นิยาย ผมจะรักแล้วนะครับคุณพี่ฝ่ายช่าง ตอนที่ 5
ความเดิมตอนที่แล้ว ฟีฟ่าได้ไปทำงานร่วมกับพี่ภูผา รุ่นพี่ฝ่ายช่างที่แอบชอบ❤
เรื่องราวของทั้งคู่จะเป็นยังไงมาติดตามกันต่อได้เลยครับ
บทที่ 5
ตั้งแต่เริ่มงานมาวันนี้เป็นวันแรกที่ผมจัดการงานตรงหน้าเสร็จก่อนเวลาเลิกงาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพี่หญิงที่ดึงงานบางส่วนกลับไปทำ ตอนนี้ผมจึงไปช่วยงานพี่แมวเหมียวเท่าที่พอจะทำได้
“เป็นไงบ้างล่ะเมื่อวานไปเดินตรวจงานกับฝ่ายช่าง”
“ก็ดีครับพี่หญิงสนุกดี”
“วันนี้ต้องไปเดินตรวจอีกใช่ไหมล่ะ วันเดียวไม่เสร็จหรอก”
“ครับ ถึงเวลาเดี๋ยวพี่เขาจะมาเรียก”
“เหนื่อยหน่อยนะ”
“ไม่หรอกครับ สนุกดีได้เรียนรู้งานใหม่ ๆ ด้วย”
“คิดอย่างนั้นก็ดี ประสานงานกับฝ่ายช่างจะวุ่นวายหน่อย อะไรจุกจิกก็ส่งใบแจ้งงานมาทำไปอีกหน่อยก็ชิน”
ได้แต่ยิ้มตอบกลับไป ตอนนี้ผมยังนึกถึงหน้าของพี่ภูผาตอนที่สอนงานให้บนดาดฟ้าอยู่เลย คนอะไรจะมองมุมไหนก็ดูดี ได้คนสอนงานดีขนาดนี้งานหนักแค่ไหนผมก็สู้ตาย
สู้โว้ยยยย
ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ผมแทบจะยิ้มออกมา
“พูดถึงก็มาเลย”
ผมหันไปมองตามเสียงพี่หญิงก็เห็นว่าพี่ภูผากำลังผลักประตูเข้ามาพร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์ทักทายทุกคน
“ไปกันครับ พี่มารับแล้ว”
ไม่ต้องพูดอะไรมากมายแค่ยืนนิ่ง ๆ พูดแค่นี้ผมก็คิดไปไกลแล้ว
มันให้ความรู้สึกเหมือนแฟนมารับกลับบ้านไม่มีผิด
“จะไปไหนกันคะ” เสียงขัดความสุขมาพร้อมพี่แมวเหมียวที่มาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตายากจะคาดเดาที่มองผมกับพี่ภูผาพร้อมด้วยยกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ
“ไปตรวจงานต่อจากเมื่อวานครับ” เป็นพี่ภูผาที่ตอบออกไป
“สนใจรับคนไปช่วยตรวจเพิ่มไหมคะพอดีพี่ว่าง”
ว่างหรอครับ แล้วงานที่วางกองอยู่บนโต๊ะนั่นล่ะคืออะไร
“ไม่เป็นไรครับพอดีผมอยากไปกับน้องฟีฟ่า”
ขออนุญาตเขินได้ไหมครับ ส่วนพี่แมวเหมียวคงอึ้งสิครับและดูเหมือนพี่แมวเหมียวจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรืออาจจะไม่ใช่ในเมื่อสีหน้าเจ้าตัวไม่ได้ดูใกล้เคียงคำว่าอึ้งแม้แต่น้อย แล้วสายตาที่วาวเป็นประกายขึ้นมานี่มันอะไรกัน
ผมชักจะเดาทางพี่สาวคนนี้ไม่ถูกแล้วครับ
“กลับไปทำงานได้แล้ว” เสียงของพี่หญิงดังขึ้นเหมือนเสียงเรียกเข้าชั้นเรียนเพราะพี่แมวเหมียวก็เดินกลับไปที่โต๊ะทันทีส่วนพี่ภูผาก็เดินนำผมออกไป
“ไปกันครับ”
“ครับ” คงมีแต่พี่ภูผาสินะที่ไม่รู้สึกอะไรกับความวุ่นวายของคนในห้อง ผมได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้เพื่อนในแผนกแล้วเดินตามแผ่นหลังกว้างออกไป
