ว่าที่เศรษฐีใหม่ หอบ ”อัมพันทะเล” แจ้งความ หลังมีผู้รับซื้อแล้ว ให้กิโลละ 1 ล้านบาท
สองพ่อลูก ชาวจังหวัดชุมพร กำลังจะได้เป็นว่าที่เศรษฐีใหม่ หอบอัมพันทะเลแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน หลังมีผู้รับซื้อแล้ว ให้กิโลกรัมละ 1 ล้านบาท!!เมื่อวันที่ 18 มี.ค. นายวิชาญ หรือ ลุงอ๊อด อินทอง อายุ 64 ปี ชาว ต.ท่าหิน อ.สวี จ.ชุมพร พร้อมด้วย น.ส.วรรษา หรือ น้องฝน อินทอง อายุ 23 ปี สองพ่อลูก ได้นำอำพันทะเล หรือ อ้วกปลาวาฬ น้ำหนัก 11 กิโลกรัม มีลักษณะสีส้มคล้ายหินอ่อน ใส่ถุงหิ้วพลาสติกเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี เพื่อยืนยันแสดงความเป็นเจ้าของ หลังพบเจอเมื่อปี 2537 หรือเมื่อ 25 ปีก่อน บริเวณชายหาดใกล้บ้านพัก
ซึ่งล่าสุดได้มีการโพสต์ลงประกาศทางสื่อสังคมออนไลน์และสอบถามผู้เชี่ยวชาญจนนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสทราบและเห็น จึงติดต่อมาขอซื้อในราคากิโลกรัมละ 1 ล้านบาท ต่อมาเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงนำมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนายวิชาญ กล่าวว่า เมื่อปี 2537 หรือประมาณ 25 ปี ครอบครัวของตนเปิดกิจการร้านอาหารอยู่ริมทะเลบ้านหาดทรายรี ม.8 ต.ท่าหิน อ.สวี จ.ชุมพร ขณะยืนอยู่ภายในร้านได้มองเห็นวัตถุชนิดหนึ่ง ซึ่งคาดว่าอาจถูกคลื่นทะเลซัดมาเกยชายหาดปักโผล่เหนือดินทรายเพียงครึ่งหนึ่ง
ด้วยความสงสัยจึงเดินไปเก็บมาไว้ที่บ้าน ตอนแรกคิดว่าเป็นก้อนขี้เทียน ตนและภรรยาจะเอาไปหลอมทำเป็นเทียนพรรษาอยู่หลายครั้ง แต่เหมือนมีอะไรมาดลใจให้เก็บรักษาไว้ หลังจากนั้นก็เก็บใส่ตู้ไว้อย่างดีและไม่ได้สนใจเอาออกมาดูอีก“กระทั่งเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา มีเพื่อนๆ ของลูกชายเดินทางมาจาก จ.ภูเก็ต มาเห็นอำพันทะเล หรือ อ้วกปลาวาฬ และทักว่ามีราคาแพงมากเนื่องจากเห็นจากสื่อทีวี หลังจากนั้น น.ส.วรรษา ลูกสาวได้โพสต์ภาพถ่ายประกาศสอบถามผู้เชี่ยวชาญทางโลกโซเชียลว่ามันคืออะไรกันแน่
จนมีนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส อ้างว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำหอมมีความสนใจเสนอให้ราคากิโลกรัมละ 1 ล้านบาท แต่จะของเดินทางมาพิสูจน์ว่าเป็นอำพันหรืออ้-ว–กปลาวาฬของจริงหรือไม่ โดยจะขอเก็บตัวอย่างไปเข้าห้องแล็บก่อน” นายวิชาญ กล่าว นายวิชาญ กล่าวต่อว่า ตนจึงรู้สึกว่าถ้ามีราคามากถึงขนาดนั้น อาจจะเกิดความไม่ปลอดภัยจึงได้ปรึกษากับลูกสาว และนำมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากถ้าผลพิสูจน์ออกมาว่าเป็นของจริงอำพันทะเลก้อนดังกล่าว มีมูลค่าอย่างน้อย กว่า 11 ล้านบาทแน่นอนแต่ตนเชื่อว่าเป็นของแท้เนื่องจากได้เอาไฟลนพอถูกความร้อนจะละลายเหมือนขี้เทียน แต่มีกลิ่นคาวเล็กน้อย หลังจากนี้ต้องเก็บรักษาไว้อย่างดี
สำหรับอำพันทะเล หรือ อ้วกวาฬ เป็นผลิตผลที่มาจากการสำรอกหรือการขับถ่ายของวาฬส–เ-ปิ-ร์-ม มีลักษณะเป็นของแข็งซึ่งเป็นก้อนไขมันมีหลายเฉดสีตั้งแต่สีเทาหรือสีดำ ไปจนถึงสีโทนอ่อนอย่าง สีส้มหรือสีขาวคล้ายหินอ่อน ที่พบเฉพาะในลำ–ไ-ส้-ของวาฬสเ-ปิ–ร์ม มีส่วนประกอบของคลอเรสเตอรอลและไขมันร้อยละ 80, สารเบนโซอิก และแอลกอฮอล์เชิงซ้อนทำให้มีกลิ่นหอม
โดยวาฬสเปิร์ม-จะกินสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลังจำพวกหมึกเป็นอาหารหลัก แต่จะกินเข้าไปโดยไม่มีการเคี้ยวอย่างละเอียด แต่จะใช้วิธีการกลืนเข้าไปทั้งตัวแล้วไปย่อยสลายในกระเพาะ แต่คลอเรสเตอรอลของหมึกไม่อาจจะย่อยได้ง่าย ประกอบกับหมึกมีปากที่แข็งระคายเนื้อเยื่อของวาฬ คลอเรสเตอรอลดังกล่าว จึงไปสะสมเป็นก้อนอยู่ใน-ลำ-ไ-ส้-ของวาฬ ซึ่งขณะอยู่ในลำ-ไ-ส้–ของวาฬจะไม่มีกลิ่นหอม แต่จะมีกลิ่นเหม็นเหมือนสิ่งขับถ่ายทั่วไป
และมีลักษณะเป็นก้อนสีดำมีความนิ่ม แต่เมื่อวาฬได้ขับถ่ายออกมาแล้วได้เกิดปฏิกิริยากับสายลมและแสงแดดนานนับปี โดยล่องลอยอยู่ในทะเล ด้วยค่าความถ่วงจำเพาะที่มีน้อยกว่าน้ำทะเล จึงมีคุณสมบัติทางเคมีเปลี่ยนไป ทำให้มีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาว, น้ำตาล, เทา หรือดำ ตามระยะเวลาในการทำปฏิกิริยา ละลายที่อุณหภูมิมากกว่า 62 องศาเซลเซียส แต่ด้วยอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียสจะระเหยเป็นไอ
อำพันทะเล นับเป็นของมีค่า ราคาแพง และหาได้ยากยิ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีประโยชน์ในการทำเป็นหัวน้ำหอมและเครื่องสำอาง หรือนำไปแต่งกลิ่นในอาหารหรือไวน์ สำหรับตำราสมุนไพรไทยใช้ทำยาได้ ทำให้มีราคาซื้อขายกิโลกรัมละหลายหมื่นบาทหรืออาจจะถึงล้านบาทขึ้นอยู่กับคความเก่าใหม่ส่วนวิธีการหาอำพันทะเล ทำได้ 2 แบบ คือ รอให้ลอยมาติดตามชายฝั่งหรือล่องเรือออกไปหากลางทะเล และออกล่าวาฬ แล้วผ่าท้องหาจากลำไส้ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการล่าวาฬ ซึ่งปัจจุบันมีการคุ้มครองตามกฎหมายสากล