ถนนสายเปลี่ยว
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่าและเป็นความเชื่อส่วนบุคคนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่าของพี่ชายข้างบ้านคนหนึ่งที่ทำงานขับรถส่งสินค้าในบริษัทแห่งหนึ่งเล่าให้ผมฟังผมขอเรียกพี่ชายคนนี้ว่าพี่บิ๊ก เป็นนามสมมุติ พี่บิ๊กเล่าให้ฟังว่า ขอย้อนไปเมื่อ ปีก่อนสมัยที่พี่บิ๊กแกยังเป็นเด็กฝึกงานอยู่ตอนนั้นแกได้ฝึกขับรถกับพี่คนหนึ่งที่เข้าทำงานก่อนแก วันหนึ่งขณะขนสิ้นค้าขึ้นบนรถมีชายคนหนึ่งเดินมาหาพี่บิ๊กซึ่งคนในที่นั้นไม่มีใครรู้เลยว่าเขาคือใตร เขาเดินมาหาพี่บิ๊กแล้วก็ถามพี่บิ๊กว่า นี่แกใช่ไหมที่ต้องเอาสิ้นค้าไปส่งวันนี้ พี่บิ๊กจึงตอบว่า ใช่ผมเองแหละที่ต้องไปส่งน้ามีอะไรหรือป่าว แต่ชาย คนนั้นก็เงียบไม่ตอบอะไรแล้วก็เดินจากไป วันนั้นหลังจากที่ขนสินค้าขึ้นรถเสร็จพี่บิ๊กจึงนั่งรอรุ่นพี่ของเขาที่ม้านั่งตรงข้างรถ
เวลาก็ผ่านไปรอไม่นานรุ่นพี่ของพี่บิ๊กก็เดินเซมารุ่นพี่เมาเดินเซมาอย่างช้าๆ พอถึงรถแกก็ขึ้นรถนั่งตรงข้างคนขับแล้วพุบหลับไป พี่บิ๊กเลยคิดว่าขับไปก่อนแล้วกันแล้วขากลับจะเปลี่ยนให้แกขับมั้งเมื่อคิดอย่างนั้นพี่บิ๊กก็ขึ้นรถนั่งประจำที่และขับรถออกไปพี่บิ๊กขับไปเรื่อยๆผ่านบ้านเรือนผู้คนบ้างผ่านทุ่งนาบ้าง จนกระทั้งเวลาผ่านไปถึงประมาณ พี่บิ๊กก็ขับรถมาถึงถนนเส้นหนึ่งซึ่งมีศาลเต็มไปหมดทั้ง ศาลไม้ศาลปูนวางเรียงรายทั้งสองข้างทางตอนนั้นบรรยากาศวังเวงน่ากลัวมาก พี่บิ๊กจึงรีบเหยียบคันเร่งเพื่อไปให้พ้นจากถนนเส้นนั้นโดยเร็วที่สุด
เมื่อพี่บิ๊กขับมาเรื่อยๆไม่นานพี่บิ๊กก็พ้นจากถนนเส้นนั้น มาเจอถนนเส้นใหม่แต่พี่บิ๊กเรียกถนนเส้นนี้ว่าถนนถนนสายเปลี่ยว ถนนเส้นนี้ก็วังเวงไม่แพ้ถนนเส้นเดิมเลยมันเป็นถนนเส้นตรงขับไปนานๆทีจะมีไฟส่องสว่างข้างทางบ้างและตรงไฟส่องสว่างก็จะเป็นศาลารอรถเก่าๆที่เป็นไม้และมีผ้า สีผูกที่เสาของศาลาและยังมีธูปปักอยู่ พี่บิ๊กจึงขับรถไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจอะไร เมื่อพี่บิ๊กขับรถไปเรื่อยๆด้วยความง้วงนอนแล้วตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ แล้ว พี่บิ๊กก็ยังขับรถไปเรื่อยๆเหมือนเดิมพอเวลาไม่นานพี่บิ๊กก็เจอเซเว่นพี่บิ๊กจึงจอดรถหน้าเซเว่นและลงจากรถเพื่อไปซื้อกาแฟดื่มเมื่อดื่มกาแฟเสร็จพี่บิ๊กจึงขึ้นรถและขับออกไปมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป
จนกระทั้งเลี้ยวเข้าสู่ถนนสายเปลี่ยวเหมือนเดิม และพี่บิ๊กก็ขับรถไปเรื่อยๆเหมือนเดิมจนกระทั้งมาเจอศาลารอรถริมทางอยู่ศาลาหนึ่งซึ่งมีเด็กและผู้หญิงนั่งอยู่ เด็กและผู้หญิงนั้นมองดูแล้วเด็กและผู้หญิงนั้นไม่น่าจะใช่แม่และลูก เพราะผู้หญิงมองดูแล้วน่าจะเรียนอยู่ด้วยซ้ำเพราะยังตัดผมเหมือนเด็กมัธยมอยู่เลย ส่วนเด็กก็น่าจะ2 เมื่อพี่บิ๊กกำลังจะขับรถผ่านเด็กและผู้หญิง คนนั้นก็โบกมือเพื่อจะให้รถจอดแต่พี่บิ๊กก็ทำท่าเหมือนจะจอดแต่พี่บิ๊กก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าเด็กและผู้หญิงที่ไหนจะมานั่งเล่นที่ศาลารอรถริมทางอย่างนี้เวลาดึกๆดึ่นๆอย่างนี้วะ
เมื่อพี่บิ๊กคิดได้อย่างนั้นพี่บิ๊กจึงรีบเยียบคันเร่งออกไปเพื่อให้พ้นจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด เมื่อพี่บิ๊กเร่งเครื่องออกมาเหมือนว่าเด็กและผู้หญิงคนนั้นจะวิ่งตามรถมา เมื่อมองดูกระจกมองหลังข้างรถเหมือนว่าเด็กและผู้หญิงคนนั้นจะวิ่งช้าๆแต่ว่าพี่บิ๊กเยียบคันเร่งประมาณ120แต่ว่าเด็กและผู้หญิงคนนั้นจะวิ่งมาถึงตัวรถแค่อีกไม่กี่ก้าวเท่านั้นอยู่ๆพี่บิ๊กก็ได้ยินเสียงเคาะกระจกประตูรถ ก๊อก ก๊อก ก๊อก
พี่บิ๊กจึงมองดูตรงต้นเสียงที่เกิดขึ้นนั้นว่ามันเกิดอะไรขึ้นว่าเป็นลิ้นที่ยาวมากที่มาจากปากของผู้หญิงคนนั้นที่วิ่งตามรถอยู่ท้ายรถ เมื่อพี่บิ๊กเห็นอยางนั้นพี่บิ๊กบอกว่าพี่บิ๊กถึงเกือบช็อกเมื่อได้เห็นภาพนั้นตอนนั้นเวลาประมาณ03.30น.แล้วแล้วใกล้จะถึงที่ส่งสินค้าแล้ว อยู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็หายไป เมื่อพี่บิ๊กส่งสินค้าเสร็จรุ่นพี่ของพี่บิ๊กก็ตื่นมาพอดีพี่บิ๊กเลยไปซื้อของมาทำบุญตักบาตรแล้วพี่บิ๊กจึกขับกลับโดยให้รุ่นพี่เป็นคนขับ ต่อจากนั้นมาพี่บิ๊กจึงไม่กล้าขับรถตอนกลางคืนอีกเลยถ้าไปส่งสินค้าถ้าค่ำแล้วพี่บิ๊กจะจอดรถพักก่อนพอเช้าแล้วค่อยไปต่อ นี่คือเรื่องราวของพี่บิ๊กที่เล่าให้ผมฟังครับ
ขอขอบคุณรูปถาพจาก : Pixar