพคนเดียวต่างหากละไม่มีที่ว่างสำหรับฉันหรอก ”

“ ครับผมแต่สำหรับแกว่างเสมอ ฉันรอให้แกมาซบอกฉันอยู่  ”

ตลาดสดในเช้าวันอาทิตย์พลุกพล่านไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่พากันมาเดินเลือกซื้อของ เข้ม เบิ้ม และมัจฉากำลังช่วยกันเลือกส้มเขียวหวานใส่ลงในถุง โตเดินผ่านเข้ามาเห็นพอดีหยิบฝรั่งขว้างใส่เข้มเต็มแรง เขาทำหน้าเย้ยหยันด้วยความสะใจ เบิ้มคิ้วขมวดไม่พอใจ

“ ไอ้โต ไอ้ชาติชั่วมึงเอาฝรั่งมาเขวี้ยงใส่หัวกูทำไมวะ ”

“ มึงจะทำไม ไอ้ขี้ครอก ” 

“ ไอ้ลูกเมียน้อย ”    เข้มไม่รอช้าเดินเดินเข้าไปชกหน้าโตจนล้มคว่ำกับพื้น  เบิ้มกับมัจฉาคอยกันไม่ให้เพชรเข้าไปทำร้ายเบิ้ม เหตุการณ์บานปลายไปกันใหญ่เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมกัน โตยังไม่หยุดคุกคามเข้มทางวาจา เข้มหมดความอดทนกระโดดถีบโตเต็มแรงจนล้มนอนกองกับพื้น เพชรรีบวิ่งเข้ามาช่วยโตต่างฝ่ายต่างดวลหมัดเข้าหากัน มัจฉาเห็นท่าไม่ดีถีบโตออกจากเข้มหันหลังกลับไปชกหน้าเพชร เหตุการณ์วุ่นวายไปกันใหญ่ไม่มีใครยอมใครทั้งสองฝ่ายตะลุมบอนชุลมุนวุ่นวายไปทั้งแผงผลไม้ในแถบนั้น

“  อีมัจ อีทอมมึงกล้าดียังไงมาถีบกู วันนี้กูจะทอมอย่างมึงมาทำเมียให้ได้  ”  โตโกรธมากเดินเข้าไปจับตัวมัจฉา ทักษะการต่อสู้ไม่มีทำให้พลาดท่าเสียถูกมัจฉาจับโยนลงไปกองกับพื้น

“ จับแม่มึงไปทำเมียก่อนแล้วกัน ไอ้ลูกเมียน้อยอย่างมึงไม่มีวันทำอะไรคนอย่างกูได้หรอก ”

“ ไอ้เพชรจัดการพวกมันให้สินซาก อย่าให้พวกมันมีแรงเดินกลับบ้าน ”

“ ไอ้เข้ม ! ไอ้เบิ้ม ! แกสองคนรอเก็บศพไอ้พวกนี้สองตัวได้เลย วันนี้ฉันจะกระทืบไอ้สองตัวนี้ให้จมดินเอาเลือดมาล้างตีนไอ้เบิ้มให้หายแค้น ”  มัจฉาไม่รอช้าวิ่งเข้าไปกระโดดถีบเพรชกระและโตกระเด็นไปคนละทางทั้งสองคนยืนขึ้นจะเข้ามาทำร้ายมัจฉาแต่ไม่สามารถทำอะไรมัจฉาได้เลยทั้งสองคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัจฉาอาจเป็นเพราะเป็นนักมวยทำให้มีทักษะการต่อสู้มากกว่าทั้งสองคน  ผู้ชายสองคนเสียท่าให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวสร้างความอับอายกับทั้งสองคน

“  อีนางทอม กูจะไปบอกให้ครูเพ็ญจันทร์จัดการมึง ”

“ ไอ้ลูกเมียน้อย เชิญไปฟ้องเลย กูไม่กลัวหรอกครูเพ็ญจันทร์ ถ้ามึงแน่จริงไปเลยสิ บ้านกูอยู่ใกล้แค่นี้เอง  ”

โตชวนเพชรกลับบ้านรอวันกลับมาคิดบัญชีแค้นกับมัจฉารีบพากันเดินออกจากตลาด             อีกฟากหนึ่งของตลาดเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดกำลังช่วยกันเลือกซื้อปลาอยู่ตรงแผงขายปลาท้ายตลาด  โตกับเพชรวิ่งออกมาเจอเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดที่กำลังช่วยกันเลือกซื้อปลาทับทิม

