ผู้ใหญ่ลาบเลือด(เรื่องเล่า)
เรื่อง...ผู้ใหญ่ลาบเลือด
โดย...ทินภัทร สำเร็จงาน
******************************************************
ตาหมีเป็นที่ยำเกรงของคนในหมู่บ้าน เพราะรั้งตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหลายสมัย มิหนำซ้ำฐานะ ทางบ้านยังร่ำรวยกว่าเพื่อนบ้านแทบทั้งหมด
ไร่นาสาโทของแกมีมากกว่าร้อยไร่ บ้านไม้หลังใหญ่โต ลูกห้าคนของแกขยันขันแข็งในการงานเป็นอย่างดี ไม่ทำให้ตาหมีและภรรยาหนักใจแต่ประการใด ลูกชายสามหญิงสองต่างเติบใหญ่ไปตามวันเวลา ขณะที่ตาหมีผู้เป็นพ่อก็มีบารมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
ด้วยความที่เป็นคนเอาจริงเอาจัง เสียงดังโผงผาง แถมใจถึงพึ่งได้ ตาหมีจึงรายล้อมไปด้วยบรรดาเด็กหนุ่มจนถึงคนแก่เฒ่าไม้ใกล้ฝั่ง ไม่ว่าแกจะออกปากเรื่องอะไร มักจะได้รับการตอบสนองอย่างทันท่วงทีเสมอมา
ยายเพ็ญภรรยาของตาหมีนั้นเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ตามใจผู้เป็นสามีแทบทุกอย่าง บ้านของตาหมี จึงเปิดกว้างสำหรับทุกคน ในการไปมาหาสู่ เยี่ยมเยือน หยิบยืมเงิน ดื่มกินสังสรรค์ แม้กระทั่ง ถึงวงพนันขันต่อโน่นทีเดียว
แม้จะมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่ตาหมีก็ไม่ถึงกับงดเว้นเหล้ายาปลาปิ้งหรือเล่นการพนัน แต่อย่างใด ดูเหมือนจะเป็นผู้สนับสนุนอบายมุขด้วยซ้ำไป
ทุกวันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดราชการ ชาวบ้านทั่วไป ลูกเล็กเด็กแดง จึงรู้กันว่าใต้ต้นฉำฉาใหญ่ร่มครึ้มหลังบ้านของตาหมีจะเต็มไปด้วยนักพนันและนักเลงเหล้า บางคนดื่มไปด้วยเล่นการพนันไปด้วยอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่ตอนสายๆ จนค่ำมืดดึกดื่นโน่นทีเดียว
จะส่งเสียงดังอย่างไรไม่มีใครว่า เพราะตาหมีเป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั้งหมู่บ้าน เลยไปกระทั่งถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในตัวอำเภอก็ไม่มาแตะต้อง เพราะตาหมีเคยเชื้อเชิญเจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้ มากินเลี้ยงที่บ้านของแกหลายครั้งแล้ว
ตาหมีจัดงานทำบุญที่บ้านบ่อยครั้ง นิมนต์พระสงฆ์องค์เจ้าให้มาเจริญพระพุทธมนต์ ฉันจังหัน ฉันเพล อีกทั้งงานโรงเรียนงานประจำปีวัดประจำหมู่บ้านตาหมีก็เป็นโต้โผใหญ่ในงานทั้งสิ้น
ตาหมีใจถึงพึ่งได้ เพราะแกชอบช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยาก ชาวบ้านที่ขัดสนเงินทอง ไม่มีเงินไปโรงพยาบาล หาเงินจ่ายค่าเสื้อผ้านักเรียนของลูกหลานไม่ทัน ตาหมีก็มักให้ชาวบ้านหยิบยืมเงินทองไปโดยคิดดอกเบี้ยแสนถูกเหมือนให้เปล่า ชาวบ้านครึ่งค่อนหมู่บ้านต่างเคยเป็นลูกหนี้ของตาหมีมาแล้ว
