ชีวิตของแต่ละคนล้วนไม่เท่ากัน เชื่อว่าทุกคนเคยเจอเหมือนกันหมด
เชื่อว่าทุกคนล้วนมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมากมายกับตัวเองอยู่แล้ว ไม่ว่าตั้งแต่เล็กจนโต ทุกคนก็ยังคงเจอปัญหาอยู่ดี
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่อาจเกิดขึ้นจริง หรือไม่จริงก็ได้ อยากจะมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันครับ
มีเด็กวัยประมาณสิบสี่สิบห้าคนหนึ่ง เขาเป็นคนขยันขยันมากๆ แต่บางทีเขาก็ยังคงแอบขี้เกียจอยู่ตลอด เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน มีหนี้สินกองท่วมหัว เกิดมาต้องเป็นเด็กที่ทำเป็นทุกอย่างเพื่อที่จะหารายได้มาประคองครอบครัว เขาเป็นเด็กที่เรียนไม่ค่อยเก่งแต่ว่าเรื่องการหาเงินดันเก่งอยู่เสมอ เขาบ่นกับตัวเองตลอดครับว่าเมื่อไหร่จะเรียนจบมัธยมสักที เมื่อไหร่จะได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก เด็กคนนี้มีความฝันครับ เขาฝันอยากเรียนนิเทศศาสตร์เขาอยากเป็นผู้กำกับเขาฝันไว้สูงมากแต่เขาไม่สามารถเดาอนาคตได้เลย ด้วยความที่บ้านก็จนเงินจะส่งไปเรียนคงไม่มี แต่เขาก็พูดกับแม่เขาตลอดว่ายังไงเขาก็จะไปให้ได้ ไม่มีก็จะทำงานหาเงินเอง เขาพูดกับผู้เป็นแม่เสมอ แต่ผู้เป็นแม่ก็บอกเสมอเช่นกัน
"ฝันได้แต่อย่าลืมว่าเราไม่มีเงินเรียนนะ" เด็กคนนี้ก็ยังคงฝันไปเรื่อยเปื่อย บางทีฝันของเขาก็ทำให้มีปากเสียงกับครอบครัวครับ บางวันก็ทะเลาะกันหนักไม่มีใครยอมใคร บางวันก็เงียบใส่กันบ้าง จะว่างอนก็ว่าได้
"แม่ก็ฟังกันบ้างสิทำไมไม่ฟังบ้างเลย" ลูกก็ยังคงทะเลาะกับแม่ทุกวัน ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่ทะเลาะมีปากเสียงกันตลอดวันไหนไม่มีนั่นแหละผิดแปลกแล้ว
เด็กวัยสิบสี่สิบห้าก็ไม่ยอมแพ้ เขาพยายามหาทางหาเงินตั้งแต่อายุเท่านี้ แต่ทำอะไรก็ไม่เคยได้อย่างที่หวังทุกอย่างไม่มีอะไรง่ายเลย เขาพยายามมาตลอด พยายามเสมอมา ไม่เคยไม่พยายามส่วนมากพยายามแล้วไม่มีใครเห็นต่างหากล่ะ เห็นเขาดูขยัน ๆ แต่เขาก็โดนคนแถวบ้านนินทาบ่อยเหมือนกันนะ เหมือนทำผิดอะไรตลอดนินทาตลอดไม่มีใครไม่นินทา เหมือนเป็นคนไม่ดีในสายตาทุกคนเลยด้วยซ้ำ
จากนี้เด็กคนนี้ก็ยังคงต้องดิ้นรนต่อไป ในเมื่อชะตาไม่เข้าข้าง เขาก็ต้องพึ่งพาตัวเองเขาหวังว่าจะต้องมีเงินสักก้อน ซื้อสิ่งที่อยากได้มาเยียวยาจิตใจตัวเองบ้าง
.
ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าทุกคนเคยเป็นแบบเด็กคนนี้ไหม หรือเด็กคนนี้มันเป็นเด็กไม่ดีเลยทำแบบนี้ แต่บางทีเขาไม่ใช่เด็กไม่ดีหรอกครับ เขามีเหตุผลของเขาอยู่เช่นกันแต่บางทีเหตุผลนั้นอาจน้ำหนักไม่มากพอที่จะทำให้คนฟังรู้สึกเข้าใจเขา
.
หวังว่าจะชอบกันนะครับ