Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageแชร์ลิ้ง
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ผมจะรักแล้วนะครับคุณพี่ฝ่ายช่าง EP2 [นิยาย]

เนื้อหาโดย monkeythink

หวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีสำหรับทุกคนนะครับ

บทแรก ฟีฟ่า ก็ได้เจอกับพี่ภูผาไปแล้ว แค่เจอกันครั้งแรกฟีฟ่าก็แทบออกอาการ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ มาติดตามต่อกันเลยครับ

 

บทที่ 2 : แอบมอง

การทำงานวันแรกผ่านไปได้ด้วยดี นอกจากเพื่อน ไม่สิต้องเรียกว่าพี่ ๆ ในแผนกถึงจะถูกเพราะสมาชิกในแผนกรวมกันสี่คนน้องใหม่อย่างผมคือคนที่อายุน้อยที่สุด

วันแรกผ่านไปด้วยดี วันที่สองก็ต้องดีตามผมเชื่ออย่างนั้น วันนี้ผมมาถึงที่ทำงานเร็วแต่ก็ไม่เร็วไปกว่าหัวหน้าแผนกที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะของตัวเอง

“สวัสดีครับพี่นิพนธ์”

“สวัสดีฟีฟ่า มาเช้าจังเลยนะ”

“ครับ ผมพักอยู่ใกล้ ๆ น่ะครับก็เลยมาเร็ว”

อุตส่าห์ดีใจที่ได้มาถึงเป็นคนแรก แต่ดันไม่ใช่ซะงั้น บอกตามตรงผมยังรู้สึกตื่นเต้นกับงานใหม่แบบใจเต้นตุบตับเลยล่ะ ไหน ๆ ก็มาถึงแล้วผมขอเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเก็บกวาดเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่เข้าทาง ดูท่าคนเก่าที่ลาออกไปถ้าไม่ได้เขียนใบลาออกด้วยดีก็คงถูกกองเอกสารพวกนี้ทับจนอาการสาหัสสินะ

เอาไปย่อยทิ้งซะดีไหม

จะหันไปทางไหนก็มีแต่กองเอกสารทั้งนั้นแถมคนใหม่อย่างผมก็ยังไม่รู้ด้วยสิว่าเอกสารชิ้นไหนสำคัญมากน้อยกว่ากัน แล้วเอกสารชุดไหนที่ยังต้องใช้ดำเนินการ

“มาเร็วจังเลยนะ” มัวแต่สนใจกองเอกสารจนลืมมองไปเลยว่ามีใครเปิดประตูเข้ามา

“สวัสดีครับพี่หญิง พอดีผมพักอยู่ใกล้ ๆ ก็เลยมาเร็ว”

“อืม ช่วงแรก ๆ ก็มาเร็วกันทุกคน”

ช่างเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาของวันที่ดี (ประชด) และนี่คงเป็นประโยคสนทนาที่เรามีต่อกันทั้งวันทั้งที่โต๊ะทำงานเราสองคนติดกัน (เมื่อวานพี่หญิงก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมมากมาย มีแค่ตอนสอนงานเท่านั้นที่ผมจะได้ยินเสียง) เรียกง่าย ๆ ว่าถ้าไม่เห็นรอยต่อของขอบโต๊ะสองตัวที่วางติดกันผมคงคิดว่าเป็นโต๊ะยาวตัวเดียวกันไปแล้ว ตอนนี้ผมคงต้องใช้ขอบโต๊ะเป็นตัวแบ่งอาณาเขตเพราะดูจากการจัดวางของอันเป็นระเบียบเรียบร้อยของโต๊ะทำงานด้านข้างแล้วไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวที่ล้ำเกินอาณาเขตมายังโต๊ะผมสักชิ้น

“สวัสดีเด็กใหม่” มัวแต่สนใจเรื่องโต๊ะจนไม่ได้สนใจคนที่เปิดประตูเข้ามา รู้ตัวอีกทีก็มีเสียงหวานทักขึ้นแล้ว

“สวัสดีครับพี่เหมียว”

“เหมียววันนี้คุณสอนงานเด็กใหม่ด้วยนะ ช่วงนี้งานในส่วนฝ่ายอาคารผมจะให้เด็กใหม่ดูแลร่วมกับคุณ”

“ได้ค่ะพี่นิพนธ์”

และแล้วเวลาแห่งการเรียนรู้งานอย่างจริงจังก็เริ่มขึ้นเมื่อพี่เหมียวหอบเอางานมาวางไว้บนโต๊ะผมพร้อมกับเจ้าตัวที่เบียดจนแทบแนบชิด

“วันนี้พี่จะสอนให้ทำเอกสารฝ่ายอาคารนะฟีฟ่า”

“ครับ” อยากจะบอกว่าไม่ต้องเบียดผมขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ เลือดเราสองคนจะออสโมซิสกันอยู่แล้วนะครับ

การเรียนรู้งานในช่วงเช้าทำให้ผมต้องตั้งสติหลายครั้งเพราะต้องจำว่างานรูปแบบไหนต้องประสานกับฝ่ายใด แต่ก็เป็นโชคดีที่ได้พี่แมวเหมียวผู้แสนอารมณ์ดีเป็นพี่เลี้ยงช่วงพักเที่ยงจึงได้มานั่งกินข้าวที่ห้องอาหารพนักงานพร้อมกัน

“พี่จะออกไปซื้อขนมแถวหน้าบริษัทจะไปด้วยกันไหม”

“ก็ดีครับพี่ ผมยังไม่รู้จักแถวนี้เลย”

“งั้นป่ะ เดี๋ยวพี่พาทัวร์แต่ร้อนหน่อยนะ”

“สบายมากครับพี่” ถึงจะตอบออกไปอย่างนั้นแต่ใจลึก ๆ ก็กลัวว่าผิวที่อุตส่าห์ฟูมฟักให้ขาวเนียนจะได้รับการกระทบกระเทือน

นั่งกินข้าวจนจะลุกไปเก็บจานผมถึงเพิ่งรู้ว่าห่างไปแค่ไม่กี่โต๊ะมีแผนกช่างนั่งกินข้าวกันอยู่เป็นกลุ่ม หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า นับแล้วมีกันอยู่ห้าคน

“ฝ่ายช่างคนเยอะเหมือนกันนะครับ”

“อืมเยอะ แต่ก่อนมีเยอะกว่านี้นะประมาณสิบคนได้ แต่ตอนนี้เหลืออยู่เจ็ดคนมั้ง” พี่แมวเหมียวตอบทั้งที่ไม่ได้หันไปมอง

ตอนที่ลุกจากโต๊ะไปเก็บจานผมก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองก็ในกลุ่มชายฉกรรจ์นั้นมีช่างหน้าคมคนใหม่นั่งอยู่ด้วย และถ้าตาไม่ได้ฝาดไปผมเห็นนะครับว่าพี่เขาหันมายิ้มให้ทำเอารีบยิ้มตอบกลับไปแทบไม่ทัน แค่หน้านิ่งก็หล่อแล้วทำไมต้องมายิ้มให้ใจหวั่นไหวด้วย รู้ไหมครับว่าคนโสดอย่างผมมันหวั่นไหวถึงจะเป็นแค่รอยยิ้มก็เถอะ แถมยังรู้สึกว่าเขาแอบมองผมอยู่ เชื่อเถอะครับว่าผมไม่ได้รู้สึกไปเองเพราะคนเรามักจะรู้สึกได้เวลาที่ถูกสายตาคู่อื่นแอบมองมา

แต่คงเป็นเพราะเราเริ่มงานวันเดียวกันพี่เขาก็เลยทักทายตามมารยาทด้วยการยิ้มให้

แล้วสมองก็หาคำตอบมาให้กับตัวเอง

นี่ผมเพ้อเจ้อจนถึงขั้นต้องหาเหตุผลมาอธิบายตัวเองแล้วหรือไง

รีบเดินตามหลังพี่แมวเหมียวไปดีกว่า

“โอ้โห” ผมเผลออุทานออกมาเสียงดังเพราะหน้าบริษัทตอนนี้เต็มไปด้วยรถขายของจอดเรียงรายแบบเลือกซื้อได้เลยว่าต้องการกินอะไรไม่ต่างไปจากหน้ามหาวิทยาลัยยามเย็นที่ผมเพิ่งจากมา ต่างกันก็ตรงที่ตอนนี้แสงแดดมันไม่น่าอภิรมย์กับการเดินเลือกซื้อน่ะสิครับ

ผมกลัวผิวเสียจริง ๆ นะ

“ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น”

“เพิ่งรู้ว่ามีของมาขายเยอะขนาดนี้”

“ถ้าร้อนจะไปหาซื้อในศูนย์อาหารตรงนั้นก็ได้นะ เป็นของบริษัทเราเหมือนกัน”

ลืมไปเลยครับว่าบริษัทที่ผมทำงานอยู่มีศูนย์อาหารที่เปิดแยกอยู่ริมถนนข้างบริษัทด้วย ตามที่พี่แมวเหมียวผู้รอบรู้ทุกสรรพสิ่งเล่าให้ฟังเห็นจะเป็นธุรกิจของลูกชายเจ้าของบริษัทที่ใช้พื้นที่ว่างของตระกูลให้เกิดประโยชน์ด้วยการเปิดศูนย์อาหาร

“ไม่เป็นไรครับซื้อแถวนี้ก็ได้ ผมไปซื้อผลไม้ตรงนั้นนะ”

“โอเค งั้นพี่ไปซื้อขนมตรงนั้น ผลไม้พี่ไม่ถนัด”

ผมเดินแยกไปที่รถคุณลุงขายผลไม้ พลางคิดว่าจะกินอะไรดีในเมื่ออยากกินไปซะทุกอย่าง

“คิดไม่ออกหรอหนุ่ม”

“ครับลุง”

“เรื่องปกติ ไม่ต้องทำหน้าเครียด” เหมือนการมายืนคิดอยู่หน้าตู้กระจกจะเป็นเรื่องปกติสำหรับคนขายอย่างลุงแต่ผมนี่สิกำลังรีดความคิดอย่างหนักว่าจะกินอะไรดี

“งั้นผมเอาแคนตาลูปครับ”

กินง่าย หวาน กรอบ และที่สำคัญอร่อย นี่ล่ะครับตัวผม

เอ๊ย!!! ไม่ใช่ ผลไม้ที่ผมชอบต่างหาก

“แคนตาลูปหนึ่งชิ้นครับ”

ผมหันไปมองตามเสียงหล่อ พี่ภูผายืนอยู่ข้างผมแบบใกล้ชิด ตัวพี่เขาสูงชะมัดร้อยแปดสิบเซ็นน่าจะได้ เทียบกับร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรอย่างแล้วผมดูตัวเล็กตัวน้อยไปเลยครับ

“สวัสดีครับพี่มาซื้อผลไม้หรอครับ” ผมเผลอทักออกไปทั้งที่เห็นอยู่เต็มสองตาได้ยินเต็มสองหูว่าอีกฝ่ายเพิ่งสั่งผลไม้ออกไป

“ครับ ฟีฟ่าล่ะซื้ออะไร”

คงไม่ต้องตอบเมื่อคุณลุงยื่นถุงใส่แคนตาลูปมาให้ผม

“ใจตรงกันเลยเนอะ กินเหมือนกันเลย”

เขินสิครับ รออะไรอยู่ พูดแบบนี้ใจเต้นรัวเป็นกลองชุดเลยครับ รีบเดินไปรอพี่แมวเหมียวดีกว่าเดี๋ยวอาการมันจะแสดงออกไปมากกว่านี้

“ผมไปก่อนนะ”

“ครับ”

จะส่งยิ้มหล่อมาทำไมเนี่ย

เขินเว้ยยย...

