ปรัชญาของขงจื่อ #สามก๊ก
ปรัชญาของขงจื่อ
ผู้มีคุณธรรมย่อม ไม่ถูกทอดทิ้งโดยโดดเดี่ยว
และจะต้อง มีเพื่อนบ้านมาคบหา
ไม่คิดถึงความชั่วของคนอื่นในอดีตกาล
จึงมีคนโกรธท่านน้อย
จงเป็นนักศึกษาในแบบบัณฑิต
อย่าเป็นนักศึกษาในแบบคนพาล
บัณฑิตย่อมมีจิตใจกว้างขวางราบรื่น
คนพาลย่อมมีความกลัดกลุ้มอยู่เวลา
ยังปรนนิบัติคนที่มีชีวิตไม่เป็น จะปรนนิบัติเซ่นไหว้เทพเจ้า
กับผีได้อย่างไรเล่า
ต่างตักเตือนให้กำลังใจกันและกัน อยู่กันด้วยความสามัคคี
เรียกว่าเป็นนักศึกษาได้
ในระหว่างเป็นเพื่อนกัน ต้องตักเตือนให้กำลังใจกันและกัน
ในระหว่างพี่น้องต้องสามัคคีกัน
เมื่อรักเขาจะไม่ให้กำลังใจเขาได้หรือ เมื่อซื่อสัตย์ต่อเขา
จะไม่ตักเตือนสั่งสอนเขาได้หรือ ปราชญ์ย่อมหลีกเลี่ยงสังคมที่เลวร้าย
สถานที่เลวร้าย มารยาทที่เลวร้าย
และวาจาที่เลวร้าย
ตำหนิตนเองให้มาก ตำหนิผู้อื่นให้น้อย
ก็จะไม่มีใครโกรธแค้น
บัณฑิตขอร้องกันตนเอง ส่วนคนพาลนั้นจะขอร้องกับคนผู้อื่น
บัณฑิตมีความภาคภูมิใจในตนเอง
โดยไม่แย่งชิงความภาคภูมิใจของคนอื่น บัณฑิตมีความสามัคคี แต่ไม่เล่นพวกกัน
พูดไพเราะตลบแตลง ทำให้สูญเสียคุณธรรม เรื่องเล็กไม่อดกลั้นไว้ จะทำให้แผนเรื่องใหญ่เสีย ทุกคนเกลียดก็ต้องพิจารณา ทุกคนรักก็ต้องพิจารณา
เพื่อนที่ซื่อตรง เพื่อนที่มีความชอบธรรม เพื่อนที่มีความรู้ ทั้ง 3 ประเภทนี้มีประโยชน์แก่เรา เพื่อนที่ประจบสอพลอ เพื่อนที่ทำอ่อนน้อมเอาใจ เพื่อนที่ชอบเถียง โดยไม่มีความรู้ ทั้ง 3 ประการนี้เป็นภัยแก่เรา อ่านหนังสือโดยไม่ค้นคิด การอ่านจะไม่ได้อะไร
อ้นคิดโดยไม่ได้อ่านหนังสือ การค้นคิดจะเปล่าประโยชน์ ทบทวนเรื่องเก่า และรู้เรื่องใหม่ขึ้นมาอีก ก็จะเป็นครูได้ นักศึกษาสมัยก่อน ศึกษาเพื่อให้ตน
มีความสําเร็จในการศึกษา
นักศึกษาในปัจจุบัน ศึกษาเพื่อให้คนอื่นรู้ว่า ตนเองมีการศึกษา
ชอบเอาสองคน มาเทียบกันว่าใครดีกว่าใคร
เธอเองเก่งพอแล้วหรือ
สำหรับเราไม่มีเวลาว่างมาทำเช่นนั้น
ผู้ที่มีเมตตาธรรมเท่านั้น จึงจะสามารถรักคนด้วยความจริงใจ และสามารถเกลียดคนด้วยความจริงใจ ผู้มีปัญญาชื่นชมน้ำ เป็นผู้ขยัน ผู้มีความสุข ผู้มีเมตตา เมื่อประตูบานหนึ่งปิด อีกบานหนึ่งก้อเปิด แต่บ่อยครั้ง
ผู้ชื่นชมภูเขา เป็นผู้รักสงบ เป็นผู้มีอายุยืน เลี้ยงดูพ่อแม่ให้มีชีวิตอยู่ได้เท่านั้นนะหรือ ถ้าเช่นนั้น หมากับม้าก็ได้รับการเลี้ยงดูให้มีชีวิตอยู่เช่นกัน สิ่งที่แข็งที่สุด เอาชนะได้ด้วยสิ่งที่อ่อนที่สุด
ที่เรามัวแต่จ้องประตูบานที่ปิด จนไม่ทันเห็นว่ามีอีกบาน ที่เปิดอยู่ อย่ามัวค้นหาความผิดพลาด จงมองหาหนทางแก้ไข
เพราะทันทีที่เกิดอารมณ์ขัน
อารมณ์ขันเป็นสิ่งยอดเยี่ยมที่สุด ที่ช่วยรักษาสิ่งอื่นได้ จะมลายไปกลับกลายเป็นความเบิกบานแจ่มใส
ความรำคาญและความขุ่นข้องหมองใจ
ของจิตใจเข้ามาแทนที่
อย่ากลัวที่จะนั่งหยุดพักเพื่อคิด
นาทีที่คุณ โกรธเท่ากับคุณได้สูญเสีย สงบในจิตใจไปแล้ว 60 วินาทีแห่งความ หนทางเดียวที่จะรักษาภาพพจน์ได้คือการซื่อสัตย์ตลอดเวลา
ผู้ชนะไม่เคยลาออก และผู้ลาออกก็ไม่เคยชนะ ออกซิเจนสำคัญต่อปอดเช่นไร ความหวังก็เป็นเช่นนั้น ต่อความหมายของชีวิต การมีชีวิตอยู่นานเท่าใด มิใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ มีชีวิตอยู่อย่างไร เราเข้าใจชีวิตเมื่อมองย้อนหลังเท่านั้น แต่เราต้องดำเนินชีวิตไปข้างหน้า
เราไม่อาจล้างมือที่แปดเปื้อนซ้ำได้เป็นครั้งที่ 2 ในสายน้ำไหล
ไม่มีสิ่งใดช่วยให้คุณได้เปรียบคนอื่นมาก เท่ากับการควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่งอยู่ ตลอดเวลาในทุกสถานการณ์ ความอดทนคือเพื่อนสนิทของสติปัญญา
พรสวรรค์ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ คือ
การที่เราสามารถเอาใจเขามาใส่ใจเราได้
ในธรรมชาติไม่มีสิ่งใดดีพร้อม
แต่ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบในตัวเอง
ต้นไม้อาจบิดเบี้ยวโค้งงออย่างประหลาด แต่ก็ยังคงความงดงาม มักพูดกันว่า กาลเวลาเปลี่ยนทุกสิ่ง แต่จริงๆ แล้ว คุณต้องเปลี่ยนทุกสิ่งด้วยตนเอง
วาทะขงจื้อ
เมื่อยากจน ก็ยังชื่นชมในคุณธรรม เมื่อมั่งมี ก็ยังชื่นชมในมารยาทจริยธรรม ไม่ต้องเป็นห่วงคนอื่นที่ไม่เข้าใจเรา แต่ต้องเป็นห่วงว่า เรา ไม่เข้าใจคนอื่น การศึกษา ค้นคว้า ถ้าเอนเอียงไปสุดสาย ไม่ว่าข้างใดข้างหนึ่ง ก็มีแต่ผลเสียเท่านั้น
การที่ยอมรับว่าไม่รู้นั้น ก็คือความที่รู้แล้ว บัณฑิตคิดถึงว่า ทำอย่างไร จะเพิ่มพูนคุณธรรมของตนได้ คนพาลคิดถึงว่า ทําอย่างไรจึงจะเห็นความเป็นอยู่ของตน สะดวกสบายขึ้น โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม บัณฑิตรู้เฉพาะเรื่องที่ชอบด้วยคุณธรรม คนพาลรู้เฉพาะเรื่องที่ได้ผลกำไร
โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม
ความผิดอันเนื่องมาจากการประหยัดนั้น มีน้อยเหลือเกิน บัณฑิตมีความอ่อนน้อมถ่อมตน รับใช้ราษฎรด้วยสติปัญญา มีความเอื้ออาทร ใช้ราษฎร โดยชอบด้วยเหตุผล
ไม่คิดถึงความชั่วของคนอื่นในอดีตกาล
จึงมีคนโกรธท่านน้อย
จงเป็นนักศึกษาในแบบบัณฑิต อย่าเป็นนักศึกษาในแบบคนพาล
ตั้งใจมุ่งมั่นอยู่กับคุณธรรม ยึดมั่นในคุณธรรม
ไม่ละทิ้งความเมตตาธรรม
ท่องเที่ยวไปในศิลปะวิชาการ
สุรุ่ยสุร่ายเกินไปก็จะอวดหยิ่ง ประหยัดเกินไปก็จะเป็นคนคับแคบ
แต่เป็นคนอวดหยิ่ง สู้เป็นคนคับแคบดีกว่า
บัณฑิตย่อมมีจิตใจกว้างขวางราบรื่น คนพาลย่อมมีความ กลัดกลุ้มอึดอัดตลอดเวลา
อ่อนน้อมแต่ไม่มีจริยธรรม จะกลายเป็นเรื่องเหนื่อยเปล่า ระมัดระวังแต่ไม่มีจริยธรรม จะเป็นความขลาดกลัว กล้าหาญแต่ไม่มีจริยธรรม จะกลายเป็นก่อการร้าย ซื่อตรงแต่ไม่มีจริยธรรม จะเป็นภัยแก่คนอื่น
ยังปรนนิบัติคนที่มีชีวิตไม่เป็น
จะปรนนิบัติเซ่นไหว้เทพเจ้ากับผีได้อย่างไรเล่า
บัณฑิตมีความสามัคคีต่อกัน
แต่ความคิดกับการกระทำไม่เหมือนกัน คนพาลมีความคิดกับการกระทำเหมือนกัน แต่ไม่มีความสามัคคี
ปรนนิบัติบัณฑิตเป็นเรื่องง่าย แต่ทำให้บัณฑิตรักเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะว่าถ้าไม่ชอบด้วยลักษณะธรรมบัณฑิตก็ไม่รัก
ต่างตักเตือนให้กำลังใจกันและกัน อยู่กันด้วยความสามัคคี เรียกว่าเป็นนักศึกษาได้
ในระหว่างเป็นเพื่อนกัน ต้องตักเตือนให้กำลังใจกันและกัน ในระหว่างพี่น้องต้องสามัคคีกัน
เมื่อรักเขาจะไม่ให้กำลังใจเขาได้หรือ เมื่อซื่อสัตย์ต่อเขาจะไม่ตักเตือนสั่งสอนเขาได้หรือ
บัณฑิตย่อมมีความอับอายที่พูดไปแล้วนั้น เกินกว่าที่ทำไป ปราชญ์ย่อมหลีกเลี่ยงสังคมที่เลวร้าย สถานที่เลวร้าย มารยาทที่เลวร้าย และวาจาที่เลวร้าย ผู้ที่ไม่มีการไตร่ตรองให้ยาว ในอนาคตไกลจะต้องมีภัยที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน
ตำหนิตนเองให้มาก ตำหนิผู้อื่นให้น้อย
ก็จะไม่มีใครโกรธแค้น
รวมอยู่กันเป็นหมู่ตลอดวัน ไม่เคยพูดถึงธรรมที่ชอบ ท่าตนเป็นคนฉลาดในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ต่อไปเห็นจะลำบาก
บัณฑิตขอร้องกับตนเอง ส่วนคนพาลนั้นจะขอร้องกับคนผู้อื่น
บัณฑิตทีความภาคภูมิใจในตนเอง โดยไม่แย่งชิงความภาคภูมิใจ ของคนอื่น บัณฑิตมีความสามัคคี แต่ไม่เล่นพวกกัน
บัณฑิตมีความกลัวอยู่ 3 ประการ กลัวประกาศิตของสวรรค์ กลัวผู้มีอำนาจ กลัวค่าพูดของอริยบุคคล นิสัยคนมีความเหมือนกัน แต่การศึกษาทำให้แตกต่างกัน เฉพาะคนที่มีปัญญาสูงกับคนที่โง่มากเท่านั้น ที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเขาได้
รักความเมตตาแต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่ถูกหลอกลวงง่าย รักความรู้แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่ความรู้นั้นกระจัดกระจายไม่มีฐานที่ตั้ง
รักความซื่อสัตย์ แต่ไม่มีการศึกษา
เสียอยู่ที่เป็นภัยแก่ตน โดยง่าย
รักพูดตรงความจริง แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่การพูดจะเป็นการทำร้ายผู้อื่นได้โดยง่าย รักความเข้มแข็ง แต่ไม่มีการศึกษา
รักความกล้าหาญ แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่ก่อความไม่สงบได้ง่าย
เสียอยู่ที่เป็นคนมุทะลุได้ง่าย
อ่านหนังสือโดยไม่ค้นคิด การอ่านจะไม่ได้อะไร
ค้นคิดโดยไม่ได้อ่านหนังสือ การค้นคิดจะเปล่าประโยชน์
ทบทวนเรื่องเก่าและรู้เรื่องใหม่ขึ้นมาอีก ก็จะเป็นครูได้
นักศึกษาสมัยก่อน
ศึกษาเพื่อให้ตนมีความสำเร็จในการศึกษา
นักศึกษาในปัจจุบัน
ศึกษาเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าตนเองมีการศึกษา
ชอบเอาสองคนมาเทียบว่าใครดีกว่าใคร
เธอเองเก่งพอแล้วหรือ
สำหรับเราไม่มีเวลาว่างมาทำเช่นนั้น แสร้งพูดไพเราะ แสดงความน่ารัก เพื่อให้ถูกใจคน คนประเภทนี้น้อยนักที่จะเป็นคนมีเมตตาธรรม
ผู้ที่มีเมตตาธรรมเท่านั้น เวลาพูด เขาพูดอย่างเชื่องช้า ไม่พูดเชื่องช้าได้หรือ
เพราะเมื่อพูดไปแล้ว ต้องทำตามที่พูดด้วยความลำบาก ผู้ที่มีความเข้มแข็ง กล้าหาญ ซื่อสัตย์ พูดช้าก็ใกล้กับความมีเมตตาธรรมแล้ว
ผู้มีคุณธรรมต้องมีคำพูดที่ดี
แต่ผู้มีคำพูดที่ดี ไม่ต้องใช่เป็นคนที่มีคุณธรรมเสมอไป ผู้มีเมตตาธรรมต้องเป็นผู้ที่กล้าหาญ
แต่ผู้กล้าหาญ ไม่ใช่ต้องเป็นคนที่มีเมตตาธรรมเสมอไป
เลี้ยงดูพ่อแม่ให้มีชีวิตอยู่ได้เท่านั้นนะหรือ ถ้าเช่นนั้น หมากับม้าก็ได้รับการเลี้ยงดูให้มีชีวิตอยู่เช่นกัน
บัณฑิตให้ความเมตตากรุณาแก่ผู้อื่น ใช้คนทำงาน แต่คนไม่โกรธแค้น ความต้องการของเขาไม่เป็นความโลภ มีความสงบ แต่ไม่มีความเย่อหยิ่ง มีความสง่า แต่ไม่มีความโหดเหี้ยม
สุภาพชนควรระวังในสามสิ่งนี้ เมื่ออายุยังน้อย เลือดลมและก็กำลังวังชายังไม่อยู่ตัว ท่านว่า ให้หลีกเลี่ยงในเพศรส กามารมณ์ เจริญวัย มีเลือดลมกำลังวังชาเต็มที่ ท่านว่าให้หลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง แก่ตัว เลือดลมกำลังวังชาลดน้อยถอยลง ท่านว่าให้ระวังความละโมบโลภมาก
“ตราบใดชีวิตยังดำรงอยู่ ตราบนั้นยังคงมุ่งศึกษา
“ไม่มีใครเก่งและรู้ทุกอย่าง “สรรพสิ่งล้วนสามารถเป็นครูของเราได้ทั้งสิ้น “รู้ก็บอกว่ารู้ ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้
นั่นแหละคือปัญญาที่แท้จริง”
“คำจริงไม่ไพเราะ คำไพเราะ ไม่จริง
“เงียบสงบเพื่อปฏิบัติตน สมถะเพื่อสร้างคุณธรรม” “สถานการณ์ในโลกนี้ เมื่อแยกกันนาน ก็จักรวมตัว ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมได้รับความเคารพตอบ
เมื่อรวมตัวนานก็จักแยกกัน
“ผู้รักผู้อื่น ย่อมได้รับรักตอบ
********************************”****
สุภาพชนพึงใคร่ครวญใน 9 สิ่งนี้
1. ยามที่มอง ให้นึกถึงการเห็นชัด
• 2. ยามฟัง ให้นึกถึงสิ่งที่ได้ยินชัด
• 3. ยามแสดงอารมณ์ ต้องให้ดูฉันมิตร
• 4. มีมารยาทอันงาม
• 5. ยามที่พูด ให้นึกถึงความซื่อสัตย์
• 6. ลงมือทำงาน ให้นึกถึง การทำให้ดีที่สุด
• 7. ยามที่เกิดความสงสัย ให้นึกถึงการถาม
• 8. เวลาโกรธขึ้นมา ให้นึกถึงผลในภายหลัง
• 9. เมื่อแลเห็นผลประโยชน์ที่จะได้ให้นึกว่าสมควรหรือไม่
อ้างอิงจาก: ใช้ชีวิตอย่างรักปราชญ์
#บุญชัย ใจเย็น #สามก๊ก