“ สวัสดีครับครู ครูช่วยผมสองคนด้วยครับ  ”  โตแสดงละครฟ้องเพ็ญจันทร์กล่าวหาว่าโดนมัจฉาทำร้ายพร้อมกับเปิดบาดแผลให้เพ็ญจันทร์ดู

“ เกิดอะไรขึ้นบอกครูมาสิ ใครเป็นคนทำร้ายพวกเธอ ”

“ พวกผมสองคนโดนมัจฉากระทืบมาครับ  ”  เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ

“ หนูสองคนเป็นอะไรมาหรือเปล่าลูกเดี๋ยวครูพาไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูว่าบาดเจ็บอะไรตรงไหนบ้าง ”

“ พวกผมสองคนไม่ได้เป็นอะไรมากครับครูมีแค่รอยฟกช้ำนิดหน่อยครับ ”

“ แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ”

“  ครับครู ขอบคุณมากครับ ”  พุทธชาดพยายามพูดให้เพ็ญจันทร์อารมณ์เย็นลงเกรงว่าเมื่อกลับบ้านไปเจอกับมัจฉาจะมีเรื่องทะเลาะและกลัวมัจฉาจถูกเพ็ญจันทร์ลงโทษ

“  วันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว กลับมาเมื่อไหร่น่าดู  ”

“ ป้าคะ พุดคิดว่าน้องคงไม่ได้ตั้งใจทำร้ายโตกับเพชรคงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ”

“ เลิกให้ท้ายน้องสักที  ป้าเข้าใจว่าพุดรักน้องมากแต่ลูกก็ต้องสอนให้น้องเป็นคนดีไม่ใช่ทำตัวเป็นอันตพาลระรานชาวบ้านแบบนี้ คนประเภทนี้เรียน ขยะสังคม ”

ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊จุ่ม เข้ม เบิ้มและมัจฉานั่งรอชลธีอยู่ภายในร้าน ชลธีเดินเข้ามาพร้อมทั้งหอบเอกสารและหนังสืออีกหลายเล่มเดินเข้าไปหาทุกคน  สายตาของคนในร้านหันมามองชลธีด้วยความสงสัยเข้าใจว่าชลธีเป็นคนเก็บของเก่า

“ ไอ้ชลแกถือของอะไรมาเยอะแยะ หนังสืออะไรของแกถึงได้มากมายขนาดนี้

“ฉันเอามาให้แกอ่านเหลือไม่กี่วันแล้วจะถึงวันสอบ ”

“  สอบอะไรวะ แกเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ฉันไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย ขอบใจมาก ”

“ ไอ้มัจ แกหมายความว่ายังไง ในเมื่อป้าเพ็ญไม่ให้แกเรียนประมงเพราะฉะนั้นแกก็ต้องเรียนมัธยมปลายตามคำสั่งของป้ามิใช่หรือไง ”

“ ใครว่าคนอย่างไอ้มัจนั้นหรอจะไปเรียนมัยธยมปลายไม่มีวันเสียหรอก แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ พรุ่งนี้ฉันไปรายงานที่วิทยาลัยประมง ”

“  แกว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหมแล้วนี่ป้าเพ็ญรู้เรื่องหรือยัง ”

“ ยัง  ”

“ ก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ มาแล้วจ๊ะทุกคน  ”  เจ๊จุ่มวางชามก๋วยเตี๊ยวลงบนโต๊ะ ทุกคนก้มหน้าปรุงก๋วยเตี๋ยวของตนเอง  บรรยากาศในช่วงเวลากลางวันภายในร้านพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่แวะเข้ามาภายในร้าน ในขณะที่เจ๊จุ่มและลูกน้องช่วยกันบริการดูแลลูกค้า

“ พรุ่งนี้ฉันต้องไปรายงานตัว ฉันจะให้พวกแกช่วยปลอมตัวเป็นผู้ปกครองให้หน่อย ”

“  ห๊ะ !  ปลอมตัว ”  ทุกคนตอบพร้อมกัน

“ ป้าเพ็ญรู้เข้าเป็นเรื่องแน่ ฉันว่าแกไปคุยกับป้าอีกสักรอบดีไหม  ”

“ คุณชลธีคะ !  แกน่าจะรู้นิสัยของคุณนายเป็นอย่างดีว่าเป็นอย่างไรแล้วแกจะให้ฉันไปไปบอกอีกทำไม ในเมื่อรู้คำตอบอยู่แล้ว ”