พักเรื่องผู้ชายแล้วเข้าสู่โหมดการทำงาน ช่วงบ่ายผมได้รับมอบหมายงานเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นโดยที่พี่แมวเหมียวปล่อยให้ผมได้ทำงานส่วนเจ้าตัวก็กลับไปง่วนกับงานบนโต๊ะ เอกสารกองโตที่ผมเริ่มคัดแยกออกตามหน้าที่การดูแลทำให้ได้รู้ว่าแผนกประสานงานทั่วไปหรือที่คนในบริษัทเรียกว่าแอดมินมีหน้าที่ประสานหลัก ๆ ด้วยกันสามฝ่ายคือฝ่ายมัลติมีเดียห้องข้างเคียงที่ใช้ผนังกั้นห้องร่วมกันในการทำสื่อโฆษณาให้กับลูกค้า สองก็คือฝ่ายอาคารในการดูแลพื้นที่เช่าของอาคารซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสำนักงานเช่า ห้องประชุมสัมมนา รวมไปถึงศูนย์อาหารด้านข้างบริษัทที่ดูใหญ่โตและคนพลุกพล่านจากที่เห็นเมื่อช่วงเที่ยง ส่วนที่สามก็คือฝ่ายช่างซ่อมบำรุง

ซึ่งหน้าที่การดูแลของผมอยู่ในส่วนที่สอง ถึงแม้อยากจะดูแลส่วนที่สามก็เถอะ

ก่อนที่จะจมไปกับกองเอกสารที่พี่ ๆ ทั้งห้องมอบหมายให้ช่วยคัดแยกผมก็รู้สึกได้ว่ามีคนแอบมองแต่ไม่ใช่จากคนในห้องนะครับเพราะมันรู้สึกมาจากหน้าห้อง แต่เงยหน้าขึ้นไปก็ไม่เห็นใครสักคน

ผีหลอกตอนกลางวันหรือไง

แล้วผมก็จมลงกับกองเอกสารบนโต๊ะ บนพื้นข้างโต๊ะอีกครั้ง เสียงประตูห้องที่ถูกผลักเข้ามาแต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะแรงดึงดูดจากกองเอกสารนั้นมากกว่าการเงยหน้าเพื่อมองว่าเป็นใครที่เดินเข้ามา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่สนใจก็ในเมื่อตลอดช่วงเช้ามีคนเดินเข้าออกห้องทำงานผมเป็นว่าเล่นเพื่อเข้ามาส่งเอกสารซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพี่หญิงที่รับเอกสารพวกนั้นด้วยหน้าเรียบเฉย ถ้าจะให้สนใจทุกคนที่เข้ามาผมคงแยกเอกสารกองมโหฬารไม่เสร็จกันพอดี

“ผมมารับเอกสารแจ้งซ่อมครับ”

“อืม พอดีไปที่ห้องแล้วไม่เจอใครพี่เลยทิ้งโน้ตไว้” พี่หญิงพูดขึ้น

“คนนี้น้องใหม่แผนกผม เลยพามาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักจะได้ประสานงานกันง่าย”

“ชื่ออะไรล่ะเรา”

“ภูผาครับ”

ภูผางั้นหรอ...

ผมเงยหน้าขึ้นมองทันทีที่ได้ยินชื่อ

“ชื่อเล่นล่ะ” พี่หญิงถามต่อ

“ชื่อเล่นภูผาครับ ส่วนชื่อจริงหิมาลัย”

“ชื่อแปลกดีเด็กสมัยนี้ ไม่ค่อยได้ยิน” พี่หญิงว่าพลางยื่นเอกสารให้กับช่างใหม่ด้วยความเรียบเฉยอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวโดยไม่สะท้านกับความคมเข้มที่ยืนอยู่ตรงหน้า

เปลี่ยนให้ผมทำหน้าที่ตรงนั้นแทนก็ได้นะครับพี่หญิง

คิดไม่ออกเลยครับว่าถ้าเป็นผมที่เป็นคนยื่นเอกสารแผ่นนั้นให้กับพี่ภูผา กระดาษแผ่นนั้นจะสั่นขนาดไหน