“ดูเหมือนพี่เหมียวจะชอบพี่นะครับ”
“แต่พี่ไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย”
“ครับ”
“อีกอย่างพี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
จุกสิครับได้ยินแบบนี้
ทำไมถึงรู้สึกจุกไปทั้งความรู้สึก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าคงมีแต่ผมที่แอบชอบอีกฝ่ายอยู่ข้างเดียว
ทั้งที่รู้ว่ามันคงเป็นอย่างที่คิดไม่ได้
“ครับ” คงทำได้แต่ยิ้มทั้งที่รู้สึกเสียใจ
เป็นไปได้ก็อยากให้คนที่พี่เขาชอบเป็นผมคนนี้ ถึงแม้ผมจะเป็นผู้ชายเหมือนพี่เขาก็ตาม
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ป...เปล่าครับ พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“ไปเดินข้างหลังทำไมมาเดินข้างพี่ดิ” พี่ภูผาดึงผมไปเดินกอดคอไว้ “แล้วที่บอกว่าคิดอะไรเพลิน ๆ นี่คิดเรื่องพี่ด้วยหรือเปล่า”
ทำไมถึงอ่อยเก่งขนาดนี้ครับ
จะรู้บ้างไหมว่ายิ่งทำอย่างนี้ผมยิ่งคิดไปไกลนะ
แต่พี่เขาจะไปรู้ได้ไงล่ะในเมื่อมีแค่ผมที่รู้เพราะมันเป็นความรู้สึกของผมเองที่ต้องเก็บเอาไว้ จะให้พูดออกไปตรง ๆ ก็ทำไม่ได้ คงต้องเก็บซ่อนความรู้สึกแบบนี้ต่อไปแล้วเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน
คงเป็นทางที่ดีที่สุด
ผมมัวแต่สนใจคนข้าง ๆ ทำให้ไม่ได้มองเลยว่ามีช่างอีกสองคนเดินสวนมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเหมือนตะโกนคุยกันทั้งที่ยืนห่างกันแค่หนึ่งไม้บรรทัด
“ฮั่นแหน่ เดี๋ยวนี้ควงเด็กเดินว่อนในบริษัทเลยนะ” พี่โกโก้ที่เดินสวนมาร้องทัก
“พี่ก็ไปแซวพี่ภูผา ว่าแต่จะพาพี่ฟีฟ่าไปทำอะไรครับพี่” คนนี้ชื่อแสตมป์ครับ ผมพอจะจำได้เพราะเป็นช่างเด็กสุดของแผนกและหน้าตาดี (รองจากพี่ภูผา) พูดขึ้นต่อ
“เดินตรวจงานประจำเดือนไง” พี่ภูผาตอบ
“น้องดูบอบบางอย่าไปทำอะไรหนัก ๆ ล่ะครับเดี๋ยวน้องจะไม่ไหว แต่ห้องสัมมนาชั้นสี่ว่างนะลูกค้าเพิ่งใช้เสร็จ พี่เพิ่งไปตรวจห้องมา” ถึงกระซิบคุยกันแต่ผมที่ถูกแขนคล้องคอไว้ก็ได้ยินนะครับพี่โกโก้
ปกติแล้วช่างเขาคุยกันทะลึ่งแบบนี้หรือไง
หรือผมจะคิดทะลึ่งไปเอง เขาอาจจะหมายถึงให้เราสองคนขึ้นไปตรวจห้องสัมมนาก็ได้
“ไปทำงานกันดีกว่าเดี๋ยวงานจะไม่เสร็จ” พี่ภูผาเดินไปต่อทำให้ผมต้องก้าวเท้าเดินตามไปโดยมีเสียงหัวเราะดังอยู่ข้างหลัง
ในที่สุดก็ตรวจครบทุกชั้น เช็กครบทุกจุดสักที ผมทิ้งตัวลงนั่งรอพี่ภูผาที่ขอตัวไปห้องน้ำหน้าห้องจัดประชุมที่ไม่มีใครใช้งาน
“โอ้ยยย”
“ตกใจหรอ” อีกฝ่ายหัวเราะผมที่สะดุ้งตัวลอยเพราะถูกขวดน้ำเย็นฉ่ำแตะตรงต้นคอ “พี่ซื้อมาให้”
“ให้ผมหรอ”
“อยู่กันสองคนจะให้พี่ซื้อฝากใครล่ะครับ”
“ขอบคุณนะครับ”
