💛พ่อแม่รังแกฉัน💛 👎🏻พฤติกรรมของพ่อแม่ที่ส่งผลเสียต่อลูกน้อยในอนาคต 👶🏻
เคยได้ยินกันไหมคะว่า “พ่อแม่เป็นยังไง ลูกก็เป็นอย่างนั้น” ซึ่งประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กที่เรียนรู้จากการฟัง หรือเห็นพ่อแม่เป็นแบบอย่าง และเขาก็มักจะเลียนแบบพฤติกรรมเช่นนั้นเหมือนกัน
หากคุณพ่อคุณแม่เกิดแสดงพฤติกรรมแย่ๆ ออกมาให้เด็กๆ เห็น ก็อาจจะทำให้เด็กเติบโตมาในวงจรพฤติกรรมที่ไม่ดีที่ส่งผลเสียในอนาคตของเด็กๆ ก็ได้นะคะ
-
พูดคำหยาบต่อหน้าลูก
เมื่อไหร่ที่คุณพ่อคุณแม่ได้เผลอพูดคำหยาบคายขึ้นมา หรือแม้แต่เพียงด้วยความไม่ตั้งใจ เพียงแค่เด็กๆ ได้ยินครั้งเดียว รู้ไหมคะว่าเขาสามารถจำคำที่คุณเผลอพูดออกมาได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราๆ ก็ควรจะต้องระมัดระวังคำพูดกันให้มากๆ เลยนะคะ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกนั้นเองค่ะ
-
สูบบุหรี่หรือแอลกอฮอล์ให้ลูกเห็น
ทุกคนล้วนทราบกันอยู่แล้วว่าบุหรี่และแอลกอฮอล์นั้นเป็นสิ่งที่มีโทษ ทั้งต่อตนเองแล้วก็ยังส่งผลเสียต่อคนรอบข้าง ซึ่งยิ่งคนเป็นพ่อเป็นแม่ทำพฤติกรรมเหล่านี้ให้ลูกได้เห็น บ่อยๆ จนบางครั้งเด็กอาจจะคิดว่าการที่สูบบุหรี่หรือดื่มของมึนเมาเป็นสิ่งที่ไม่ผิดก็ได้นะคะ ยิ่งไปกว่านั้นหากพ่อแม่ดื่มแอลกอฮอล์จนขาดสติ ก็อาจทำร้ายคนรอบข้างที่เรารักโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ค่ะ
-
ทะเลาะกันต่อหน้าลูก
ไม่ว่าครอบครัวไหนก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์การทะเลาะกันภายในครอบครัวหรอกจริงไหมคะ แต่ถ้าหากเกิดคุณเองก็ไม่ควรที่จะทำให้เด็กๆ ได้เห็นถึงพฤติกรรมและความรุนแรงเหล่านั้น ซึ่งจะทำให้เด็กรู้สึกว่าเขาเองไม่เหลือใคร และคิดว่าไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ทำให้ส่งผลเสียในอนาคตของเด็กๆ ได้ ยังไงทำให้ครอบครัวรักกันไว้ดีกว่านะคะคุณพ่อคุณแม่
-
ฝากคนนั้นเลี้ยงที คนนี้เลี้ยงที
เข้าใจเลยนะคะว่ายุคสมัยที่เปลี่ยนไปก็ทำให้พฤติกรรมการเลี้ยงดูลูกก็เปลี่ยนไปด้วย ยิ่งยุคนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ทำงานก็ทั้งคู่ เลยจำเป็นต้องฝากคนรอบข้างเลี้ยง เปลี่ยนคนโน้นทีคนนี้ที จนบางครั้งเมื่อเด็กๆ พอที่จะรู้เรื่องอย่าง เด็กอายุ 3-5 ขวบ เขามักจะคิดว่าไม่มีคนรัก ไม่มีคนต้องการแม้แต่คุณพ่อคุณแม่ของเขาเอง ซึ่งเด็กๆ มักจะไม่เข้าใจเหตุผล ส่งผลให้เขารู้สึกเหงาและสร้างกำแพงทางใจได้นะคะ
-
ใช้เทคโนโลยีเลี้ยงลูก
เทคโนโลยีก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียหากเราใช้ไม่ถูกทาง อย่างการใช้โทรศัพท์หรือเทคโนโลยีในการเลี้ยงลูก ยิ่งเป็นเด็กอายุ 0-7 ปี มีผลการวิจัยบอกว่า ไม่ควรได้รับแสงจากรังสีหน้าจอ LCD เพราะเป็นอันตรายต่อสายตาและสมอง แถมยังมีผลเสียต่อสมาธิของเด็กอีกด้วย เนื่องจากหน้าจออย่างเช่นแท็บแล็ตที่มีการเปลี่ยนหน้าจอแวบไปแวบมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กๆ เป็นเด็กสมาธิสั้น และยิ่งเด็กติดทำให้เกิดผลเสียตามมามากมายแทนที่จะออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านกลับกลายเป็นว่านั่งติดจอแบบนี้นั้นเองค่ะ
-
คาดหวังให้ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะ
คุณพ่อคุณแม่คนไหนๆ ก็อยากให้ลูกเป็นเด็กที่เก่งดั่งใจของพ่อแม่กันทั้งนั้น และคุณพ่อคุณแม่มักจะวางแผนการเรียนต่างๆ ให้ลูก อย่างเช่นการเรียนพิเศษตั้งแต่ยังเล็ก พาไปประกวดให้พบเจอผู้คนมากมายเพื่อที่ให้ลูกกล้าแสดงออก หรืออื่นๆ ก็ตาม จริงๆ แล้วเราควรพาลูกไปในวัยที่เหมาะสมของเขานะคะ เพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะกลายเป็นว่าเด็กๆ อาจจะสูญเสียช่วงวัยเด็กที่มีค่าไปอย่างน่าเสียดายเลยนะคะคุณแม่ๆ ยังไงก็ให้เด็กๆ ได้เติบโตสมวัยด้วยพัฒนาการอย่างเป็นธรรมชาติจะดีกว่านะคะ
-
ดูถูกหรือล้อเลียนคนอื่นต่อหน้าลูก
การดูถูกหรือล้อเลียนคนอื่นที่ด้อยกว่าให้ลูกฟังหรือเห็น เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีเลยนะคะ เพราะจะทำให้เด็กๆ จดจำและเมื่อโตขึ้นจะทำให้เขาไม่เคารพคนอื่น และคิดว่าตัวเองนั้นดีที่สุดนั้นเองค่ะ พอเจอคนอื่นที่ด้อยหรืออ่อนแอกว่า ก็จะทำให้เขาดูถูกคนอื่นและไม่เห็นค่าคนอื่นได้นะคะ เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ควรระมัดระวังด้วยนะคะคุณพ่อคุณแม่
-
โกหกลูก
การโกหกโดยเฉพาะเมื่อคุณได้สัญญาว่าจะให้อะไรกับลูก ก็ต้องทำตามสัญญานั้นนะคะ เพราะถึงจะเป็นเด็ก แต่ความจำของเขานั้นเป็นเลิศเลยนะคะ หากผิดสัญญา ครั้งต่อไปเขาก็จะไม่ยอมฟังเราแล้วค่ะ เพราะเราไปโกหกลูกนั้นเอง ความน่าเชื่อถือหรือความไว้วางใจก็ลดลงเด็กๆ จะไม่เชื่อคำพูดของเราอีกต่อไปค่ะ
-
เอาทุกอย่างมาลงที่ลูก
สังเกตได้จากเมื่อใดก็ตามที่คุณกลับมาจากการทำงานอย่างเหนื่อยล้า หรือมีเรื่องเครียดจากสิ่งใดมาก็ตาม คุณพ่อหรือคุณแม่ควรเก็บอารมณ์เหล่านั้นและแยกแยะสถานการณ์ต่างๆ ให้ได้ ไม่ใช่ว่ามาถึงบ้านแล้วมาลงทุกอย่างให้กับลูก แล้วมาเสียงดังใส่เขา ทั้งๆ ที่ลูกนั้นไม่รู้ถึงปัญหาที่เราพบมาเลยสักนิด เพราะฉะนั้นเมื่อเจอลูกก็ยิ้มแย้มร่าเริงเข้าไว้นะคะ ช่วยสร้างลูกให้เป็นเด็กร่าเริง แถมเป็นการสร้างพัฒนาการที่ดีในอีกหลายๆ ด้านเลยก็ว่าได้ค่ะ
-
ช่วยลูกปิดบังความลับ
เมื่อใดที่มีเรื่องให้ต้องเป็นความลับกันระหว่างสองคนแล้ว อย่างเช่น เมื่อพ่อบอกลูกว่า “เป็นความลับระหว่างเรานะลูก อย่างให้แม่รู้ แล้วพ่อจะให้กินขนม” ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยและทำให้ลูกรู้สึกว่าเป็นคนโปรดของคุณ แต่การโกหกหรือหลอกนั้น เป็นการสอนให้เขาเป็นคนโกหกปิดบัง และจะทำให้ลูกลดอำนาจและบทบาทของคุณแม่หรือคุณพ่อลง เมื่อไหร่ที่เราต้องการจะสั่งสอนเขาก็จะยากลำบากขึ้นไปอีกด้วยค่ะ
-
ทำผิดเสียเอง
เมื่อที่บ้านได้ตั้งกฎหรือข้อห้ามขึ้นมา เพื่อต้องการสร้างวินัยบางอย่างให้กับลูก แต่กลับกลายไปว่าเราเองนี่แหละที่เป็นคนทำผิดซะเอง ทำให้ความน่าเชื่อถือของเราลดลง ลูกก็จะว่าเอาได้ว่าเราก็ยังทำผิดกฎที่ตั้งมาเลย เมื่อใดที่ลูกทำผิดบ้างเขาก็จะคิดว่าขนาดคุณพ่อหรือคุณแม่เองยังทำผิดได้ เขาก็ย่อมทำได้เหมือนกัน เมื่อออกไปเจอความจริงข้างนอก เขาอาจจะติดพฤติกรรมการฝืนกฎกติกาของการอยู่ร่วมกันไม่ว่าที่ใดที่หนึ่งก็ได้ค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะคุณพ่อคณแม่ เห็นอย่างงี้แล้วก็ต้องระมัดระวังพฤติกรรมที่เหมาะสมของเราเลยใช่ไหมละคะ เราก็เปรียบเสมือนกระจกเงา ที่ส่องลูกนะคะ เราเป็นยังไงลูกก็จะได้อย่างงั้น เพราะฉะนั้นควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก และทำครอบครัวให้อบอุ่นกันนะคะ
แหล่งที่มา: https://www.facebook.com/parentsone