ผมแอบมองพี่ภูผาสลับกับก้มหน้าลงไปคัดแยกเอกสารแบบไม่ให้มีพิรุธ

“เซ็นชื่อรับแล้วเอาตัวสำเนาไป ตัวจริงพี่จะเก็บไว้ตรวจสอบ”

“ตรวจสอบ” พี่ภูผาถามเสียงซื่อ

“ไว้ตรวจสอบไงว่าฝ่ายช่างทำงานเสร็จตามใบแจ้งงานหรือเปล่า เกิดอยู่ดี ๆ พวกเธอโมเมว่าแอดมินไม่แจ้งงานให้ทราบพี่จะได้มีหลักฐานว่าพวกเธอเซ็นรับงานไปแล้ว”

“ทำไมของขึ้นง่ายจัง” พี่ภูผากระซิบกับช่างอีกคนที่ยืนข้างกัน

“แบบนี้แหละสูงวัย”

แต่อย่าเรียกว่ากระซิบเลยครับเพราะผมที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังได้ยิน

“กระซิบอะไรกัน”

“ป่าวคร้าบบบพี่หญิงคนสวย” ช่างคนเก่ารีบปากหวานเข้าใส่

บอกแล้วขนาดผมยังได้ยินแล้วมีหรอที่พี่หญิงซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าจะไม่ได้ยิน

ห้องทำงานกลับสู่ความเงียบได้ไม่ถึงสิบวินาทีนับจากที่ช่างทั้งสองคนเดินออกไปเสียงพี่แมวเหมียวก็ดังขึ้นมาแทนที่

“ช่างคนใหม่หล่ออะ ว่าไหมพี่หญิง”

“อืม ก็ดูดี ดีกว่าพวกที่มีอยู่ตอนนี้ เดี๋ยวอยู่ไปนาน ๆ หน้าตาก็กลืน ๆ กัน” พี่หญิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ชื่ออะไรแล้วนะ ช่างคนใหม่”

“ภูผาครับ” ผมตอบทั้งก้มหน้าง่วนกับงาน

“ใช่ ๆ ภูผา ชื่อจริงหิมาลัย” พี่แมวเหมียวดูท่าจะตื่นเต้นที่นึกชื่อขึ้นมาได้

“นามสกุล ทรรศเกียงไกร” เป็นผมที่พูดขึ้นต่อ

ถึงจะไม่ได้มองแต่รู้เลยครับว่าสายตาพี่แมวเหมียวหันขวับมาทางผม และก็จริงอย่างที่คิดเมื่อเจ้าตัวพุ่งตรงมา

“รู้ได้ไงอะ”

“ก็เริ่มงานวันเดียวกัน ผมเห็นตอนกรอกเอกสาร” ไม่บอกความจริงหรอกนะว่าผมแอบดูตอนเขาเขียน

“แล้วเขามีแฟนยังอะ”

“มีงานก็กลับไปทำ อย่าไปกวนน้องมันจะได้ทำงานให้เสร็จ”

พี่หญิงพูดเนิบ ๆ แต่เชื่อเถอะว่าสะท้านความรู้สึกเหมือนถูกผลักให้ไปยืนอ้าปากกินลมอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ

“โถ่ พี่หญิงอะ”

“หรือจะให้พี่นิพนธ์เดินมาบอก” คำพูดเฉียบขาดของสตรีวัยกลางคนสยบความร่าเริงของพี่แมวเหมียวไว้จนหมดสิ้นจนต้องเดินกลับไปประจำโต๊ะทำงาน “จริง ๆ เลยเด็กสมัยนี้”

ห้องทำงานจึงได้กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง

ท่ามกลางความเงียบผมรู้สึกได้ถึงสายตาใครสักคนที่มองมาอีกแล้วครับ ผมรีบเงยหน้าจากกองเอกสารที่ใกล้หมดเต็มที แต่คนที่เดินอยู่หน้าห้องกลับเลื่อนสายตาหนีซึ่งคนคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน

“ภูผาเดินผ่านไปมาหลายรอบแล้วนะ สงสัยจะสนใจใครในห้องนี้แน่เลย” เป็นเสียงของพี่แมวเหมียวที่ดังขึ้น

ใช่ครับ คนที่เพิ่งเดินผ่านไปคือพี่ภูผา

และคิดว่าพี่แมวเหมียวคงจะคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วอย่างแน่นอน แต่ห้องทำงานเราอยู่ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำของพนักงานคงไม่แปลกที่จะพี่ภูผาจะเดินผ่านบ่อย ๆ

“ฟีฟ่า”

“ครับ” ผมหันไปตามเสียงกระซิบเรียกแล้วพี่แมวเหมียวก็ยื่นหน้ามากระซิบ

“คิดว่าช่างคนใหม่มีแฟนยัง”

“ไม่รู้สิครับพี่ ผมไม่ได้รู้จักพี่เขา”

“นึกว่ารู้จักกันจะได้ฝากไปบอกว่าพี่ยังโสดนะ เห็นเขาเดินผ่านหลายรอบเผื่อจะแอบมองพี่อยู่”

ถ้าพี่แมวเหมียวคิดเข้าข้างตัวเองได้ คงไม่แปลกที่ผมนะครับถ้าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองบ้าง

“แล้วฟีฟ่าล่ะมีแฟนยังพี่ยังโสดนะใส ๆ แบบนี้พี่ก็แพ้ทางนะ”

ถ้าผมกลอกตาวนใส่พี่ร่วมงานจะผิดไหมครับ

 

เช้าของวันทำงานที่วุ่นวาย หวังว่านิยายของผมจะช่วยลดความน่าเบื่อระหว่างการเดินทางลงไปได้บ้างนะครับ ❤

แล้วพบกันใหม่ตอนต่อไป

เนื้อหาโดย: MyTopic
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
monkeythink's profile


โพสท์โดย: monkeythink
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
มาเป็นคนแรกที่ VOTE ให้กระทู้นี้
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทะเลฟื้นแล้ว! อช.พีพี เปิดโลกใต้น้ำอีกครั้ง นักดำน้ำห้ามพลาดทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าจีน 245 % แล้ว!“เพชร” โผล่โหนกระแส ฟาดแรง “ถ้าคุยตั้งแต่วันนั้น ผมปล่อยไปแล้ว!”คุณทำ IF ถูกวิธีหรือไม่
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เขมรสายเคลมไม่จบ! ล่าสุดลั่นให้ไทยหยุดจัดสงกรานต์ หรือไม่ก็จ่ายมา 25%คุณยายวัย 70 ลุยเดี่ยวดูคอนเสิร์ตลำไย ไหทองคำ ที่สนามหลวง จู่ๆ โดนการ์ดไล่ หลังแค่ขอนั่งพักเพราะปวดขา สาวเข้าไปช่วย บอก “ไม่ต้องกลัวค่ะยาย”เผยสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569นายกประกาศชัด! ปีหน้า "มหาสงกรานต์จัดใหญ่กว่าเดิม" หวังดันไทยเป็นปลายทางของโลก!"ลุงโทนี่ ใส่ชุดอาหรับสุดอลังการ เปิดงานเชิญชวนคนมากินหมูหัน ทำเอาสายตาพร่า!"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
หากอาชีพนักเขียนนวนิยายหายไปพร้อมกันทั่วโลก… โลกวรรณกรรมจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรทำไมอาหารไทยจึงเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น12 เมนูอาหารไทยที่ได้รับความนิยมในหมู่ชาวต่างชาติ8 รายการโทรทัศน์ไทยที่ได้รับความนิยม จนต่างชาตินำไปซื้อลิขสิทธิ์ผลิตใหม่ในเวอร์ชันของตนเอง
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน Lineหาเพื่อน SkypePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageแชร์ลิ้ง
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง