ท่าเรือ Mulberry แห่งนอร์มังดี

24 ธันวาคม 2563 (13:30) แปลโดย รักและคิดถึงเหมือนเดิม

เมื่อออกทะเลใน Arromanches-les-Bains หมู่บ้านเล็ก ๆ บนชายฝั่ง Normandy ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศสโป๊ะคอนกรีตขนาดใหญ่ที่จมอยู่ใต้น้ำเค็มครึ่งหนึ่งเผยให้เห็นตัวเองอย่างครบถ้วน โครงสร้างคอนกรีตเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของยุโรปช่วยอำนวยความสะดวกในการยกพลขึ้นบกของกองกำลังพันธมิตรหลายพันคนและอุปกรณ์ของพวกเขาบนชายหาดของ Normandy ในช่วง Operation Overlord

ซากปรักหักพังของท่าเรือ Mulberry ใน Arromanches-les-Bains นอร์มังดีประเทศฝรั่งเศส ภาพ: Shandarov Arkadii / Shutterstock.com

การรุกรานนอร์มังดีของพันธมิตรเป็นการปฏิบัติการครั้งใหญ่และกล้าหาญซึ่งต้องมีการเคลื่อนย้ายกำลังพลกว่าหนึ่งล้านคนและยุทโธปกรณ์ทางทหารหลายหมื่นเมตริกตันรวมถึงอาวุธกระสุนยานพาหนะรถถังอาหารเสื้อผ้าและเสบียงอื่น ๆ การขนอุปกรณ์จำนวนมากจากเรือไปยังชายหาดจำเป็นต้องมีท่าเรือ แต่ฮิตเลอร์ได้รักษาความปลอดภัยท่าเรือที่สำคัญทั้งหมดตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกแล้วสร้างกำแพงป้อมปราการชายฝั่งที่ทอดยาวจากสแกนดิเนเวียไปยังสเปน กำแพงป้องกันนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถเจาะทะลุได้ดังที่ความพยายามบุกที่ Dieppe เมื่อเดือนสิงหาคม 1942 แสดง หลังจากการโจมตีที่ล้มเหลวรองพลเรือเอกจอห์นฮิวจ์ - ฮัลเล็ตต์แนะนำว่าหากไม่สามารถยึดท่าเรือที่ใช้งานได้บนชายฝั่งของฝรั่งเศสก็ควรนำท่าเรือข้ามช่อง

แนวคิดเรื่องท่าเรือลอยน้ำชั่วคราวที่เรียกว่า Mulberries - ได้รับการสนับสนุนทันทีจากเชอร์ชิลล์ เชอร์ชิลล์เองก็ลอยความคิดเช่นนี้ย้อนกลับไปในปีพ. ศ. เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 เชอร์ชิลล์ได้ออกคำบรรยายสั้น ๆ และตรงไปยังจุดบันทึกอย่างไร้ความปราณีโดยอธิบายถึงข้อกำหนดสำหรับระบบท่าเรือ Mulberry บันทึกที่อ่าน:

ท่าเทียบเรือสำหรับใช้บนชายหาด: ต้องลอยขึ้นและลงตามกระแสน้ำ ต้องเข้าใจปัญหาจุดยึด…ขอฉันมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด อย่าเถียงเรื่อง ความยุ่งยากจะเถียงให้ตัวเอง

ท่าเรือเทียม Mulberry นอก Arromanches ใน Normandy กันยายน 1944

ระบบท่าเรือมัลเบอร์รี่ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ ประการแรกเขื่อนกันคลื่นหลายชุดถูกสร้างขึ้นโดยการแล่นเรือเก่าเข้าที่เป็นครั้งแรกและแล่นไป ถัดมามีซากเรือคอนกรีตขนาดใหญ่สูง 6 ชั้นซึ่งมีชื่อรหัสว่า "ฟีนิกซ์" ซึ่งถูกลากไปยังนอร์มังดีและจมลงไปเพื่อเสริมกำลังให้กับเรือที่แล่นออกไป ด้วยเขื่อนกันคลื่นที่แข็งแรงในสถานที่กำบังชายฝั่งเรือโป๊ะจึงลอยและมีการวางถนนที่ยืดหยุ่นเหนือพวกเขา โดยรวมแล้วชิ้นส่วนที่ลากจูงมากกว่า 400 ชิ้นถูกนำมาใช้เพื่อสร้างท่าเรือ Mulberry สองแห่งแต่ละแห่งมีท่าเรือหลายท่าแห่งหนึ่งที่ชายหาด Omaha เพื่อใช้โดยกองกำลังรุกรานของอเมริกาและอีกแห่งที่ Arromanches เพื่อใช้โดยกองกำลังรุกรานของอังกฤษและแคนาดา เมื่อถึงกลางเดือนมิถุนายนมัลเบอร์รี่เกือบจะพร้อมเมื่อเกิดพายุร้ายซึ่งรุนแรงที่สุดที่จะเข้าโจมตีชายฝั่งนอร์มังดีในรอบ 40 ปี ทำลายท่าเรืออเมริกันทิ้งท่าเรือ Mulberry ที่ Arromanches ซึ่งเป็นเพียงแห่งเดียวที่ใช้งานได้ เมื่อเวลาผ่านไปท่าเรือได้รับการขนานนามว่า Port Winston หลังจาก Winston Churchill

ในช่วงหลายเดือนถัดจากวันดีเดย์เมืองท่าวินสตันถูกใช้ในการลงจอดกว่า 2.5 ล้านคนยานพาหนะ 500,000 คันและเสบียง 4 ล้านตันซึ่งเป็นการเสริมกำลังที่จำเป็นอย่างมากในฝรั่งเศส

แม้แต่ Albert Speer สถาปนิกคนโปรดของฮิตเลอร์ผู้ออกแบบแนวป้องกันของเยอรมนีก็ยังยกย่องท่าเรือ Mulberry หลังสงคราม Speer กล่าวว่า:

ในการสร้างแนวป้องกันของเราในสองปีเราใช้คอนกรีต 13 ล้านลูกบาศก์เมตรและเหล็ก1½ล้านตัน หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่นอร์มังดีแลนดิงส์ความพยายามอันแสนแพงนี้ไม่ได้เกิดจากความคิดของอัจฉริยะที่เรียบง่าย อย่างที่เราทราบกันดีว่ากองกำลังบุกได้นำท่าเรือของตนเองและสร้างขึ้นที่ Arromanches และ Omaha บนชายฝั่งที่ไม่มีการป้องกันซึ่งเป็นทางลาดลงจอดที่จำเป็น

ปัจจุบันยังคงหลงเหลืออยู่ของท่าเรือ Mulberry จากชายหาดที่ Arromanches นอกจากนี้ซากศพ“ ฟีนิกซ์” หลายตัวยังจมลงในขณะที่ถูกลากจูงและสามารถพบเห็นได้ในสถานที่ต่างๆทั่วสหราชอาณาจักรเช่นใน Thorpe Bay ใน Southend-on-Sea ที่ Pagham ใน West Sussex และ Portland Harbor ใน Dorset .