พื้นหลุมฝังศพของมหาวิหารร่วมเซนต์จอห์นแห่งมอลตา

7 ธันวาคม 2563 (08:23) แปลโดย Stubborn children

ได้รับการว่าจ้างในปี 1572 โดยปรมาจารย์ฌองเดอลาคาสซิแยร์ในฐานะโบสถ์เซนต์จอห์นซึ่งเป็นโบสถ์ร่วมของเซนต์จอห์นในวัลเลตตาประเทศมอลตาถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมบาโรกชั้นสูงในยุโรปและเป็นหนึ่งใน มหาวิหารที่ยิ่งใหญ่ของโลก การตกแต่งภายในของมหาวิหารมีความหรูหราอย่างยิ่งด้วยผนังหินแกะสลักเพดานโค้งทาสีและแท่นบูชาด้านข้างพร้อมฉากชีวิตของยอห์นผู้ให้บัพติศมา สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือพื้นหินอ่อนซึ่งประกอบด้วยหลุมฝังศพของอัศวินและเจ้าหน้าที่ของภาคีเกือบ 400 แห่ง หลุมฝังศพแต่ละหลุมฝังด้วยแผ่นหินอ่อนสีที่มียอดตราแขนเสื้อและจารึกของอัศวินผู้สูงศักดิ์

เครดิตภาพ: www.maltacultureguide.com

อัศวินแห่งเซนต์จอห์นแห่งเยรูซาเล็มเป็นขุนนางจากตระกูลที่สำคัญที่สุดในยุโรปและภารกิจของพวกเขาคือปกป้องศรัทธาคาทอลิกต่อกองกำลังมุสลิม อัศวินมาที่มอลตาในปี 1530 หลังจากที่พวกเขาถูกขับไล่จากบ้านเดิมที่โรดส์โดยพวกเติร์กในปี 1522 ใช้มอลตาเป็นฐานทัพใหม่อัศวินยังคงต่อสู้กับพวกเติร์กและโดยเฉพาะอย่างยิ่งโจรสลัดบาร์บารี ไม่พอใจที่เห็นคำสั่งย้ายถิ่นฐานสุลต่านออตโตมันสุไลมานผู้ยิ่งใหญ่ส่งกองกำลังบุกโจมตีมอลตาประมาณ 40,000 คน แม้จะมีกองทัพขนาดเล็กจำนวน 6,000 นายซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นพลเรือนและมีอัศวินเพียง 500 คน แต่พวกเติร์กก็ไม่สามารถปิดล้อมเกาะได้ หลังจากปกป้องมอลตาจากอาณาจักรออตโตมาน

อัศวินที่ตกอยู่ในระหว่างการปิดล้อมครั้งใหญ่ในปี 1565 เดิมถูกฝังอยู่ในป้อมเซนต์แองเจโล แต่ต่อมาได้ถูกฝังเข้าไปใหม่ในมหาวิหารเซนต์จอห์น ต่อมาพวกเขาได้เข้าร่วมโดย Grand Masters เช่น Philippe Villiers de L'Isle-Adam, Claude de la Sengle, Jean Parisot de Valette และ Alof de Wignacourt หลุมฝังศพที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุย้อนไปถึงปี 1606 ประมาณ 25 ปีหลังจากที่คริสตจักรเปิดทำการ ศพยังคงถูกฝังอยู่ในมหาวิหารจนถึงศตวรรษที่ 19

ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในมอลตาและได้รับการระบุไว้ในรายการทรัพย์สินทางวัฒนธรรมแห่งชาติของหมู่เกาะมอลตา