น้ำขวดแรกที่พี่ภูผาซื้อให้ ไม่กินได้ไหมจะเก็บไว้แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะตอนนี้เปิดฝาขวดแล้วกรอกน้ำลงปากเป็นที่เรียบร้อย
“ป่ะ”
“ไปไหนครับ” งานก็ทำเสร็จหมดแล้ว นี่ผมยังจะต้องไปทำอะไรอีกแค่เดินไปทุกชั้นก็ปวดขาจะแย่
“ไปหาอะไรสนุก ๆ ทำกัน”
ผมสำลักน้ำลายตัวเองจนต้องไอออกมาชุดใหญ่ นี่ถ้ามีน้ำอยู่ในปากคงได้เห็นผมพ่นละอองฝอยออกไปแน่นอน
“คิดอะไรอยู่เนี่ย” พี่ภูผารีบลูบหลังพลางหัวเราะ
ตกลงว่าจะช่วยหรือจะขำกันแน่ครับ
“ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” กว่าจะเค้นเสียงตอบออกไปได้
“แน่ใจว่าไม่ได้คิด หน้านี่แดงเลยนะ” พี่ครับ ผมเพิ่งสำลักน้ำหน้าจะแดงคงไม่ใช่เรื่องแปลก
“ก็พี่พูดกำกวมให้ผมคิด”
โบ้ยความผิดให้ซะเลย เกือบจะทำผมสำลักน้ำตายแล้วไหมล่ะ
“คิดลึกนะเราเนี่ย อะไรสนุก ๆ เนี่ยพี่หมายถึงไปนั่งเล่นชั้นดาดฟ้ากัน ไปไหม”
“ไปครับ” ตอบแบบไม่ต้องคิด
“แล้วถ้าพี่ชวนไปทำอะไรสนุก ๆ อย่างอื่นล่ะครับจะไปไหม”
“พี่ภูผา” ผมทำเสียงดุ
แต่มีหรอที่อีกฝ่ายจะกลัว ไม่เลย ซ้ำยังหัวเราะไม่หยุดอีกต่างหาก
คงต้องขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น คงต้องขอบคุณงานตรวจอาคารประจำเดือนที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดกัน ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราสองคนได้ใกล้ชิดถึงจะแค่สองวันแต่ก็เปลี่ยนจากคนไม่รู้จักกันให้ได้พูดคุยกันถึงแม้จะไม่สนิทสนมเหมือนเพื่อนร่วมแผนกแต่ก็ดีกว่าได้แค่แอบมองไปวัน ๆ ท้องฟ้าตอนนี้เริ่มเปลี่ยนจากสีส้มอ่อนเป็นความมืดตัดกับแสงสว่างจากอาคารบ้านเรือนและท้องถนนที่มีรถติดอยู่ยาวเหยียดกลายเป็นวิวที่ดูสวยไปอีกแบบ อากาศก็เริ่มเย็นลงจนรู้สึกได้
เหงา
จู่ ๆ ความเหงาก็เข้ามาในความรู้สึก ผมทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งไม้ตัวยาวแขนทั้งสองข้างขยับขึ้นกอดตัวเองไว้โดยที่สายตายังมองเหม่อไปตามแสงสีของเมืองหลวงที่ดูไม่เงียบเหงาเหมือนความรู้สึกข้างใน นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้
จะว่าไปอารมณ์ตอนนี้ก็ชวนให้คิดถึงบ้านอยู่ไม่น้อย
“หนาวหรอ”
“ครับ” อันที่จริงก็ไม่ได้หนาวหรอกครับแค่รู้สึกเหงามากกว่า
“แบบนี้อุ่นขึ้นไหม” คนถามนั่งลงข้าง ๆ และขยับเข้ามาโอบไหล่ให้ผมตกอยู่ในอ้อมกอด
“ผม...อุ่นครับ” อยากจะบอกออกไปตรง ๆ ว่าเขินครับแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปเลยตอบออกไปอย่างนั้นแทน
คิดไปไกลอีกแล้วครับ
คิดไปไกลมากด้วยตอนนี้
ผมเป็นน้องชายคนเล็กของครอบครัวที่มีพี่ชายคนโตและพี่สาวคนกลางคอยดูแลมาตลอดจนเรียนจบและได้ทำงานจนถึงทุกวันนี้ ความรู้สึกที่ได้รับการดูแลมาตลอดชีวิตผมจำมันได้ดีแต่ความอบอุ่นที่เคยสัมผัสมาตลอดจากพี่ทั้งสองคนมันต่างออกไปจากความอบอุ่นที่สัมผัสได้ในตอนนี้
มันเป็นความอบอุ่นที่ต่างออกไปซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร รู้แค่ว่าตอนนี้ผมรู้สึกดีจนไม่อยากลุกไปไหน
อยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ถึงแม้ผมจะทำได้แค่แอบเขิน แอบคิดไปไกล แอบมองใบหน้าคนข้าง ๆ แล้วไม่กล้าพูดอะไรออกไปก็ตาม แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้ใกล้ชิดกัน
“แสงไฟก็สวยดีนะครับ แต่ดูไปนาน ๆ ก็รู้สึกเหงาขึ้นมา” ผมพูดขึ้นลอย ๆ ปล่อยให้เสียงลอยละล่องไปตามสายลมเย็น
“เหงาหรอ”
“ครับ”
“ไม่ต้องเหงา มีพี่อยู่เป็นเพื่อนทั้งคนบางทีเวลาคิดถึงคนที่บ้านพี่ก็ชอบนั่งเหม่อมองท้องฟ้าแบบนี้เหมือนกัน ถึงจะรู้สึกเหงาแต่มันก็ทำให้พี่รู้สึกสบายใจถ้าไม่เชื่อลองมองขึ้นไปดูสิ”
ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเข้าสู่ความมืดเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะปล่อยลมหายใจออกยาวเหยียด จริงอย่างที่พูดถึงภาพของท้องฟ้าที่กว้างใหญ่จะทำให้รู้สึกเหงาแต่ก็ทำให้อีกส่วนของความรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฟีฟ่ามีพี่น้องหรือเปล่า”
“มีครับ ผมมีพี่ชายกับพี่สาว”
“เป็นน้องคนสุดท้องหรอ”
“ครับ แล้วพี่ล่ะ” ผมกลับมามองหน้าคนข้าง ๆ
“พี่เป็นลูกคนเดียว ไม่เคยรู้สึกเลยการมีพี่น้องมันเป็นยังไง ตอนเด็กพี่ไม่เคยรู้สึกอยากมีพี่น้องเลยนะเพราะคิดว่าเป็นลูกคนเดียวมันก็ดีอยู่แล้วพ่อแม่จะได้รักเราแค่คนเดียว”
“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”
“มีน้องชายสักคนก็คงดี” แขนที่โอบไหล่ผมไว้ถูกกระชับแน่นขึ้น “ให้พี่เป็นพี่ชายของฟีฟ่าอีกสักคนนะ”
“ได้สิครับ ดูจากอายุแล้วพี่คงเป็นพี่คนโตเลยล่ะครับ”
“พูดเรื่องอายุแล้วหมดอารมณ์เลย”
“ขอโทษครับพี่ชายยย...” ผมทำเสียงทะเล้นติดตลกแต่นั่นก็เป็นคำที่ใช้ย้ำเตือนความคิดว่าอีกฝ่ายคิดกับผมแค่นั้นไม่ได้เกินเลยไปไกล
แค่พี่น้องกันเท่านั้น
ทำไมคำว่าพี่น้องจากปากที่ได้ยินถึงทำให้ผมรู้สึกจุกอยู่ที่ความรู้สึกได้อย่างนี้ อยากจะพูดออกไปให้ได้ยินว่าไม่ได้อยากเป็นแค่น้องชาย
อยากเป็นมากกว่านั้นพี่เข้าใจไหม
แต่ก็คงทำได้แค่ยิ้มกลบเกลื่อน
“พี่เคยเหงาบ้างไหมเวลาที่เห็นคนอื่นที่มีพี่น้อง” ผมถามออกไปเพราะกลัวว่าความเงียบจะเข้ามาแทนที่
“ก็...เคยมีนะ ตอนเด็ก ๆ เวลาที่เห็นเพื่อนมีพี่มารับที่โรงเรียน มีน้องให้นั่งเล่นกันเวลารอกลับบ้านแต่พี่ต้องนั่งรอแค่คนเดียว”
“ฟังแล้วก็เหงาเหมือนกันนะ”
“แต่ตอนนี้พี่คงไม่เหงาแล้วล่ะก็พี่มีฟีฟ่าแล้วนี่ไง” พี่ภูผาขยี้ลงบนผมของผมที่ไม่รู้ว่าจะนุ่มอย่างที่พี่เขาคิดไว้หรือเปล่า “กลับกันเถอะ”
“ครับ”
“ฟีฟ่าพักอยู่แถวไหน”
“นั่นไงหอผม” ผมลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วชี้ไปตรงบริเวณหอพักซึ่งมองเห็นได้ง่ายจากดาดฟ้าสูง มองจากตรงนี้เหมือนจะใกล้แค่เดินถึงแต่เอาจริง ๆ ก็ไกลอยู่เหมือนกันนะ
“จริงดิ ใกล้ ๆ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับพี่ ผมกลับเองได้จะได้ไม่รบกวนพี่”
“ทำไมถึงปฏิเสธพี่ชายได้ลงคอล่ะ”
พูดขนาดนี้แล้วผมคงปฏิเสธไม่ได้สินะ ตั้งแต่มาอยู่เมืองหลวง นอกจากซ้อนท้ายพี่วินมอเตอร์ไซค์แล้วผมก็ไม่เคยซ้อนท้ายใครเลยนะ
ใช้เวลาไม่นานบิ๊กไบค์สีดำวาวที่ผมเห็นตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานก็มาจอดส่งตรงหน้าหอพัก
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”
“อื้ม เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“พรุ่งนี้ผมหยุดครับ”
“ลืมไปเลยว่าพรุ่งนี้วันเสาร์ งั้นเราก็ไม่เจอกันสองวันเลยสิ แบบนี้พี่ก็คิดถึงแย่” "
“ค...ครับ” ผมตอบเสียงสั่นเลยล่ะครับ
ทำไมถึงชอบพูดอะไรให้คิดไปไกลเกินกว่าคำว่าพี่น้องกันนะ
“ไว้เจอกันวันจันทร์พี่ไปล่ะ”
ผมยืนโบกมือส่งพี่ภูผาจนลับตาก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงทั้งชุดทำงาน ทั้งที่พรุ่งนี้จะได้นอนตื่นสาย ทั้งที่เป็นวันหยุดแรกของการทำงานที่รอคอยแต่เมื่อคิดว่าจะไม่ได้เจอคนที่วนเวียนอยู่ในความคิดแล้วผมก็รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก เสียงของอีกฝ่ายที่บอกว่าเราเป็นพี่น้องกันยังก้องในความคิด ตอนนี้ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเองให้ใครเข้าใจได้เลยครับแม้แต่จะอธิบายให้ตัวเองเข้าใจความรู้สึกของตัวเองยังทำไม่ได้เลย
“เห้อ...” ทำได้แค่ถอนหายใจให้ความรู้สึกตัวเองแล้วลากร่างกายไปอาบน้ำ แต่จะว่าไปก็รู้สึกหิวขึ้นมาแล้วสิ แทนที่จะเดินตรงไปยังห้องน้ำตอนนี้จึงต้องเปลี่ยนไปที่กระติกน้ำร้อนแทนเพื่อจัดการต้มน้ำใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ซื้อติดห้องเอาไว้ยามหิว
ครืด
ครืด
ครืด
ไม่ทันจะได้จะได้ตักเข้าปากมือถือที่วางไว้บนโต๊ะก็สั่นรัวจนต้องหยิบขึ้นมาดู
“ส่งแชทมาขนาดนี้ มีอะไรด่วนอีกล่ะเนี่ย” ผมเปิดอ่านข้อความในช่องสนทนาจากเพื่อนสนิทสมัยเรียนเจ้าเก่าเจ้าเดิมเพิ่มเติมคือพักหลังมานี่หายไปจากชีวิตผมอยู่หลายสัปดาห์
วุ้นเส้นที่กินแล้วอร่อย : ฟีฟ่า
: แกรู้จักพี่ภูผาด้วยหรอ
: ไปรู้จักกันได้ไง
: ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้
: ตอบค่ะ มาตอบเดี๋ยวนี้
: ตอบด่วนค่ะ
: ตอบบบ
: ฮัลโหลมายเฟร์นมาตอบหน่อย
: อย่าปล่อยให้เพื่อนรอนาน
พี่ภูผางั้นหรอ...
นี่วุ้นเส้นรู้จักพี่ภูผาด้วยงั้นหรอ แล้วรู้ได้ไงว่าผมรู้จักกับพี่ภูผา เห็นทีคงต้องคุยกันยาวแล้ว ผมย้ายตัวเองไปนอนพาดบนเตียงระหว่างที่รอให้เส้นบะหมี่ในชามสุกได้ที่เพื่อที่ได้จะพิมพ์ตอบเพื่อนซี้กลับไปเพราะคงเป็นผมมากกว่าที่จะต้องถามอีกฝ่ายไปรู้จักกันได้ยังไง
ผมเอง : รู้จัก
: ทำงานที่เดียวกัน
: รู้จักพี่ภูผาด้วยหรอ
: แล้วรู้ได้ไงว่าเรารู้จักพี่เขา
สิบนาทีผ่านไปช่องแชทก็ยังเงียบเหมือนเดิม
ยี่สิบนาทีผ่านไปก็ยังไร้วี่แววของคำตอบ
แล้วผมที่เหนื่อยมาทั้งวันก็เผลอหลับไปพร้อมความสงสัยที่ยังไม่ได้คำตอบ
---------------
ติดตามอ่านตอนอื่นๆ ได้ที่
บทที่ 4 https://board.postjung.com/1485834
บทที่ 3
https://board.postjung.com/1481624
บทที่ 2 https://board.postjung.com/1480825
บทที่ 1 https://board.postjung.com/1480220
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
เปิดโผสุดปัง! 10 อันดับ ละคร/ซีรีส์ไทย ที่คนไทยค้นหามากที่สุดบน Google ปี 2568
เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เจอคลื่นความหนาวเย็นรุนแรงและพายุหิมะถล่ม การเดินทางชะงักทั่วเมือง
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
นิทานเพื่อนรัก 3 คนสู่โศกนาฏกรรมปริศนา! สั่งระงับเผาศพ-พบ "ไซยาไนด์" ในร่างผู้เสียชีวิต
วิธีป้องกันตะขาบในบ้าน ลดเสี่ยงโดนกัด
เลขเด็ด "แพนแพนพารวย" งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68..สูตรหวยเด็ด รวยก่อนใคร!
ร้านหยกเขียวสุกี้ (แม็คโครโลตัสบ้านไผ่)
🌑 5 'รหัสลับ' ที่ต้องรู้ก่อนทำงานใน 'ออฟฟิศเก่า' หลัง 4 โมงเย็น! — เปิดโปง 'ตำนานซุ้มประตูที่ 7' และ 'กฎการมองไม่เห็น' ที่คนในวงการไม่กล้าพูดถึง! 👻
⚠️ 7 ปรากฏการณ์! การสิ้นสุดของ 'งานประจำแบบเดิม' และ 'การสร้างรายได้ 4.0' ที่นักบริหารต้องรับมือในปีหน้า! 💸
กินไข่ผิดชีวิตเปลี่ยน? ไข่ทั้งฟอง vs ไข่ขาว กินแบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน!