เรื่องเล่า...หน้าห้องเลือด
เรื่องเล่า หน้าห้องเลือด
Mr.Lek Racasung
“หยิบยาไปด้วยนะคะ ถุงนึง ก่อนนอน 1 เม็ดทุกวัน จนหมด”
กดสำลีไว้กะหัวนิ้วนาง พลางเอามือขวาหยิบยาลงกระเป๋า
“หยิบไปก็ไม่ได้กิน โยนหัวเตียงโน่นนนน” เสียงก้องในความคิด
“ไม่เอาได้ไหมครับ ผมแข็งแรงอยู่แล้ว......”
ระยะนั่งห่างราว 2 เมตร ผมหันกลับไปมอง มีผู้คนมากหน้า ถือกระดาษ 1 แผ่นกับบัตรสีชมพูเคลือบเก่าๆ ดูจากหน้าตา และการแต่งตัว คงจะมาจากหลากหลายอาชีพ
น้องพยาบาลเดินแนะนำการกรอกใบประวัติ พลางเอาเลเซอร์ยิงหน้าผาก
โควิต ทำให้วิถีชีวิตผู้คนเปลี่ยนไป เป็นวิถีชีวิตปกติใหม่ ไม่พ้นแม้ห้องกระจกแห่งนี้
“ทานน้ำ 1 ขวด แล้วรองน้ำทานอีก 1 ขวดนะคะ”
“นั่งนิ่งๆ อย่าพูดค่ะ เวลาวัดความดัน”
“เบอร์ 42 ค่ะ”
“เขยิบเข้าในนะคะ เว้นห่างด้วยค่ะ”
“ใครแขนซ้ายคะ ว่างแล้วค่ะ”
และ “หยิบยาด้วยนะคะ.....”
เป็นเสียงที่คุ้นชิน และผมจะมาได้ยินเสียงและบรรยากาศอย่างนี้ทุก 3 เดือนเป็นอย่างน้อย แปลกแต่ว่าปีกว่ามานี้ เสียงจะอู้อี้ผิดปกติ เพราะเราสวมหน้ากากเข้าหากัน
ลุกเดินเข้าไปนั่งรอเรียก ใจคิดความดันเรายังปกติ ยังไม่แก่มาก 55 และเรายังไม่มีอาการอาเตอโรสเกอโรซีส หลอดเลือดแข็งกระด้างไร้ยืดหยุ่น
น้องพยาบาลคนเดิมเดินมาเอาพลาสเตอร์ยาปิดปลายนิ้วนางให้ เป็นแบบใส ลดการแพ้ของผิวหนังได้
นั่งรอพลาง มองพลาง หยิบถุงสีขาวทึบ ตัวหนังสือสีแดงขึ้นมาดู
“เฟอรัส ซัลเฟต 200 มก.บำรุงโลหิตหลังบริจาคเลือด” ถุงอ้วนๆ ยาเพียบ
เค้าคงเรียกรวมๆว่ายา เพราะหลายๆคน อาจไม่เข้าใจว่า ธาตุเหล็ก วิตามินคืออะไร ผมคิด
บริจาคเลือดมาเป็นสิบปี นึกถึงตอนที่กินธาตุเหล็กครั้งแรกได้ ว่าเช้ามามันเป็นยังไง
มันขี้ดำ ดำมาก...... ดำจนตกใจ
บางครั้งเราก็ลืม ว่าเมื่อวานเราไปไหน กินอะไร และที่แน่ๆ ลืมไปว่ากินธาตุเหล็กมันจะ “ขี้ดำ” ตกใจ แต่ก็ลืมมันไป วันต่อไปขี้ไม่ดำ เพราะลืมกิน
จนมากินอีกคืน เช้ามาดำอีก เลยรู้ว่ากินธาตุเหล็กแล้วขี้ดำ และเหลว
ว่าไปก็โชคดี ที่มหาลัยอยู่ใกล้ที่บริจาคเลือด เลยเดินไปบริจาคได้ทุกๆ 3 เดือน เดินไปคุยไปกะก๊วน 3 คน 5 คน 2 คนในนั้น ตอนนี้ไปอยู่เมืองนอกแล้ว คิดถึงเบาๆ
1 ใน 2 คนนั้น จำได้ปี 1 นอนบริจาคข้างกันจ้า หันมาหา แล้วบอกว่า
“มึงปั๊มแข่งกะกูไหม ใครแพ้ เลี้ยงหมูปิ้ง”
ตอนนั้นพยาบาลยังไม่มาแทงเลือด เราคุยกันได้ ถ้าคุยต่อหน้า คงจะโดนดุ
“เอาดิ ใครโดนแทงก่อนหลัง เอาตามดวงเลยนะมึง” “เออ” มันตอบ สุดท้าย ผมได้เลี้ยงมันแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร
ระหว่างเดินกลับจากสภากาชาด จะมีร้านหมูปิ้งรถเข็น ทุกไม้ 5 บาท ปิ้งกันสดๆ บางครั้งเราช่วยพี่เค้าปิ้งด้วย ยกเว้นปลาเนื้ออ่อน 10 บาท
เรายืนกินกันบ่อยๆ ผักฟรี น้ำพริกฟรี น้ำกินฟรี แก้วเดียวกินยันแท็กซี่ มอไซค์รับจ้าง เอาแนคไทด์พาดบ่าเป็นใช้ได้ หมอสาวสวยคนที่ยืนกินด้วยกันตอนนี้ไปเป็นหมอรักษาตาไปละ
“แขนซ้ายค่า..... ใครแขนซ้าย” เสียงพยาบาลดัง “ผมครับ” พลันลุกขึ้นไปยังเตียงบริจาค “นอนเลย ไม่ต้องถอดรองเท้า” เธอสำทับ
“ชื่อไรคะ กรุ๊ปเลือดอะไร” “ชื่อ.............. กรุ๊ป..........ครับ” ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ป้องกันการเจาะเลือดผิดตัว ผิดประวัติ
เส้นเลือดที่โป่งที่ข้อพับแขนซ้าย เซฟาลิคเวนน์ ไม่ๆๆๆ ต้องเรียกหลอดเลือดสิ อาจารย์สอนมา หลอดเลือดนี้เจาะง่ายมักอยู่ผิวๆ ไม่แขนซ้ายก็แขนขวา แต่มักจะเป็นเส้นตรงๆ อยู่แขนเดียว สายยางที่พยาบาลรัด ทำให้เส้นเลือดนูน เขียวเด่น น่าเจาะมากๆ
บางครั้งก็คิด เส้นเลือดโป่งขนาดนี้ ถ้าเจาะพลาดก็แย่ละ ขนาดเราเส้นเล็กๆ หรือเส้นที่มองไม่เห็นยังเจาะกันได้
หันมองเตียงข้างเป็นสาวเจ้าเนื้อ กำมือหงืบๆ บีบแท่งยาง เพื่อช่วยให้เลือดไหลดีขึ้น เธอหลับตา ทำปากหงุบหงิบ ถัดไปหนุ่มน้อย น่าจะแชทกะใครอยู่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เย็นวูบ แอลกอฮอล์ที่พี่พยาบาลเช็ดบริเวณข้อพับ เธอคืนบัตรบริจาคเลือดให้ผม วางที่ซิกแพคของผม เบาๆ
“ครั้งที่ 39” ผมเหลือบเห็น ถ้าบริจาคทุก 3 เดือน ปีนึงก็ได้ 4 ครั้ง “โห ถ้าจะได้เป็น 100 ครั้งเหมือนอาจารย์นักกล้ามของผม ต้องบริจาคอีก 15 ปีเลยรึ” พวกนี้บริจาคเบิ้ลไม่ได้ด้วย
ถาดเข็มและหลอดเลือดที่วางข้างๆตัวผม หลอดเล็กๆ ในนั้นเค้าคงแบ่งไปตรวจโรคติดต่อที่มาทางเลือดสินะ ส่วนเข็มไม่ต้องพูด พวกเราดูออก มันคือเข็มเบอร์ 16
ในวงการเข็มเจาะเลือด ยิ่งเบอร์ต่ำ ๆ จะยิ่งขนาดใหญ่ ฉะนั้น เบอร์ 16 ใหญ่กว่าเบอร์ 21 เขี้ยวมดกัดขนาดก็จะแปรตามนั้น
เธอเดินมาแล้ว ด้วยความมุ่งมัน อีกเดี๋ยว เบอร์ 16 จะเข้าไปในเซฟาริค เวนน์แล้ว
ผมไม่มองนะ ไม่ได้กลัว แต่มันเสียว “นิดนึงนะคะ” เธอกล่าว ปิ๊ดเดียว เหมือนมดตัวโตๆกัด เลือดค่อยๆ ไหลไปตามสาย รู้สึกร้อนวูบที่ข้อพับ “บีบเบาๆ นะคะ” พี่พยาบาลเตือนให้บีบแท่งยาง ที่เคยทำให้ผมเสียค่าหมูปิ้งไป
บีบไป สวดมนต์ไป คงเพราะไม่มีอะไรทำ จะเล่นมือถือก็เหมือนมีคนเคยบอกว่ามันจะไปรบกวนเครื่องต่างๆ หลับตาสวดมนต์ไป สาวอวบข้างๆ สวดถึงบทไหนแล้วหนอ
อึดใจใหญ่ ถึงบท ชินานา...วะระสังยุตตา เสียงปี๊ดดัง บ่งบอกว่าปริมาณเลือดได้เพียงพอแล้ว เคยถามเขาบอกว่าประมาณ 500 ซีซี. ครึ่งลิตรเลยรึ นี่เราผอมลงเพียงข้ามนาทีเลยนะ
เลือดถูกแบ่งใส่หลอดเล็กที่เห็นในถาด พี่พยาบาลถอดเข็มออก เหมือนโดนมดตัวโตกัดอีกครั้ง ปิดสำลีก้อนโต “นอนพักสักครู่นะคะ” พี่พยาบาลกล่าว พร้อมเดินจากไป “แขนขวา ค่า....”
ตาเหลือบมองทางปลายเท้า มีน้ำผลไม้ และคุ้กกี้ เดี๋ยวหยิบกลับดีกว่า ไม่ลืมที่จะต้องหยิบใบนัดคราวหน้าและพลาสเตอร์ยาใส ไว้ปิดข้อพับอีกซักชั่วโมงถัดไป
เอาล่ะ ลุกละ คนต่อไปจะได้มา หยิบของดังว่า แล้วเดินออกไป
ผ่านเคาเตอร์คัดกรอง นึกถึงเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เหลือบมองพี่พยาบาล ป่านนี้พี่เค้าคงเกษียณไปนานละ
แล้วเสียงก็แว่วมาจากที่่ไหนซักแห่ง
“หยิบยาไปด้วยนะคะ ถุงนึง ก่อนนอน 1 เม็ดทุกวัน จนหมด”
“ไม่เอาได้ไหมครับ ผมแข็งแรงอยู่แล้ว กินผักก็เก่ง เอาไปก็โยนไว้ไม่ได้กินซักที”
“ใครเค้าให้กินเพื่อตัวเอง เค้ากินให้เลือดสมบูรณ์ เวลาบริจาคเลือดครั้งหน้า เลือดเราจะได้ดี ผู้ป่วยจะได้เลือดที่ดี สมบูรณ์ เค้าจะได้หายป่วย หรือช่วยชีวิตเค้าได้เต็มที่....บลาๆๆๆ”
กำแพงในใจทะลาย “เพื่อคนอื่น” คำนี้ คำเดียว
ตอนนี้ขี้ดำมาเป็น 10 ปีแล้วครับ