“  ไอ้ชลทำไมแกปอดแหกแบบนี้วะ ไอ้มัจแกไม่ต้องเป็นห่วง พวกฉันสองคนช่วยแกเองรับรองไม่มีใครจับได้แน่นอน ”

“ เรื่องลงทะเบียนของละ เงินจ่ายค่าเทอมแกมีแล้วหรือยัง ถ้ายังฉันพอมีอยู่บ้าง ”

“ เอาเงินพวกฉันไปก่อนไหม ”

“ ฉันขอบใจพวกแกทั้งสามคนมากเลยแต่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทะเบียน วิทยาลัยประมงเรียนฟรี ”

ด้วยความเป็นห่วงพุทธชาดรีบโทรมให้มัจฉากลับบ้านแต่ไม่สามารถติดต่อน้องได้  เพ็ญจันทร์รอชำระความกับมัจฉาแต่อีกฝ่ายไม่ทีท่าจะกลับบ้าน 

“  เย็นมากแล้วทำไมมัจยังไม่กลับบ้าน ”

“ คุณพุดยังไม่ชินอีกหรอคะ เดี๋ยวสักพักก็คงกลับ ”

“ พุดชินแล้วคะพี่เปรี้ยวแต่วันนี้น้องไปมีปัญหากับเพื่อนแล้วป้าก็รู้แล้วด้วย น้องกลับมาบ้านช้า ป้ายิ่งโกรธเข้าไปอีก  ”

“  นึกแล้วเชียว ทำไมวันนี้คุณผู้หญิงกลับมาไม่พูดกับใครเดินเข้าไปในห้องทำงานตั้งแต่บ่ายจนถึงตอนนี้ ”

“ คุณหนูของป้ามาอยู่ที่นี้นี่เอง ของที่คุณหนูให้ป้าเตรียมไว้เสร็จแล้วนะคะ  ”

พิมพ์ภาแม่บ้านคนสนิทของเพ็ญจันทร์ทำงานรับใช้ดูแลบ้านหลังนี้มาตั้งแต่สมัยจันทราน้องสาวของเพ็ญจันทร์ยังมีชีวิตอยู่จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ผู้กุมความลับทุกอย่างในบ้านเอาไว้ 

“ วันนี้คงไม่ได้ทำแล้วจ๊ะป้า ป่านนี้แล้วมัจยังไม่กลับบ้านมาเลย  ”   พุทธชาดถอนหายใจ  เพ็ญจันทร์เดินมาหาพุทธชาดที่ห้องโถง มัจฉาเดินเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“ คุณนาย พี่พุด สวัสดีคะ ”

“  นี่มันกี่โมงแล้วทำไมพึงกลับบ้าน พรุ่งนี้ต้องไปรายตัวเข้าเรียน  ”  มัจฉางงไม่เข้าใจคำพูดคของเพ็ญจันทร์ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเข้าใจว่าเพ็ญจันทร์ใจอ่อนยอมให้เรียนปวช.สาขาวิชาประมงตามที่ตัวเองต้องการ

“ คุณนายยอมให้มัจเรียนประมงแล้วหรอ ”

“ ใครบอก พรุ่งนี้ป้าให้มัจไปรายงานตัวเข้าเรียนมัธยมปลายต่างหากละ  ”

“ มัจไม่เรียน  คุณนายอยากเรียนก็ไปเรียนเองสิ ”

“ ไอ้เด็กคนนี้พูดไม่รู้ฟังยังจะดื้ออีก ”

“ มัจไม่เรียน”

“  ไปไหนมา ทำไมพึงกลับบ้าน ”

“ มัจไปหาไอ้เข้มกับไอ้เบิ้ม คุณนายมีอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีเลย ”

“ มี ! ”   เพ็ญจันทร์ทำเสียงเข้ม มัจฉาแกล้งทำไม่รู้เรื่อง

“ คุณนายพูดเหมือนมัจไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละ ”

“ วันนี้ไปทำอะไรผิดมาละมีอะไรจะสารภาพไหม  ”

“ คุณนายพูดเรื่องอะไรมัจไม่เข้าใจ ”

“ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ใครสั่งใครสอนให้มีนิสัยแบบนี้  ”

“  คุณนายบอกมาสิว่ามัจทำอะไรผิด ทุกวันนี้มัจทำอะไรก็ผิดทุกอย่างในสายตาของคุณนาย  ”  เพ็ญจันทร์อึ้งเงียบไปชั่วขณะไม่คิดว่ามัจฉาจะตอบกลับมาอย่างนี้แกล้งทำน้ำเสียงเป็นปกติ

“ พิมพ์ไปหยิบไม้เรียวมาให้ฉัน ”

“ ป้าคะ  อย่าตีน้องเลยคะเรื่องแค่นี้เองไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่เด็กทะเลาะกัน ”   เพ็ญจันทร์ดึงไม้เรียวมาจากมือของพิมพ์ภาพร้อมกับส่งสายดุไปให้ทุกคน  มัจฉาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายตลอดเวลาที่ผ่านมาเพ็ญจันทร์ไม่เคยทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดีรับฟังปัญหาแม้แต่ครั้งเดียวเลย  เพ็ญจันทร์ฟาดไม้เรียวลงบนตัวของมัจฉา พุทธชาดเอาตัวมาบังเอาไว้

“ พี่พุด ! ”

“ เจ็บไหมลูก ป้าขอโทษ ” มัจฉาหันไปมองเพ็ญจันทร์กำลังใช้มือลูบแผลที่แขนของพุทธชาด  สายตาเศร้า ๆ คู่นั้นกำลังมองเพ็ญจันทร์ด้วยความน้อยใจ

“ พุดผิดเองที่สอนน้องไม่ดีความผิดครั้งนี้พุดขอรับไว้เองคะ ”  เพ็ญจันทร์ถอนหายใจยื่นไม้เรียวให้กับเพ็ญจันทร์เดินออกไป มัจฉาโน้มตัวลงนอน พุทธชาดเปิดประตูเดินเข้ามาโน้มตัวลงนอนพลิกตัวเข้าไปกอดมัจฉาทางด้านหลัง มัจฉาพลิกตัวกลับมากอดพุทธชาด

“ พี่พุด คุณนายรู้ได้ยังไงว่าวันนี้มัจไปมีเรื่องกับพวกไอ้โต ”

“ วันนี้พี่ไปตลาดกับป้า ในระหว่างที่เลือกปลาอยู่ โตกับเพชรเดินมาทางนี้เจอกับป้าพอดีเลย หลังจากนั้นสองคนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ป้าฟัง  ”  

“ พี่พุดเจ็บมากไหม  ยื่นแขนมาสิมัจทายาให้ ”  มัจฉาค่อย ๆ ทายาลงบนแขนของมัจฉาอย่างเบามือ พุทธชาดเอามือลูบหัวมัจฉาพร้อมทั้งยิ้มให้

“ นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปรายงานตัวพร้อมกับป้า ”

“ มัจไม่ไป  พรุ่งนี้มัจต้องไปรายงานตัวที่วิทยาลัย ”

“ หมายความว่ายังไง ”

“ หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละ  มัจไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย อย่างที่คุณนายบอกหรอกนะพี่ พรุ่งนี้มัจต้องไปรายงานตัวที่วิทยาลัยประมง ”

“ แน่ใจแล้วหรอที่ทำแบบนี้ ลองคิดทบททวนดูไหมสักรอบดีไหม ป้ารู้เข้าบ้านแตกพี่ไม่อยากจะคิด ”

“ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สวรรค์ลิขิตไว้แบบนี้แล้ว ”

“ เอาที่สบายใจนะไอ้น้องรัก ”

มัจฉาตื่นเช้าแต่งตัวออกจากบ้านไปรอเข้มและเบิ้มตรวหน้าปากซอยหมู่บ้าน  เข้มแต่งเป็นผู้หญิงปลอมตัวเป็นแม่ของมัจฉา เบิ้มใส่ชุดสูททั้งสามคนขับรถมอเตอร์ไซด์ไปวิทยาลัยประมง  บรรยากาศการรายวันรายงานตัวพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่พาลูกจูงหลายมารายงานตัว มัจฉา เข้มและเบิ้มเดินเข้าไปยังหอประชุม ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ในตอนนี้เต็มไปด้วยคนจำนวนมาที่ทยอยเดินกันเข้ามา บางส่วนเดินออกไป  มัจฉาเหลือบไปเห็นสุปราณีย์นั่งอยู่ตรงโต๊ที่ตัวเองไปรายงานตัวทำให้หยุดเดินสูดลมหายใจทำตัวให้ปกติที่สุด

“ ไอ้เข้ม  !  ไอ้เบิ้ม !  ป้าสุเป็นครูอยู่ที่นี้  เห้อ !   ทำไมชีวิตของฉันต้องมีแต่อุปสรรคด้วยวะ ”

“ ใจเย็น ๆ ทำตัวให้ปกติที่สุด ป้าสุกับแกไม่เจอแกมานานหลายปี นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาคงจำแกไม่ได้หรอก ”

“ สู้ ๆ  นะเพื่อน ”  

มัจฉารวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาสุปราณีย์วางเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะ  สุปราณีย์ยิ้มก้มหน้าตรวจเอกสาร

มัจฉาพยายามกลบเกลื่อนแสดงอาการให้ปกติที่สุดกลัวสุปราณีย์จะรู้ว่าฐานะของตัวเอง

“ นามสกุลของหนูเหมือนกับนามสกุลเพื่อนของครูเลย  หนูเป็นหลานของสุปราณีย์หรือเปล่า  ”

“  แค่ญาติห่าง ๆ คะครู  ”

“   มัจฉา  !  ชื่อของหนูเหมือนกับชื่อของหลานครู ”

“ คนเราชื่อซ้ำกันได้นะคะครูมันเป็นเรื่องปกติมากเลยค่ะ ”

“ ครูก็ว่าอย่างนั้นแหละ  สัญญากับครูได้ไหมว่าหนูจะตั้งใจเรียนจะ ไม่หนีครูไปก่อนจบการศึกษา ”

“ คะครู ”

“ ครูเป็นครูประจำชั้นของหนู เจอกันอีกทีวันเปิดเทอม  ”  หลังจากรายงานตัวเสร็จ มัจฉาเดินไปหาเข้มและเบิ้มอีกฝั่งของห้องประชุมทั้งสองคนนั่งรออยู่ตรงประตูทางเข้า 

“  เป็นบ้างวะแก  ป้าสุจำแกได้ไหม ”

“ จำไม่ได้แต่คุ้นชื่อและนามสกุลและยังถามอีกว่าฉันเป็นอะไรกับคุณนาย  ฉันตอบไปว่าเป็นญาติห่าง ๆ กัน ”

ภายในห้องสี่เหลี่ยม เพ็ญจันทร์นั่งคิดทบทวนเรื่องราวในอดีต วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนกับใบไม้ไหวจากวันนั้นถึงวันนี้สิบแปดปีเต็มที่ต้องปกปิดเรื่องราวในอดีตอันแสนข่มขืนไว้เพียงลำพังคนเดียว ถ้าหากวันหนึ่งมัจฉารู้ความจริงทั้งหมด ความรักที่เคยมีให้จะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม  ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว  เสียงเคาะประตูห้องทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติ มัจฉาเดินเข้ามาหาในเพ็ญจันทร์  ใบหน้าอันเรียบเฉยของเพ็ญจันทร์ยิ่งทำให้มัจฉากลัวพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด

“ ไปไหนมาทำไมไม่ไปรายงานตัวกับป้าปล่อยให้ป้ารอทั้งวัน ”

“ มัจไปรายตัวเข้าเรียนที่วิทยาลัยประมงมาคะ ”

“ ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้  มีหูไว้กันสมองเพียงอย่างเดียวใช่ไหม ป้าบอกแล้วมิใช่หรอกว่าให้มัจเรียนแล้วทำไมยังกล้าขัดคำสั่งของป้า ” มัจฉาถอยหายใจเดินเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์ 

“ ตั้งแต่เล็กจนโตป้าไม่เคยมีของขวัญแม้กระทั่งความรักจากป้า ครั้งนี้มัจขอป้าแล้วกัน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมดมัจเป็นคนรับผิดชอบเองจะไม่มารบกวนเงินของป้าแม้แต่บาทเดียว ” มัจฉาเดินจากไป เพ็ญจันทร์อึ้งทำตัวไม่ถูกถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ นานนับหลายปีที่มัจฉาไม่ยอมเรียกตนเองว่าป้าแต่กลับเรียกว่าคุณนาย แต่ในวันนี้กลับเรียกตัวเองว่า ป้า เพ็ญจันทร์รับรู้ถึงความรู้สึกของมัจฉาได้เป็นอย่างดี

“ มัจคงเบื่อที่ป้าชอบบังคับมัจเลยพาลทำให้เข้าใจผิดคิดว่าป้าไม่รัก  ทำไมป้าจะไม่รักมัจละลูก ในเมื่อมัจเป็น  ”   เสียงเรียกของพิมพ์ภาทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า

“ คุณผู้หญิงร้องไห้ทำไมคะ ทะเลาะกับคุณหนูมัจฉาอีกแล้วละสิ ”

“ เปล่าวันนี้ฉันไม่ได้ทะเลาะกับยัยมัจหรอกพิมพ์แต่คำพูดของยัยมัจต่างหากที่ทำให้ฉันเสียใจ ”

“ คุณหนูพูดว่าอะไรคะถึงกับทำให้คุณผู้หญิงต้องเสียน้ำตา  พิมพ์ไม่อยากจะเชื่อ ”

“ ยัยมัจบอกกับฉันว่า ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยมีของขวัญให้หรือแม้กระทั่งความรัก  ยัยมัจเข้าใจคิดว่าฉันไม่รักแกเลย หมายังรักลูกของมัน ฉันเป็นมนุษย์ ทำไมฉันจะไม่รักในเมื่อมัจฉา

“ อย่าพูดดังไปคะคุณผู้หญิง  กำแพงมีหูประตูมีตา เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า ”

“ ขอบใจนะที่ช่วยเตือนสติฉัน ”

“ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายแต่คนเราก็อายที่จะพูดความจริง ถ้าวันหนึ่งคุณหนูรู้ความจริงคุณผู้หญิงทำใจยอมรับได้แค่ไหน ”

มัจฉาแวะมาหาชลธีที่บ้าน ชลธีเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน บริเวณบ้านของชลธีร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ นานาชนิดมองดูคล้ายกับป่าขนาดย่อม  มัจฉาค่อย ๆ เดินอ้อมไปทางด้านหลังของชลธีเอื้อมมือไปปิดตาชายหนุ่มเอาไว้ 

“  ทายสิว่าใคร ”

“ คุณหนูมัจฉา ”    มัจฉาเอามือออกจาก  ชลธีคว้ามือของหญิงสาวเอาไว้ยกมือขึ้นสูดกลิ่นจากอุ้งมือของหญิงสาว  มัจฉาแอบเขินแต่แกล้งทำตัวปกติไม่ให้ชลธีจับได้ หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม  ชลธีเดินจูงมือมัจฉาไปยังบึงท้ายสวน  ภายในบึงบัวเต็มไปด้วยกอบัว กอบัวบางหย่อมกำลังออกดอก บางหย่อมดอกกำลังบานสะพรั่ง  ชลธีพายเรือ มัจฉากำลังฝักบัว

“  วันนี้ไปรายงานตัวเข้าเรียนและคุณนายก็ไม่พอใจฉันมาก ”

“ เฮ้ย !  ไอ้มัจแกหนีออกจากบ้านมาแบบนี้ไม่กลัวโดนไม้เรียวหรือไง ”. มัจฉาถอนหายใจ

“ ขอหยุดพักเรื่องคุณนายไว้สักหนึ่งวัน  วันนี้ฉันเหนื่อย  คุณนายไม่เคยรักฉันเลย รักแต่พี่พุดคนเดียวทำเหมือนกับฉันเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยงไม่ใช่หลาน  ”

“ สำหรับฉันใครจะมองคุณหนูมัจฉายังไง ฉันไม่สน ขอให้แกรู้เอาไว้ว่าฉันรักและเป็นห่วงแกมาก  ”  ชลธีสบตามองหน้ามัจฉาส่งยิ้มหวานให้กับมัจฉา

“ รักฉันทำไมไม่ให้พ่อแม่ยกขันหมากมาขอสักทีละ ”  ชลธีหัวเราะ มัจฉาลุกขึ้นกระโดดลงในบ่อว่ายน้ำมาเกาะขอบเรือ

“ ไอ้มัจแกทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันตกใจหมดเลย คราวหลังแกอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ ”

ชลธีพามัจฉากลับมาเปลี่ยนเสื้อที่บ้าน ชลธีและสมรกำลังช่วยกันเตรียมอาหารเย็นอยู่ตรงระเบียงบ้าน มัจฉานั่งลง ชลธีตักข้าวใส่จานยื่นให้มัจฉา

“ วันนี้มีคะน้าหมูกรอบของชอบแกด้วย ”   ชลธีตักคะน้าหมูกรอบใส่จานข้าว  มัจฉายิ้มให้ชลธี

หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ชลธีชวนมัจฉามานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินตรงท้ายสวน มัจฉาโน้มตัวลงนอนหนุนตักของชลธี  เขาใช้มือลูบผมของมัจฉาเบา ๆ แสงสีส้มของพระอาทิตย์ค่อย ๆ  เลื่อน ๆ  หายไป   ชลธีขับรถมาส่งมัจฉาที่บ้าน  มัจฉาหยุดยืนมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าเดินอ้อมไปทางหลังบ้านไม่ต้องการเจอเพ็ญจันทร์ 

“ ไอ้เด็กคนนี้ดื้อจริง ๆ ฉันห้ามอะไรไม่เคยฟัง ”   เพ็ญจันทร์พูดกับตนเอง 

หน้าวิทยาลัยประมงในตอนเช้า นักศึกษาชายหญิงทยอยเดินเข้ามาภายในวิทยาลัย แนวต้นสนทอดยาวทั้งสองฝากทางเข้า มองเห็นลานเสาธงอยู่ไกล ๆ ระหว่างทางเดินมีคูน้ำเล็ก ๆ บรรยากาศภายในวิทยาลัยร่มรื่น มัจฉาสวมชุดช๊อปยืนรอเพื่อน             ๆ อยู่ตรงศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย 

“ ไอ้มัจ  !  แกทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยังวะ ขอลอกกหน่อยดิ ฉันยังไม่ทำ ”  

“ เสร็จแล้ววะ เชิญคุณหนูจอยลดาลอกได้ตามสบายเลยคะ  ”  มัจฉาเปิดกระเป๋าหยิบสมุดให้จอยลดา  จอยลดารีบเปิดสมุดการบ้านของมัจฉานั่งลอกการบ้านระหว่างเพื่อนคนอื่น ๆ ที่กำลังมา

“ ใกล้ถึงเวลาเข้าแถวแล้วเมื่อไหร่ไอ้กุ้ง ไอ้อีส ไอ้เอ้ ไอ้เดซี่ คุณนายสายเสมอ   ”   รถเมล์จอดเทียบฟุตบาท กุ้งทิพย์ อีสรา เอกชัย และ เดซี่เดินลงมาจากรถทั้งหมดรีบวิ่งมาหามัจฉากับจอยลดาที่ศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย   เสียงเพลงเคารพธงชาติดังขึ้น นักศึกษาชายหญิงเตรียมตัวทยอยกันเดินไปลานเสาธงเตรียมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติ กลุ่มของมัจฉายังนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย ทุกคนรีบวิ่งเข้ามาภายในวิทยาลัย

“ ไม่ทันแล้ว ”   เสียงเพลงเคารพธงชาติเงียบลง กิจกรรมหน้าเสาธงสิ้นสุดลงกลุ่มของมัจฉายังเดินมาถึงลานเสาธง

 สุปราณีย์เป็นครูประจำชั้นของมัจฉาและยังเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง  ความดุและเจ้าระเบียบของสุปราณีย์เป็นที่รู้จักกันดี

“ เจ๊เบียบมาโน้นแล้ว วันนี้ไม่ใช่วันพระฉันไม่อยากฟังเทศ ”  เสียงบ่นของอีตทำให้ทุกคนทำหน้าเซ็งเหมือนกับคนเบื่อโลก

“ พวกเธอทั้งหมดหยุดอยู่ตรงนั้น จัดแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง   ”   มัจฉาและทุกคนเคลื่อนตัวจัดแถวตามคำสั่งของสุปราณีย์ด้วยความรวดเร็ว 

“ ที่บ้านไม่มีนาฬิกาหรือว่ามีแล้วไม่สนใจถึงได้มาเรียนสายกันทุกวันแบบนี้ นี่ต้องให้ครูรอจนถึงน้ำท่วมหลังเต่าก่อนใช่ไหมพวกเธอถึงได้มาเรียนตรงเวลากันได้  ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้วอย่ามัวเถลไถลอยู่อีกละ  รีบเข้าโรงเรียน ”

“ รับทราบ ”

อาคารหนึ่งชั้นสองชั่วโมงเรียนวิชาชีววิทยาปลา  นักศึกษาทุกคนกำลังศึกษาดูโครงกระดูกของปลาชนิดต่าง ๆ  ภายในห้องเรียนมีโครงกระดูกปลาวางไว้โต๊ะจำนวนหลายสิบตัวอย่าง นักศึกษากำลังศึกดูรายละเอียดพร้อมทั้งซักถามรายละเอียดต่าง ๆ กับอาจารย์ผู้สอน  มัจฉาเลือกเรียนสาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและในตอนนี้เธอกำลังวาดรูปโครงกระดูกของปลาแต่ละโต๊ะด้วยความชำนาญ   กลุ่มของมัจฉาไม่กินเส้นกับกลุ่มของน้ำหวานทำให้ทั้งสองกลุ่มมีเรื่องให้ต้องกระทบกระทั่งเกือบทุกครั้งที่เจอกัน   

“ เกะกะมายืนอะไรตรงนี้ ”   น้ำหวานพูดกระแทกมัจฉาที่กำลังวาดรูปแต่วันนี้มัจฉาไม่สนใจในคำพูดของน้ำหวานเพราะกำลังเพลินอยู่กับการวาดรูป

“ มีทางให้เดินตั้งเยอะทำไมไม่เดิน ทำไมมาเดินทางนี้ ”

“ ฉันพอใจที่จะเดินทางนี้ แกจะทำไม  ”

“ ไอ้จอย แกอย่าเสียเวลาไปพูดกับสัตว์หน้าขน  สัตว์ก็คือสัตว์ไม่มีวันเข้าใจภาษามนุษย์ได้หรอก ”

“  อีมัจแกว่าใคร ”

“ ไม่ได้ว่าใครพูดลอย ๆ ”  น้ำหวานโกรธมากกำลังเปิดศึกมีเรื่องกับมัจฉา สุปราณีย์เดินเข้ามาพอดีทำให้ทั้งคู่เลิกแล้วต่อกันไปพักหนึ่ง  

เนื้อหาโดย: ต้นรัก
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Tonruk's profile


โพสท์โดย: Tonruk
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 43 ปีเผยเสียใจ หลังเผลอมีความสัมพันธ์กับหนุ่ม 19 ปีศพถูกพบอย่างต่อเนื่อง เมื่อหนุ่มชาวอินโดนีเซียถูกงูเหลือมยักษ์กลืนกินทั้งเป็นในสวนปาล์ม ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการผ่าท้องเพื่อดูสภาพศพ ทำให้เกิดความตกใจอย่างมากหนุ่มไรเดอร์อมของหลวง ชี้เกิดใน สน.จริงโรคกินไม่หยุด Binge Eating Disorder (BED) กินเยอะแบบไหนถึงเป็นโรคกินไม่หยุดยานสำรวจนาซา พบใยแมงมุมบนดาวอังคารตาแพ้แสง ตาสู้แสงไม่ได้ อาการ สาเหตุ การรักษา มีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างลูกค้ากินบุฟเฟ่ต์ 210 บาทไม่ยั้ง ชาวเน็ตห่วงร้านขาดทุน เจ้าของเผยคำตอบพลิกความคาดหมายกัมพูชาสไตล์ มัดรวมดราม่าจากเวที Miss Planet International 2024บ๊อบ ทูน หิรัญทรัพย์ เผยป่วยเบาหวานขึ้นตา ตาขวาบอดสนิท ตาซ้ายเห็นเพียง 30%น้ำตกธารมะยม น้ำตกสวย แห่งเกาะช้าง ตราดnative: ชาวพื้นเมืองดวงประจำสัปดาห์ 2-8 ธ.ค. 67 by ภูริดา พยากรณ์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รัสเซียขับไล่นักข่าวชาวเยอรมัน หลังเยอรมันปิดสำนักงานข่าวรัสเซียพลังแห่งครอบครัวคำสิงห์ !! "โบ๊ท คำสิงห์" หนุ่มน้อยหัวใจแกร่ง เคียงข้าง "สมรักษ์ คำสิงห์" สู้โรคร้ายบ๊อบ ทูน หิรัญทรัพย์ เผยป่วยเบาหวานขึ้นตา ตาขวาบอดสนิท ตาซ้ายเห็นเพียง 30%native: ชาวพื้นเมืองนราธิวาสวิกฤติ ประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
เรื่องหลอน "ดงผีสุเหร่า"อาถรรพ์ "บ้านไม้ริมน้ำ"สุดเฮี้ยนผีหัวขาดอาถรรพ์สยอง "รถบัสผี"
ตั้งกระทู้ใหม่