หลายครั้งมีนักเลงจากถิ่นอื่นเข้ามาเกะกะระรานคนในหมู่บ้าน ตาหมีออกหน้าเผชิญกับนักเลงต่างหมู่บ้านอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ นักเลงต่างถิ่นจึงต้องล่าถอยออกไปจากหมู่บ้านอย่างสะบักสะบอม
เหล่านี้เป็นนิสัยโดยส่วนตัวของผู้ใหญ่หมี ซึ่งชาวบ้านก็ไม่เห็นผิดแปลกแต่อย่างใด หากย้อนไปสักสามสี่สิบปีก่อนชาวบ้านชนบทก็ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างนี้ ผู้ใหญ่บ้านเป็นที่พึ่งพิงของชาวบ้านอยู่แล้ว
ตาหมีมีฉายาที่ชาวบ้านเรียกว่า “ผู้ใหญ่ลาบเลือด” ด้วยเหตุผลที่ว่าตาหมีชอบกินลาบเลือดหมูดิบๆ กับเหล้าโรงจนติดเป็นนิสัย อาหารคาวหวานอื่นๆ ที่วางเรียงรายเต็มเสื่อสาดแกไม่ค่อยสนใจนัก แกรอลาบเลือดของแกอย่างใจจดใจจ่อ ถ้าลาบเลือดเสร็จไม่ทันใจ ตาหมีจะยกถ้วยเลือดสดๆ ซดไปพลางก่อน
วันเสาร์และอาทิตย์ใต้ต้นฉำฉาใหญ่ร่มครึ้มหลังบ้านของตาหมี นอกจากจะมีวงพนัน วงสุราเมรัยแล้ว ยังมีการฆ่าหมูแทบทุกเสาร์อาทิตย์
ทิดคงเป็นมือเชือดหมูที่ผู้ใหญ่หมีไว้ใจ ตาหมีแค่เอ่ยปากว่าวันนี้อยากกินลาบแค่นั้น คิดคงก็จะไปตระเวนหาหมูมาจากชาวบ้านในหมู่บ้าน
ตกบ่ายเสียงร้องของหมูที่ถูกเชือดก็ดังขึ้นให้ชาวบ้านได้ยินเป็นปกติ เหมือนการเปิดเพลงลูกทุ่งยามมีงานมงคลต่างๆ นั่นทีเดียว
ภาพทิดคงแทงคอหมู เลือดหมูทะลักไหล ผู้ใหญ่หมีใช้ถ้วยรองเลือดแล้วยกดื่มอั้กๆ เป็นที่ชินตาของชาวบ้านนานแล้ว
ตาหมีสั่งให้ทิดคงฆ่าหมูสัปดาห์ละหนึ่งตัว ขายบ้าง แจกจ่ายชาวบ้านบ้าง ที่เหลือทำกินในวงพนันวงเหล้าจนหมด ไม่มีเหลือให้ข้ามวัน
ทิดคงฆ่าหมูให้ผู้ใหญ่หมีนับไม่ถ้วน จนหมูเล็กหมูน้อยในหมูบ้านหมดเกลี้ยง ต้องไปเสาะหาหมูจากหมู่บ้านใกล้เคียงมาฆ่าให้ตาหมีได้ดื่มเลือดหรือกินลาบเลือดต่อไป เพราะตาหมีนั้นไม่กินเลือดหมูหรือลาบเลือดหมูจากตลาดหรือที่ร้านไหนทั้งสิ้น แกต้องได้เห็นการพุ่งของสายเลือดหรือการทำลาบเลือด ทุกขั้นตอน
ทิดคงตายก่อนตาหมีหนึ่งปี ทั้งที่เป็นหนุ่มแน่น โรคภัยไข้เจ็บไม่มี ทิดคงฆ่าตัวตายโดยไม่มีใครทราบสาเหตุในกระท่อมของตัวเอง ดัวยการใช้มีดแทงหมูประจำตัวแทงเข้าที่คอตัวเอง
ตาหมีตายอย่างทุรนทุรายด้วยโรคประหลาดในปีต่อมา แกเจ็บปวดแสบร้อนทั้งร่าง ผิวหนังหลุดร่อนขาวโพลนราวกับหนังหมูที่ถูกน้ำร้อนลวกแล้วขูดขนด้วยมีดคมกริบ แกล้มป่วยทรมานอยู่อย่างนั้น ราวหกเดือนก่อนเสียชีวิต
ว่ากันว่า วันเผาศพผู้ใหญ่หมี ขณะที่ควันลอยออกจากเปล่องเมรุ มีเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือด ดังระงมทั่วบริเวณวัดราวหนึ่งนาที ก่อนที่เสียงร้องนั้นจะเงียบหายไปพร้อมกับควันไฟปลายปล่องเมรุ
...................................................................