TDRIร้องรัฐ! ค่ารถไฟฟ้าไทยแพงกว่าสิงคโปร์ 20 % ทำคนจนเข้าไม่ถึง-เสนอค่ารถไฟฟ้าลดหย่อนภาษีปีละหมื่นบาท
ไม่ไหวก็บอกไม่ไหว!!! TDRI ตอกย้ำความจริง ระบุชัด ค่าโดยสารรถไฟฟ้าของไทยสูงกว่าสิงคโปร์ถึง 20% (แม้ว่าสิงคโปร์จะมีการปรับค่ารถไฟฟ้าตามขนาดเศรษฐกิจใหม่และรายได้ประชากรแล้วแต่กลับพบว่าค่ารถไฟฟ้าไทยยังแพงกว่าอยู่ดี) ทำคนจนเข้าไม่ถึง-แพงเกินไปกว่ากำลังซื้อของผู้มีรายได้น้อย ส่งผลให้ผู้ใช้บริการเป็นกลุ่มคนรายได้ปานกลางและรายได้สูง จี้รัฐเร่งอุดหนุนค่าโดยสาร เสนอค่ารถไฟฟ้าลดหย่อนภาษีปีละ 10,000 บาท
โดยเรื่องนี้ ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า รัฐบาลต้องศึกษาโมเดลของต่างประเทศในการควบคุมค่าโดยสาร เช่น โมเดลของประเทศญี่ปุ่นที่มีการยกเว้นค่าแรกเข้าเมื่อเปลี่ยนเส้นทางรถไฟฟ้าหรือการใช้ระบบตั๋วร่วม (Common Ticket) เพื่อลดค่าบริการขนส่งสาธารณะลง เช่น ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วสามารถลดค่ารถเมล์ได้ 50% จึงส่งผลให้การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ซับซ้อนหรือการเดินทางไกลมีอัตราค่าโดยสารที่ถูกกว่าของประเทศไทย
"รัฐบาลต้องกลับมาทบทวนว่าควรให้ความสำคัญกับเรื่องรถไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาจราจรหรือไม่ ในแต่ละปีรัฐบาลอัดฉีดเงินอุดหนุนภาคท่องเที่ยวปีละ 10,000-20,000 บาท/คน แต่เรื่องรถไฟฟ้าเป็นสิ่งใกล้ตัว คงจะดีหากมีการส่งเสริมให้นำบัตรลดไฟฟ้ามาลดหย่อนภาษีได้ เพราะผลศึกษาพบว่าอัตราค่าใช้จ่ายรถไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 1,000 บาท/คน ดังนั้นการลดหย่อนภาษีปีละ 10,000 บาทเป็นเรื่องที่น่าจะทำได้ถ้ารัฐบาลเห็นความสำคัญ" ดร.สุเมธ กล่าว
นอกจากนี้ ดร.สุเมธยังกล่าวต่อไปว่า ภาครัฐควรทบทวนการส่งเสริมผู้มีรายได้น้อยใช้รถไฟฟ้าผ่านบัตรสวัสดิการ โดยทีดีอาร์ไอมองว่า 500 บาท/เดือนนั้นยังไม่เพียงพอและไม่สอดคล้องกับค่ารถไฟฟ้าที่เฉลี่ยต่อเที่ยวอยู่ที่ 30-40 บาท ดังนั้นรัฐบาลอาจต้องพิจารณาเพิ่มวงเงินเป็น 700-800 บาท/เดือน ให้เหมาะสมกับศักยภาพรายได้ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขค่าโดยสารมีรายละเอียดที่ต้องพูดคุยกับเอกชนหลายด้าน เช่น สัญญาสัมปทานของผู้เดินรถรายเดิม เป็นต้น นอกจากนี้ ทีดีอาร์ไอยังมองว่า เรื่องเร่งด่วนอีกประเด็นคือการแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟในต่างจังหวัด ปัจจุบันเกิดอุบัติเหตุจำนวนมาก ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามทำผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ก็ต้องเจอปัญหาความล่าช้า เมื่อมีกรมการขนส่งทางรางแล้วควรจะมีหน้าที่เข้ามากำกับดูแลแก้ปัญหาโดยตรง
ด้าน นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองอธิบดีกรมราง กล่าวว่า การจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางเน้นนโยบาย 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) พัฒนาโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานทางราง 2) มาตรการความปลอดภัย 3) โครงสร้างค่าโดยสาร 4) การออกใบอนุญาต และ 5) ส่งเสริมผู้ประกอบการขนส่งและดูแลประชาชน ทั้งหมดนี้เพื่อประชาชนในการเข้าถึงระบบรางได้รับคุณภาพบริการที่ดีและค่าโดยสารต้องเป็นธรรม ขณะนี้กรมรางอยู่ระหว่างวางโครงสร้างองค์กรและการรวบรวมข้อมูลเสนอฝ่ายกฤษฎีกาเพื่อขอออกกฎหมาย พรบ.ขนส่งทางรางต่อไป โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาภายใต้รัฐบาลชุดใหม่
"แนวทางในการเข้ามาดูแลเรื่องราคาค่าโดยสารนั้น มีแผนศึกษาหลายรูปแบบ เช่น การลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลรายปีสำหรับค่ารถไฟฟ้า รัฐบาลอุดหนุนค่าโดยสาร (Subsidy) ตลอดจนการส่งเสริมอุดหนุนให้พนักงานบริษัทขนาดใหญ่หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ แต่ทั้งหมดนี้ต้องรอโครงข่ายรถไฟฟ้าแล้วเสร็จทั้งหมดก่อน นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดนำเงินภาษีรถยนต์ประจำปีมาอุดหนุนค่าโดยสารรถไฟฟ้าอีกด้วย" รองอธิบดีกรมราง กล่าว.
แหล่งที่มา: https://www.facebook.com/moremovemag