เรื่อง ความอบอุ่นใจในวันที่เดียวดาย
ไฟในบ้านปิดหมดแล้วทุกดวง แต่ก็ใช่ว่าจะมืดสนิท ยังมีความสว่างจากจอทีวีที่แม่ของนิดนอนดูทุกคืน คืนนี้ก็เช่นกันแม่ของนิดก็ยังนอนดูทีวีที่ห้องโถงด้วยความสนใจเช่นเดิม
บ้านหลังนี้มีสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำและปล่อยพื้นที่ตรงกลางบ้านโล่งหรือเป็นห้องโถงของบ้านโดยที่แม่ของนิดนอนตรงนี้ เดิมทีบ้านนี้เป็นบ้านไม้สองชั้นที่เก่าและมีปลวกสร้างรังเยอะสร้างปัญหาและทำให้คนอยู่กลุ่มใจ เมื่อนิดมีเงินจึงเปลี่ยนแปลงใหม่เป็นบ้านปูนชั้นเดียว หมดปัญหาไร้ ความกังวลเรื่องปลวก แต่กลับมีปัญหาเรื่องการอยู่ร่วมกันของคนในครอบครัว แบ่งเป็นสองฝ่าย แม่กับน้องชายและน้องสะใภ้เข้ากันได้ดีเป็นฝ่ายเดียวกัน ส่วนนิดไม่มีพรรคพวก กิน อยู่คนเดียว แม้บ้านหลังนี้นิดจะเป็นคนออกเงินซ่อมแซม เป็นพี่สาวที่เคยช่วยเหลือครอบครัว เคยปลดหนี้สินให้แม่มาก่อน แต่ในเมื่อพวกเขาไม่ชอบในสิ่งที่นิดเป็นเขาก็ไม่สนใจในเรื่องราวที่ผ่านมา
นิดเข้าห้อง กวาดถูห้องเสร็จแล้วจึงอาบน้ำ สวดมนต์ออกเสียงด้วยความชัดเจนด้วยความเพลิดเพลิน ราวกับว่าเป็นสิ่งเดียวที่เธอควบคุมและข้องเกี่ยวได้ภายใต้หลังคาบ้านหลังนี้ ลาก่อนความเป็นครอบครัว วันนี้เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกัน
นิดกราบหมอนสามครั้งแล้วก็นอนลงในขณะที่มือก็นำหนังสือสวดมนต์มากอด แนบ อก และพึมพำว่า "เป็นเพื่อนฉันตลอดชีวิตได้ไหม ช่วยให้ฉันได้เปล่งเสียง ให้ฉันได้ฟังเสียงของตัวเองนะเจ้าหนังสือสวดมนต์ ฉันไม่สามารถเข้ากับใครในบ้านหลังนี้ได้ วันนี้ชีวิตฉันไม่เหลือใครแล้ว เหลือเพียงเจ้าเท่านั้นที่ยอมให้ฉันคุยด้วย คนอื่นมันโง่ มันไม่เห็นความดีของฉัน"
นิดพึมพำต่างๆนาๆ กระทั้งเผลอหลับถึงเช้า ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกจากบ้านขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน ด้วยความสดชื่นตลอดเส้นทางในบรรยากาศยามเช้า ลืมความทุกข์ใจในเรื่องครอบครัวไปชั่วขณะ
เพราะชีวิตมีหลายความรู้สึกอย่ามั่วหม่กมุนในความทุกข์เสียจนลืมเวลาที่ควรสุข มีความมืดมิด เงียบเหงาอยู่ที่บ้าน แต่ก็มีความโปร่งเบา อบอุ่นใจ อยู่นอกบ้านเช่นกัน